เรื่องบางเรื่อง40%

1616 Words
“อบอุ่น ยิ้มง่าย ใจดี มีเหตุผล อึ้ย ผู้ชายในฝันชัดๆ ” ลลนาพึมพำกับตัวเองเบาๆ พลางปิดนิยายเรื่องใหม่ที่เพิ่งอ่านจบในมือลง อดเพ้อฝันกับตัวเองไม่ได้ ใครได้เจอผู้ชายอบอุ่น น่ารัก ใจดี อย่างพระเอกนิยายเรื่องนี้ละก็ คงโชคดีเป็นบ้า เธอแอบคิดในใจแล้วหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข ก็มันกำลังอินจริงๆ นี่นา เซยอง เซยอง เซยอง เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่ในหัวมันมีแต่ชื่อนี้ผุดขึ้นมาตลอด พระเอกนิยายลูกครึ่งไทยเกาหลี ศัลแพทย์มือหนึ่ง มีรักแรกพบให้กับผู้หญิงคนเดียวที่แอบรักมาตั้งแต่เด็กเป็นเวลานับสิบๆ ปี มันเป็นความรักมั่นคงที่น่ารักสุดๆ…โอ๊ย เขิน เอิ่ม แต่จะว่าไป ชักเริ่มเพ้อไปไกลแล้วนะเนี่ย เอ๊ะ หรือว่าจะมีแฟนเป็นหมอดี? “นี่ ยัยเตี้ย” เสียงกวนประสาทที่ดังมากระทบประสาทหู เรียกคนที่กำลังนั่งเท้าคางหลับตาพริ้มอยู่ในพะวงความเพ้อฝันต้องลืมตาขึ้นมาแบบเสียไม่ได้ ใคร (ฟะ) ชอบมาขัดจังหวะ!! ร่างบางเอียงตัวไปทางข้างหลังนิดหน่อย เพื่อมองไปยังต้นเสียง อ้อ นึกว่าใคร ไอ้พี่ภัทรนี่เอง มายืนเกะกะอะไรอยู่แถวนี้ “ไล่ออกซะดีไหมเนี่ย เอาเวลาทำงานมานั่งอ่านนิยาย” นี่เหรอคำแรกที่คนเขาทักทายกัน ว่าไม่พอ มือหนานั้นยังหยิบเอานิยายที่วางอยู่ตรงหน้าเธอไปเปิดๆ พลิกๆ ดู ทำหน้าทำตายียวนซะเต็มที่ ไม่ถึงสิบวินาที นิยายลูกรักก็ถูกวางโครมลงมาที่เดิมอย่างแรงจนเจ้าของถึงกับถลึงตาโต ก่อนเจ้าของร่างสูงจะพาตัวเองมานั่งลงตรงเก้าอี้ตัวข้างๆ ด้วยท่าทางสบายอารมณ์ มือบางลูบๆ คลำๆ อยู่กับนิยายตัวเองอย่างทะนุถนอม ดีนะที่ไม่มีรอยบุบช้ำอะไร เพราะถ้ามีแม้เพียงรอยขีดข่วน รับรองไอ้พี่ภัทรบ้าได้โดนงับหัวอยู่ตรงนี้แน่ ปากขยุกขยิกนึกสาปส่งคนตรงหน้าอยู่ในใจ ส่งตาเขียวปั้ดกลับไปให้ แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่สน ยังคงนั่งหน้าระรื่นทำตัวสบายอารมณ์เหมือนเดิม แอบสังเกตที่มุมปาก ก็เห็นว่ามันยังพอมีรอยเขียวช้ำนิดๆ ให้เห็นอยู่ แม้จะจางลงไปมากแล้วก็ตาม ตอนแรกก็คิดว่าจะไม่สนใจ แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหว ลลนาพยายามระงับอารมณ์โกรธ พยายามนับหนึ่งถึงสิบ พร้อมท่องพุทโธในใจอีกหลายรอบ ก่อนเดินกลับไปรื้อๆ ค้นๆ หาบางสิ่งในตู้ยาที่อยู่ด้านข้าง “อ้ะ” ยาหลอดขนาดกลางถูกวางไว้ตรงหน้าผู้ชายตัวโต ถึงแม้จะโกรธที่เขาบังอาจวางนิยายของเธอแรงๆ อย่างไม่ใยดี แต่เจ้ารอยช้ำๆ ที่เกิดจากน้ำมือเธอเองก็ทำให้เพิกเฉยต่อไปไม่ได้ ภัทรพลเหลือบมองสิ่งของที่วางอยู่ตรงหน้าสลับกับเจ้าของมือบางที่ยื่นให้นิดหน่อย ก่อนพูดออกมาด้วยเสียงแปลกหูสุดๆ จะชมก็ไม่ใช่ ด่าก็ไม่เชิง อย่างนี้เขาเรียกว่าประชดประชันซะมากกว่า “ไม่เร็วไปหน่อยเหรอไง คุณเภสัชกร” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยาะๆ อารมณ์เหมือนเด็กเอาแต่ใจ พลางหยิบเจ้าหลอดยาตรงหน้ามาพลิกไปพลิกมาเล่น อ่านสรรพคุณของมันโดยคร่าวๆ แล้วก็พยักหน้าหงึกหงักเหมือนเข้าอกเข้าใจมันได้เป็นอย่างดี เห็นแล้วมันน่าหมั่นไส้เป็นบ้าลลนาคิดพลางแอบเบ้หน้าแลบลิ้นใส่หลังผู้ชายตัวโต อดสงสัยไม่ได้ว่าเขามาทำไมที่นี่ “นี่มันใช่ที่ของคุณเหรอ” เธอถามออกไปตามที่ใจคิด แต่ก็อดไม่ได้ที่จะกวนกลับไปนิดหน่อย เหลือบตามองไปทางภัทรพล ก็เห็นเขายังนั่งไขว่ห้างกระดิกเท้าเล่นอย่างสบายใจเหมือนเดิม มือหนาที่เขวี้ยงนิยายเธอโครมเมื่อสักครู่นี้ เปลี่ยนเป็นหยิบหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่แถวๆ นั้นขึ้นมาอ่านเล่นฆ่าเวลา พอได้ยินคำถามที่ไม่เป็นมิตรนั้น ก็ปรายตาขึ้นมามองเล็กน้อย ก่อนเปลี่ยนไปให้ความสนใจกับตัวหนังสือตรงหน้าเหมือนเดิม เฮ้ย สะใจตัวเองว่ะ ขนาดเจ้านายนะนั่น เธอยังกล้าต่อปากต่อคำได้ขนาดนี้เริ่มเจ๋งขั้นเทพจริงๆเธอคิดเริงร่าอยู่ในใจ แต่ประโยคนิ่งๆ แบบเป็นต่อที่ส่งกลับมานี่สิ ทำเอาคนตัวเล็กหุบยิ้มแทบไม่ทัน “มาเดินตรวจงาน ถึงได้รู้ว่ามีพนักงานแถวนี้อู้ โทษฐานของการอู้ หักเงินเดือนเดือนนี้สิบเปอร์เซ็นต์” คนแอบขำอยู่ในใจพยายามตีหน้านิ่งเก๊กเสียงแบบเจ้านายพูดออกไป เคาะนิ้วกับโต๊ะเล่นนิดหนึ่งเหมือนกำลังนึกอะไรบางอย่าง ก่อนพูดต่อไปในประโยคที่ทำให้คนฟังยิ่งสยองกว่าเดิม “อ้อ ลืมไป อีกสิบเปอร์เซ็นต์สำหรับที่เมื่ออาทิตย์ก่อนเธอบังอาจต่อยหน้าเจ้านายอย่างฉันด้วย” เขายังคงแกล้งพูดเสียงเข้มๆ เรียบๆ ตามแบบฉบับเจ้านายเหมือนเดิม พอพูดจบก็เหลือบไปมองคนข้างๆ เห็นกำลังอ้าปากค้างแต่พูดอะไรไม่ออก เห็นแล้วมันก็อดหลุดอมยิ้มออกมาไม่ได้จริงๆ ดีนะที่มีหนังสือพิมพ์บังหน้า ก็แค่แกล้งเธอไปเล่นๆ อย่างนั้นแหละ สิทธิ์ในการตัดสินใจทั้งหมดมันอยู่ที่ไอ้คุณหมอภีมภัทรน้องชายอยู่แล้ว ถึงเขาจะมีหุ้นก็จริง แต่ที่นี่พ่อยกให้น้องชายคนเล็กดูแลทั้งหมด งานที่โรงแรมในความรับผิดชอบของตัวเองก็วุ่นวายจะตาย จะมายุ่งกับเรื่องเจ็บๆ ป่วยๆ หรือสวัสดิการของพนักงานในโรงพยาบาลทำไมให้เสียเวลา ปวดหัวซะเปล่าๆ ตอนแรกที่มาประชุมผู้ถือหุ้นพร้อมกำหนดนโยบายบ้าบออะไรนั่นเสร็จ ตั้งใจจะเดินออกไปเลยนั่นแหละ อยู่โรงพยาบาลทั้งวันมันไม่ไหว กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อมันฉุนจัด ไม่รู้พวกหมอพวกพยาบาลทั้งหลายทนอยู่ในที่แบบนี้ทั้งปีทั้งชาติได้ยังไง แค่เข้ามาไม่ถึงวันก็มึนหัวเป็นบ้า แต่ก็นะ ช่วยไม่ได้ คนมันดันตาดีเกินเหตุ หันซ้ายหันขวามาแถวๆ ห้องยา เห็นยัยแก้มยุ้ยนั่งผลุบๆ โผล่ๆ อยู่แถวเคาน์เตอร์ ไม่พอยังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับตัวเองอีกต่างหาก ไม่รู้เป็นอะไรนักหนา พอเหลือบไปมองอีกนิดเห็นว่ามีแต่ยัยเตี้ยนี่แหละที่นั่งอยู่คนเดียว จึงเกิดอารมณ์นึกสนุกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ มารู้ตัวอีกทีก็พาตัวเองมานั่งอยู่ที่นี่ซะแล้ว แต่มันก็คุ้มดีนะ ประชุมเครียดๆ มาทั้งวัน ได้มานั่งกวนอารมณ์แหย่ยัยนี่เล่น มันก็เป็นการคลายเครียดได้อย่างหนึ่งเหมือนกัน “นี่คุณ เรื่องงานก็ส่วนเรื่องงานสิ แล้วเรื่อง...เอ่อ...วันนั้น มัน….” กำลังจะด่าอยู่แล้วเชียวว่าคนอะไรเขี้ยวลากดินเป็นบ้า แต่ยังไม่ทันพูดจบดี ลลนาก็ต้องตกใจเมื่ออยู่ๆ คุณเจ้านายเขี้ยวลากดินที่เพิ่งพับหนังสือพิมพ์ลงเมื่อตะกี้นี้ เบิกตากว้างเหมือนกำลังเจอผีท่ามกลางไฟสว่าง เผลอสบถบางคำออกมาโดยไม่รู้ตัว มือหนาคว้าข้อมือบางของเธอไว้หมับโดยอัตโนมัติ อย่างที่เธอเองก็ไม่แน่ใจว่าเจ้าตัวเองจะรู้หรือเปล่าว่ากำลังจับมือเธออยู่ ลลนาพยายามขืนข้อมือตัวเองบิดให้ออกจากการเกาะกุมนั้น แต่เจ้าตัวกลับไม่เปิดโอกาส มิหนำซ้ำยังเอียงคอมากระซิบข้างหูด้วยประโยคที่เธอไม่อาจปฏิเสธได้อีก “เงินเดือนเธอจะยังอยู่ครบเหมือนเดิม เพิ่มโบนัสให้อีกสิบเปอร์เซ็นต์ อยู่เฉยๆ แล้วทำตามที่ฉันบอก” ลลนาใช้เวลาคิดอีกไม่เกินสิบวินาที มือข้างที่ขัดขืนกับคนข้างๆ อยู่ ก็ปล่อยให้เขายกขึ้นมาจับง่ายๆ โดยอัตโนมัติ ได้ยินเสียงเขาบอกออกมาเบาๆ ว่าให้ยิ้มหวานๆ เข้าไว้ ซึ่งเธอก็ยินดีจะทำตาม แหงล่ะ มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ก็ไอ้ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ที่เขาบอกว่าจะหักน่ะ มันตั้งหลายพันเลยนะนั่น ถ้ามันหายไปจริงๆ เธอไม่ต้องกินแกลบแทนข้าวกันพอดีหรือไง แล้วยังโบนัสสิบเปอร์เซ็นต์นั่นอีก ดูแล้วมันก็น่าสนใจไม่ใช่น้อย ยอมเออออทำตามแบบที่ยังมีผลประโยชน์ต่อกันดีกว่า เธอเพิ่งอ่านนิยายจบไปหมาดๆ เลยนะ ฉลาดพอที่จะคิดว่าถ้าเล่นเป็นนางเอกไม่ยอมทำตามไป สุดท้ายเขาก็ต้องบังคับให้เธอยอมทำตามจนได้อยู่ดี ฮ่าๆๆ เห็นไหมล่ะ นิยายสร้างสรรค์โลก มันทำให้คนธรรมดาลุกขึ้นมาฉลาดเป็นกรด ลลนาอดยิ้มให้กับความคิดของตัวเองไม่ได้ พอดีกับที่แขกไม่ได้รับเชิญเดินเข้ามา สีหน้าเธอตอนนี้คงเหมือนกับว่ากำลังหัวร่อต่อกระซิกกับเขาอยู่ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว “อุ๊ย ภัทร มาทำอะไรที่นี่คะ เผอิญหนูนามาเยี่ยมเพื่อนพอดี ดีใจจังค่ะที่ได้เจอคุณ” หนึ่งนางในชุดสีแดงแกล้งทำสุ้มเสียงและท่าทางเหมือนตกอกตกใจ แต่จะบอกก็ได้ว่ามันดูเฟคสิ้นดี แวบหนึ่งเธอเห็นเจ้าของเสียงแสบแก้วหูหันมาตีสีหน้าไม่พอใจใส่เธออย่างเห็นได้ชัด ก่อนปั้นยิ้มหันไปพูดกับใครอีกคนเสียงหวาน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD