เรื่องบางเรื่อง100%

1770 Words
แหวะ จะอ้วกแถมชุดสีแดงสายเดี่ยวสั้นเสมอหูของคุณเธอนี่มันก็แสบตาเป็นบ้า สาบานหรือเปล่าว่านี่คือชุดที่แต่งมาเยี่ยมคนป่วยที่โรงพยาบาลจริงๆลลนาคิดอยู่ในใจ อยากเบ้ปากถามออกไปจังๆ ตามที่คิด แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะฝ่ามือใหญ่ของคนข้างๆ บีบมือเธอหนักๆ เป็นสัญญาณเตือนว่าให้ยิ้มไว้ๆ เธอจึงต้องแกล้งฉีกยิ้มอยู่อย่างนั้น และไม่ทันที่จะมีการสนทนาอะไรกันให้มากมายนอกจากการกล้ำกลืนพยักหน้ารับของใครอีกคน เสียงแหลมแสบแก้วหูของอีกนางหนึ่งก็ดังแทรกเข้ามาทันที “พี่ภัทร อยู่นี่เอง” คราวนี้เป็นหญิงสาวตัวเล็กๆ แต่ถึงจะเล็กยังไงก็ยังสูงกว่าเธออยู่ดี กระโปรงสั้นเสมอหูในชุดเดรสสีอมชมพูนั้นจึงดูไม่สั้นเกินไปมาก เพราะขาคนใส่มันดันสั้นกว่า (เอ๊ะ เธอด่าตัวเองอยู่หรือเปล่า?) แค่เห็นก็ไม่อยากจะคิดว่าโรงแรมใหญ่โตของไอ้พี่ภัทรตัณหาจัดนี่จะวุ่นวายสักขนาดไหน คงมีผู้หญิงเดินเข้านอกออกในทั้งห้องทำงานทั้งห้องนอนกันอยู่ทั้งวี่ทั้งวันล่ะสิ และสองนางนี้ก็คงไม่พ้นเป็นเด็กในสังกัดของอีตาผู้ชายชีกอข้างๆ แล้ววันนี้ก็ดันกลายเป็นวันซวยที่รถไฟสองขบวนดันมาชนกัน เหอะ อยากรู้เหมือนกันว่าไอ้คนหล่อจัดไม่บันยะบันยังตรงหน้าจะจัดการยังไง เอ แต่จะว่าไป รสนิยมของนายนี่ก็ดีเหมือนกันนะ ดูแต่ละนางซิ สวยเชิดชนิดข่มกันไม่ลง เอายังไงดีล่ะ อืม แต่ถ้าเป็นเธอ เธอจะเลือกยัยตัวเล็กชุดอมชมพูหน้าตาจิ้มลิ้มคนนั้นนะ น่ารักดีออก มองแล้วมันเพลินตาเพลินใจดี ลลนายืนคิดเพลินๆ อยู่ในใจ ลืมไปชั่วขณะว่าตอนนี้เธอกำลังยืนคู่กับเขา เพราะมัวแต่เพ่งพิศใบหน้าของหญิงสาวสวยต่างสไตล์ทั้งสองคนนานไปหน่อย ได้ยินเสียงเหมือนเขาคุยอะไรกันก็ไม่รู้ ซึ่งเธอเองก็ไม่ได้สนใจจะฟังอยู่แล้ว มารู้ตัวอีกทีตอนมือหนาคู่เดิมที่กุมมือเธออยู่นั่นล่ะ ออกแรงกระตุกเบาๆ ชำเลืองกลับมามองด้วยสายตาแปลกๆ ที่มันชวนให้ขนลุกสิ้นดี ก่อนพูดบางประโยคที่ไม่เฉพาะนางทั้งสองแต่รวมถึงเธอด้วย ต่างพากันทำหน้าทำตาไม่ค่อยจะถูกไปตามๆ กัน “ผมขอตัวก่อนนะครับ เลิกงานพอดี” เขาพูดพลางก้มหน้ามองนาฬิกาข้อมือเรือนหรูที่ติดอยู่ประจำกาย ก่อนพูดประโยคต่อไปด้วยท่าทางสบายๆ “เผอิญนัดกับคุณแม่ไว้ว่าจะพายัยแก้มยุ้ย...เอ่อ แฟนน่ะครับ ไปทานข้าวที่บ้าน” เขายังคงพูดไปเรื่อยๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ยิ่งไอ้ท่าทีขัดเขินนิดหน่อยตอนที่เรียกเธอว่าแฟนน่ะนะ ขอบอกว่าอีตาพี่ภัทรทำได้แบบเนียนเวอร์แบบสุดๆ แต่ ฮะ อะไรนะ แฟนเหรอ บ้าหรือเปล่าไอ้พี่ภัทรบ้า นั่นมันผู้หญิงในคอลเลคชั่นของตัวเองเลยนะนั่น ทำไมพูดออกไปไม่คิดอย่างนั้นล่ะ พูดอย่างนี้ไปก็เท่ากับขุดหลุมฝังตัวเองชัดๆ เลยนะไอพี้ภัทรโรคจิตคนยิ้มหวานค่อยๆ ยิ้มแห้งลงเรื่อยๆ กับความคิดของตัวเองและคำพูดของคนข้างๆ หันไปมองนิดหน่อยพบว่าผู้ชายตรงหน้ายังทำเนียนไม่เลิก ไม่พอ ยังหันมาส่งรอยยิ้มอบอุ่นให้กับเธอซะอย่างนั้น แต่ยิ้มแบบนี้ เขายิ้มเหมือนพี่ภีมเลย ยิ้มอบอุ่นเหมือนที่พี่ภีมชอบยิ้มให้ยัยเกด ยิ้มที่มองแล้วต้องยิ้มตาม เธอชอบรอยยิ้มแบบนี้จัง “เฮ้ เธอเป็นบ้าอะไรของเธอเนี่ย ไปได้แล้ว ยัยแก้มยุ้ย” เสียงกระซิบเบาๆ ที่ดังข้างหูเรียกให้เธอหลุดออกจากภวังค์ของตัวเอง ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้สึกถึงแรงบีบจากมือใครคนเดิมที่มาหยิกแก้มเธอซะจนยืดเป็นเยลลี่ การเอียงมากระซิบข้างหูที่ใกล้จนเกินเหตุ ทำให้เธอต้องหันกลับไปขว้างค้อนวงโตให้อย่างอดไม่ได้ แต่เจ้าตัวกลับตอบสนองด้วยการส่งยิ้มกลับมาให้ในแบบเดิมๆ ยิ้มหวานอีกแล้ว เหอะ แต่เขาจะไม่เหมือนพี่ภีมก็ตรงนี้แหละ ทั้งเจ้าชู้ ทั้งโหด แถมยังชอบแกล้งอีกต่างหาก และปฏิกิริยาที่เจ้าของร่างสูงหันไปยิ้มให้กับคนข้างๆ ที่เพิ่งประกาศชัดว่าเป็นคนรักอย่างเอาอกเอาใจ แม้จะถูกสาวเจ้าทำหน้างอกลับมา แต่ก็ใช่ว่าจะทำให้แววตาแห่งความอ่อนโยนของนักธุรกิจหนุ่มอ่อนลงเลยสักนิด ทุกสิ่งที่เจอกับตาทั้งหมด ส่งผลให้ใบหน้าสวยที่เคลือบไว้ด้วยเครื่องสำอางอย่างดีของหญิงสาวทั้งสองแสดงอาการไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด มันไม่แปลกที่คนอย่างภัทรพลจะมีผู้หญิงเก็บไว้ในสต๊อกเป็นโหลๆ แต่มันก็เท่านั้น เพราะเท่าที่เห็นก็ไม่เคยที่ซีอีโอหนุ่มของโรงแรมชื่อดังใจกลางเมืองคนนี้เดินควงใครออกหน้าออกตา ไม่เคยสักครั้งที่จะเห็นเจ้าของธุรกิจหนุ่มควงผู้หญิงออกงานนอกเสียจากคุณแม่หรือไม่ก็น้องสาว จนทำให้บรรดาลูกหลานคนในวงการชั้นสูงต่างพากันหมายตาและลุ้นว่าใครจะเป็นผู้โชคดีที่จะได้รับเกียรตินั้น และเธอทั้งสองเองก็ยินดีที่จะเสนอตัวเป็นหนึ่งในตัวเลือกด้วยเช่นกัน แต่ดูท่าว่าสิ่งที่คิดจะไม่ง่ายเหมือนที่หวัง เพราะในเวลานี้และตอนนี้ นักธุรกิจหนุ่มกลับเดินเคียงคู่ไปกับผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นใครมาจากไหน ทั้งยังประกาศให้เกียรติเธอในฐานะคนรักอีกด้วย “นี่คุณ ปล่อยได้แล้ว” ลลนาที่โดนคนตัวโตลากมาจนระยะหนึ่งที่เธอคิดว่าน่าจะพ้นจากสายตาแม่สองสาวนั่นแล้ว จึงหันไปสะกิดคนข้างๆ โชคดีที่เขายอมปล่อยมือเธอแต่โดยดี มือหนาทั้งสองเปลี่ยนเป็นเท้าอยู่แถวเข็มขัด เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา เบื่อจะแย่ “ทำไมไม่บอกสองคนนั้นว่าฉันเป็นน้องสาว” พอหลุดออกมาได้ ร่างบางเริ่มแหวใส่ทันที “วู้ น้องสาวบ้าบออะไรของเธอ เธอบ๊องหรือเปล่ายัยแก้มยุ้ย ตระกูลฉันดังนะเฟ้ย ใครๆ เขาก็รู้จักครอบครัวฉันไปถึงต้นตระกูลแล้ว” เขาตอบกลับมา ไม่วายพ่นลมหายใจซ้ำอีกรอบ เออ!! รู้ก็ได้ แต่นายควรจะพูดอย่างนี้กับผู้หญิงเหรอ..ฟะ “แต่คุณทำอย่างนี้ ไม่เสียดายเหรอไง หายทั้งสองคนเลยนะนั่น” ลลนาพยายามปัดความไม่พอใจลอยหน้าลอยตาพูดต่อไปอีกครั้ง ภัทรพลปรายตากลับมามองนิดหน่อย ส่ายหน้าให้กับความคิดของคนตรงหน้า โบกไม้โบกมือประกอบซ้ำอีกรอบ เลือกที่จะไม่พูดอะไรต่อไปอีก เหอะ ยัยนี่ท่าจะเสพติดข่าวจนเกินเหตุ เลยมองเขาเจ้าชู้ตัวพ่อ เห็นผู้หญิงที่ไหนไม่ได้เป็นจะต้องเอาไว้ซะหมด แต่ขอโทษนะครับ คนอย่างผม หล่อเลือกได้และมีศักดิ์ศรี ถ้าผู้หญิงที่เสนอมาไม่ถูกใจ ผมก็เลือกที่จะไม่สนองตอบกลับไป และนั่นมันก็เป็นแค่ความสุขตามแบบฉบับผู้ชาย เสนอมาสนองไป เท่านั้นก็จบ ไม่มีอะไรติดค้าง อิสระด้วยกันทั้งสองฝ่าย สำหรับเขาแล้ว ถ้าคิดจะคบใครยาวๆ และจริงจังสักคน มันคงเป็นเรื่องใหญ่ เขาไม่เคยคิดว่าการมีความรักและดูแลจิตใจของคนที่รักเป็นเรื่องล้อเล่น ผู้หญิงคนนั้นต้องมีคุณค่าและคู่ควรแก่การโดนทะนุถนอม และสำหรับเธอคนนั้นเขาจะใช้หัวใจของตัวเองเป็นตัวตัดสิน เฮ้อ แต่ก็ช่างเถอะ ยัยนี่คงไม่มีวันเข้าใจ ก็ปักใจเชื่อไปอย่างนั้นแล้วนี่เขาได้แต่คิดอย่างฉุนๆ พอดีกับเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมาพอดี ใบหน้าคมอดยิ้มน้อยๆ ไม่ได้ เมื่อเห็นว่าคนที่โทรมานั้นเป็นใคร ผู้หญิงอีกคนที่ควรค่าแก่การเอาใจใส่ น้องสาวคนใหม่ของเขานั่นเอง “ว่าไงคะเกด” พอเห็นภัทรพลยกโทรศัพท์ขึ้นมารับ กรอกเสียงลงไปเป็นชื่อเพื่อนตัวเองเท่านั้น เจ้าของตารียาวแต่ก็กลมแบ๊วได้ใจต่างจากอาหมวยทั่วไปเป็นอันต้องหันมาจ้องตาโตทันที ให้มันได้อย่างนี้สิ “อ้อ ได้ค่ะได้ เกดอยู่ไหนคะ เดี๋ยวพี่ไปรับ” คนตัวเล็กยังคงอยู่ในอาการจ้องแบบไม่วางตา ถ้าเขาเดาไม่ผิด แววตาที่ส่งมาเหมือนแอบข่มขู่อะไรเขาบางอย่างซะด้วย “โอเค เกดเดินเล่นไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวพี่ไปถึงแล้วพี่โทรหา” เขาว่าแล้วก็วางสายไป หันกลับมามองก็เห็นสายตาของยัยแก้มยุ้ยยังจ้องอยู่ไม่เลิก “สงสัยนายภีมคงจะติดคนไข้ เพื่อนเธอเลยติดต่อไม่ได้ แต่อยากไปจองโต๊ะที่ร้านอาหารแถวๆ ทองหล่อก่อนเพราะกลัวว่าถ้าเย็นมันจะเต็ม เธอคงรู้ดีนะว่าเพื่อนเธอเป็นคนไม่ชอบรออะไรนานๆ ” เขาพูดออกมาเป็นชุด โดยไม่รอให้อีกฝ่ายถามก่อน ก็รู้จุดประสงค์ของเธอดีอยู่แล้วนี่ “งั้น..” เธอหยุดคิดไปนิดหนึ่ง ประเมินผลได้ผลเสียที่จะตามมา ปล่อยไอ้พี่ภัทรไปกับยัยเกดสองคนคงไม่เหมาะ เกิดเสียดายยัยสองคนนั่น แล้วไปตีท้ายครัวน้องชายจีบน้องสะใภ้ตัวเองขึ้นมาแล้วมันจะยุ่ง “งั้นฉัน…ฉันไปด้วย” เธอตอบออกไปทันทีที่คิดได้ “อืม อยากไปก็ไปสิ” เขาเลิกคิ้วตอบออกมาด้วยท่าทีสบายๆ ควงพวงกุญแจรถในมือเล่นฆ่าเวลา ระหว่างมองขาสั้นๆ ของตัวเจ้าปัญหารีบวิ่งกลับไปเอากระเป๋าตัวเองอย่างกลัวว่าถ้าชักช้าอีกแค่วินาทีเดียว เขาอาจวิ่งหนีไปไหน เฮ้อ ใครมันจะไปคิดอกุศลได้อย่างเธอวะ ยัยแก้มยุ้ย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD