ปากร้ายใจอ่อน100%

1599 Words
“นี่เธอ เดี๋ยวก่อน” ขณะเดินมาเรื่อยๆ และกำลังคิดอะไรเพลินๆ เสียงห้าวติดหงุดหงิดเล็กน้อยของใครบางคนที่ตะโกนมาจากด้านหลัง ทำให้ลลนาต้องหลุดออกจากภวังค์หันกลับไปมอง “หยุดก่อนยัยแก้มยุ้ย” เสียงเรียกอีกครั้งดังๆ นั้น ทำให้คนที่หันหลังกลับมาแล้วต้องเงยหน้าไปมองผู้ชายตรงหน้าชัดๆ อีกที เธอว่าเธอหยุดแล้วนะ แต่ทำไมเขายังเอื้อมมือมาจับข้อมือเธอไว้อย่างกับกลัวจะหนีไปไหนซะอย่างนั้น ปฏิกิริยาแปลกๆ ที่เขาทำ อดไม่ได้ที่จะทำให้คนตัวเล็กต้องส่งสายตาเป็นคำถามกลับไปให้ “เธอ…” แต่คำตอบที่ได้รับคืออาการขมวดคิ้วมุ่นกับคำพูดติดๆ ขัดๆ ของคนตรงหน้า ทำเอาหญิงสาวยิ่งงงเข้าไปใหญ่ ก้มลงไปมองข้อมือบางก็เห็นเขายังเกาะกุมมันอยู่อย่างนั้นไม่ยอมปล่อย “เธอยังโอเคอยู่หรือเปล่า” คราวนี้จากเสียงหงุดหงิดใจร้อนเอาแต่ใจเปลี่ยนมาเป็นอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด สายตาที่ทอดมองไปตรงหน้าแม้จะดูขัดเขินไปบ้าง แต่มันก็แสดงความห่วงใยอย่างจริงใจออกมาจนเธอรับรู้ได้เช่นกัน มือหนาที่กุมข้อมือบางเอาไว้ เผลอบีบมันแน่นขึ้นไปอีกโดยไม่รู้ตัว ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าฉกฉวยเอาข้อมือเล็กๆ นี้มาเกาะกุมเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไร คนตัวเล็กหยุดคิดเล็กน้อย ยิ้มให้กับความห่วงใยไร้ซึ่งอารมณ์กวนโมโหที่หาดูไม่ได้ง่ายๆ ของชายหนุ่มนิดหน่อย ก่อนพูดออกไป “จะเอาคำตอบแบบไหนดีล่ะ” เธอตอบออกไปตามที่ใจคิด เห็นคนฟังตีหน้าสงสัยกลับมาเป็นคำถาม มือหนาคลายลงโดยไม่รู้ตัว เป็นจังหวะพอดีที่เธอจะพลิกข้อมือออก “คำตอบที่ทำให้คุณสบายใจ หรือตอบตามที่ฉันรู้สึก” ถ้าใครรู้จักลลนา คงจะรู้ว่าเธอเป็นคนตรงแบบนี้เสมอ ไม่โกหกความรู้สึกของตัวเอง รวมทั้งคนอื่นๆ เธอโกหกใครไม่เป็น “คำตอบอะไรก็ได้ที่ทำให้เธอสบายใจ” เสียงที่ตอบกลับมาอย่างอ่อนโยนกว่าที่เคยเป็น มันทำให้เธอรู้สึกดีแบบบอกไม่ถูก แค่ประโยคสั้นๆ จากคนไม่คุ้นเคย แต่แปลกที่มันทำให้น้ำตาพาลจะไหลออกมาซะให้ได้ เวลาที่คนเราอ่อนแอ ย่อมหวั่นไหวและต้องการใครสักคนอยู่ใกล้ อย่างที่หลายๆ คนชอบบอก มันก็คงจะจริง แต่มันคงไม่จำเป็นหรอกเธอเลือกจะหยุดความคิดไว้เพียงเท่านั้น ฝืนยิ้มให้คนตรงหน้าอีกครั้ง ก่อนส่ายหน้าน้อยๆ อย่างที่คนมองก็อดสงสัยไม่ได้ว่า มันแปลว่า‘ไม่เป็นไร’ หรือ‘ไม่ต้องการ’ มองตามร่างบางที่เดินห่างออกไป นานพอที่อีกฝ่ายก้าวเดินไปหยุดลงตรงหน้าลิฟท์ ภัทรพลเผลอสบถคำบางคำออกจากปาก ก่อนก้าวเท้าวิ่งตามเข้าไปโดยไม่รู้ตัว เขารู้สึกเกลียดตัวเองในเวลานี้ เกลียดที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่รู้ว่าทำไม ช่วงขาพาลจะก้าวตามคนตัวเล็กไป เพียงแค่เห็นใบหน้าบวกแววตาที่หม่นลงของอีกคนเพียงเท่านั้น “นี่เธอ…เดี๋ยวก่อน” ร่างสูงเร่งสาวเท้าเข้ามาจนทัน มือหนาเอื้อมไปรั้งประตูลิฟท์ได้ทันเวลาก่อนที่มันจะปิดสนิทลง พาตัวเองเข้าไปอยู่ในนั้นโดยอัตโนมัติ เหลือบมองไปยังตัวเลขชั้นที่ลลนากดค้างไว้ก่อนหน้านี้แล้ว จึงกดปิดประตูลงอย่างรวดเร็ว “เอ่อ...ฉัน…คือ” สายตาที่จ้องมองมาอย่างไม่พอใจจัดกับการถูกตามมาซึ่งๆ หน้า ทำให้แขกไม่ได้รับเชิญต้องพยายามหาข้อแก้ตัวปฏิเสธเป็นพัลวัน สมองของซีอีโอหนุ่มซึ่งตอนนี้แสร้งทำเป็นลอยหน้าลอยตามองเพดาน สองมือล้วงกระเป๋าด้วยท่าทางสบายอารมณ์กำลังถูกใช้งานอย่างหนัก หาข้อแก้ตัวอะไรดีวะ เสียฟอร์มแย่ ถ้าบอกกับยัยเตี้ยไปว่าเขาอ่อนไหวจัดกับไอ้เรื่องแบบนี้ มันขัดกับภาพลักษณ์ที่ (พยายาม) สร้างขึ้นมา (เฉพาะ) กับเธอยังไงไม่รู้ ไม่เหมาะๆ ร่างสูงของคนที่ภายนอกดูสบายอารมณ์ แต่กำลังสมองปั่นอยู่ในหัวตัวเอง เหลือบตามองยัยเปี๊ยกข้างๆ นิดหน่อย ก็เห็นยังถลึงตากลับมามองอย่างเอาเรื่องไม่เลิก ยิ่งพอเลยไปเห็นตัวเลขแสดงชั้นของลิฟท์ที่ใกล้ถึงจุดหมายขึ้นทุกที มันยิ่งทำให้ต้องเร่งสมองให้ทำงานหนักขึ้นอีกสิบเท่าตัว “ง่วงชะมัด” คนหาข้อแก้ตัวไม่ได้ อยู่ๆ ก็บ่นพึมพำออกมาอย่างนั้น ไม่พอมือหนายังยกขึ้นมาบีบๆ นวดๆ อยู่แถวระหว่างหัวตาทั้งสองข้างของตนเองเพื่อความสมจริง พอเหลือบมองยัยแก้มยุ้ยก็ยังไม่เลิกจ้อง แถมในนั้นยังเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามมากมายเต็มไปหมด “ขอกาแฟสักถ้วยสิ” บอกแล้วไงว่าเขามันโกหกไม่เก่ง เรื่องงานบริหารดูเหมือนจะไม่ยาก ประสบการณ์ที่สั่งสมมา ทำให้เขาเจรจาต่อรองธุรกิจอะไรก็ดูเหมือนจะประสบความสำเร็จ เรื่องลื่นเป็นปลาไหลนี่ก็ไม่ต้องพูด ถ้าวัตถุประสงค์หลักไม่ใช่ความบริสุทธิ์ใจอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้ เขาคงจะทำอะไรต่อมิอะไรได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องเปลืองพลังงานสมองมากมายขนาดนี้หรอก การเป็นคนดีนี่มันลำบากจริงๆ ยิ่งเป็นคนดีที่เหตุผลห่วยแตกขนาดนี้ด้วย ใครเขาจะเชื่อ ยิ่งเห็นสายตาไม่ไว้วางใจของยัยแก้มยุ้ยที่มองมาอย่างรู้ทันว่ามันไม่ใช่เจตนาที่แท้จริงด้วยแล้ว เขาล่ะอึดอัดใจเป็นบ้า “ไม่ต้องกิน!! อยากกินก็ไปหาซื้อกินเอง” เธอกระแทกเสียงตอบพลางก้าวเท้าเดินออกไปเมื่อประตูลิฟท์เปิดออกพอดี “แต่นี่มันเกือบเที่ยงคืนแล้วนะยัยเปี๊ยก ร้านที่ไหนเขาจะเปิด” เขาพูดพร้อมเดินตามออกมาด้วยความเร็วพอๆ กัน เกือบหัวคะมำเมื่ออยู่ดีๆ คนข้างหน้าก็หยุดเดินโดยไม่บอกไม่กล่าว แล้วหันมามองกันซะอย่างนั้น “ใช่ เที่ยงคืน” อีกครั้งที่เสียงใสกล่าวออกมาอย่างหงุดหงิด ไม่พอยังยกนาฬิกาข้อมือสีเหลืองแปร๊ด หน้าปัดมีลายการ์ตูนมายื่นตรงหน้าเขาเป็นการยืนยันชัดๆ แต่เห็นแล้วก็อดขำไม่ได้ ยัยนี่อายุเท่าไรแล้วเนี่ย ยี่สิบสี่เท่ายัยเกดจริงๆ หรือเปล่า ทำไมใส่นาฬิกาได้เด็กน้อยขนาดนี้ล่ะ “แต่คุณไปอยู่ภูธรมาเรอะ!! ไม่รู้จักร้านสะดวกซื้อหรือยังไง” เสียงใสยังกระแทกตามมาเน้นๆ และชัดๆ ทำให้ร่างสูงเกือบสะดุ้งหลุดออกมาจากภวังค์นาฬิกาโปเกมอนแทบไม่ทัน ดีนะที่รักษาภาพลักษณ์เอาไว้ได้ เออว่ะ ร้านสะดวกซื้อก็มีออกเยอะแยะ ทำไมไม่ไปวะเขาคิดกับตัวเองขำๆ แต่ก็นั่นล่ะ เมื่อแถเลือดซิบมาได้ขนาดนี้ ก็ต้องแถต่อไปอย่าให้เสียฟอร์ม คิดได้ดังนั้นจึงแกล้งตีหน้ามึนตอบกลับไปอย่างหงุดหงิด “แต่ฉันไม่ชอบกินกาแฟร้านสะดวกซื้อ” เขาเบ้หน้าพูดออกไป มันเหมือนคุณชายช่างเอาแต่ใจไม่มีผิด และปฏิกิริยาที่เห็นก็ทำให้หน้าบูดๆ ของลลนาอดอมยิ้มขึ้นมาไม่ได้ วูบหนึ่งแอบคิดจะมีผู้ชายอายุสามสิบสี่สักกี่คนที่ทำหน้างอนตามแบบฉบับคุณหนูที่ถูกสปอยล์มาตลอดได้น่ามองขนาดนี้ ถ้าไม่บอก คิดว่ายังเลขสองกลางๆ ซะด้วยซ้ำเลยนะนั่น “เธอขำอะไรของเธอ ยัยเตี้ย” ดวงหน้าคมของชายน้อย เอ้ย ไม่ใช่สิ ต้องเรียก‘ชายกลาง’ ถึงจะถูก ครอบครัวนี้เขามีพี่น้องห้าคน และตาพี่ภัทรตรงหน้าก็เป็นชายกลางคนที่สามพอดิบพอดี จากที่แกล้งงอนก็เปลี่ยนมาเป็นถลึงตามองคนตัวเล็กที่เอาแต่ขำเอาๆ นานๆ เข้าก็เริ่มจริงจังจนท้องคัดท้องแข็ง และอาการขำจัดของคนตรงหน้าก็เรียกให้คนตัวโตต้องเปลี่ยนอากัปกิริยาจากเดิมไปเป็นขมวดคิ้วมุ่นขึ้นมาโดยอัตโนมัติ “คุณอยากดื่มกาแฟไม่ใช่เหรอ” คิ้วหนาของคนอยากกินกาแฟขมวดมุ่นขึ้นไปอีก เพราะหลังจากหยุดอารมณ์ขำจัดไว้ได้สำเร็จ ลลนาก็หันกลับมาถามด้วยอาการอารมณ์ดีต่างจากเมื่อสักครู่นี้ลิบลับ “อืม” เสียงฮึมฮัมตอบในลำคออย่างไว้เชิง เมื่อเห็นอีกฝ่ายมองมาอย่างรู้ทัน เอาน่ะ เก๊กสักนิดก็ยังดี อย่าให้มันเสียฟอร์มไปมากกว่านี้เลย “แต่ในห้องฉันก็มีแต่กาแฟสำเร็จรูปเหมือนร้านสะดวกซื้อนะ” เธอว่า พลางหันหลังกลับไปก้มลงหยิบคีการ์ดในกระเป๋าอย่างไม่ต้องการคำตอบอะไรอีก ได้ยินเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอออกแนวประชดประชันของใครอีกคน แต่ก็ยอมเดินตามมาแต่โดยดี มันอาจจะดูง่ายที่ยอมให้ผู้ชายแปลกหน้า แถมยังลื่นเป็นปลาไหลไฟฟ้าก้าวเข้ามาในอาณาเขตของผู้หญิงตัวคนเดียวแบบตอนนี้ แต่ลึกๆ แล้วเธอเชื่อ เชื่อในความเป็นอัศวกิจวนิชย์ เชื่อว่าลูกผู้ชายทุกคนเต็มไปด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ เชื่อ…ในบางสิ่งที่เคยเห็น และที่สำคัญ มันไม่เคยทำงานผิดพลาด เธอเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD