“บอย พี่วิโทรมาบอกให้ไปเอากระเป๋าได้แล้ว ของมาแล้ว พาไปหน่อยสิ นะ แป๊บเดียว”
พอฉันอ่านไลน์ของพี่วิก็ลุกมากจากโต๊ะทานข้าว ที่ตอนนี้เพื่อนผู้หญิงของฉัน บางคนก็เป็นแฟนของเพื่อนในกลุ่มที่กำลังนั่งทานอยู่ด้วย แต่จะมีอะไรสำคัญไปกว่ากระเป๋า เมื่อรู้ว่าของมามีเหรอแม่จะอยู่เฉยๆ ได้ ฉันใช้น้ำเสียงอ้อนๆ แล้วก็ใช้มือเขย่าแขนของคนตัวสูงที่กำลังนั่งกินเหล้าอยู่กับพวกเจ ซึ่งเป็นเพื่อนเก่าตอนมัธยม แต่ความสนิทก็ยังเหมือนเดิม
“หึหึ แล้วไอ้แยมแม่งเลือกใช้เสียงถูกซะด้วยนะ เสียงสองแบบนี้พี่บอยทำไงครับ”
“พวกเลวเอ๊ย เดี๋ยวกูมา”
“ฮ่าๆ”
ครับ ผมไม่เคยทนกับการที่ยัยนี่อ้อนได้สักครั้งหรอก ใจมันแข็งมันไม่พอ ผมเลยลุกขึ้นแล้วก็จับมือยัยตัวแสบเดินมาที่รถ แล้วร้านพี่วิเขาก็ไม่ได้อยู่ไกลจากนี้เท่าไหร่ ขับรถแป๊บเดียวก็ถึง พอเข้ามานั่งในรถผมก็ขับรถออกมาจากบ้านพร้อมบอกกับยัยตัวแสบออกไปทันทีหลังนึกขึ้นมาได้
“เออ ไอ้ตั้มมันว่าจะขอยืมเงินแสนหนึ่ง ให้ดอกวันละ 300 ค*****นต้นสามเดือนหน้า เธอว่าจะให้มันยืมดีปะ ฉันยังไม่ได้ตอบตกลงกับมัน บอกมันว่าจะมาถามเธอก่อน ถ้าเธอไม่ให้ยืมฉันจะไปปฏิเสธมัน”
“ถ้าเงินจำนวนนี้นายไม่เดือดร้อนก็ให้ยืมไปเถอะ ฉันไม่ได้มีปัญหาอะไร ยังไงเราก็เคยเห็นกันอยู่ คงจะไม่กล้าบิดหรอก แล้วตั้มมันจะเอาเงินไปทำอะไรอะ”
ฉันตอบคนตัวสูงกลับไปแบบที่ตัวเองคิด เพราะอย่างน้อยมันก็เคยเป็นเพื่อนกัน ถ้าเกิดอะไรขึ้นอย่างน้อยเราก็ไปตามที่บ้านได้ แต่ก็ไม่อยากให้ใครมายืมบ่อยๆ แต่ที่แปลกใจคือทำไมถึงมายืม เพราะเห็นในเฟสยังโพสต์ถือเงินอยู่บ่อยๆ ดูไม่น่าจะติดขัดนะ
“ปล่อยกู้มั้ง แต่ฉันบอกมันแล้วว่าต้องทำสัญญา ยิ่งสนิทแม่งต้องยิ่งระวัง”
ผมตอบยัยตัวแสบกลับไปตามที่ตัวเองคิด เพราะพอมีเรื่องเงินสนิทกันแค่ไหนมันก็ต้องมีหลักฐานที่ชัดเจน ไว้ใจมันก็ไว้ใจ แต่มันก็ควรจะสบายใจกันทั้งสองฝ่าย ถ้าไม่ใช่เพื่อนผมก็ไม่ให้ยืมหรอก เบื่อตอนทวงเงิน
“อืมๆ อันนี้ดี ฉันเห็นด้วย”
ฉันเห็นด้วยกับคนตัวสูงเรื่องทำสัญญาการยืมเงิน อย่างน้อยมันก็มีหลักฐานกันทั้งสองฝ่าย คนตัวสูงขับรถมาไม่นานก็มาถึงร้านอาหารของพี่วิเรียบร้อยแล้ว แล้วพิซซ่าของร้านที่เขาคืออร่อยทุกหน้าอะ ฉันกับคนตัวสูงจับมือกันเดินเข้ามาในร้านโดยที่ตรงไปหาพี่วิที่นั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์
“พี่วิ สวัสดีค่ะ หนูมารับลูกๆ”
“อ้าว สาวแยม แหม่ๆ มาครั้งนี้ไม่ใช่เฟื่อนแล้วเหรอจ๊ะ จับมือกันแน่นเลยนะ”
“ก็ธรรมดา เราต้องมีการพัฒนาไงพี่วิ”
“อิจฉาสุด อะนี่จ้า ลูกๆ น้องสาวแยม สามใบ รับรองว่าไม่มีการเปิดใดๆ”
“หื้อ ไหนตอนนั้นเธอบอกว่าซื้อใบเดียว”
ผมขมวดคิ้วก่อนจะหันมาถามยัยตัวแสบที่ตอนนี้กำลังให้ความสนใจอยู่ที่กล่องกระเป๋าของแบรนด์ที่ยัยนี่เขาชอบซื้อมาใช้แล้วก็สะสม แค่ตอนแรกเหมือนเมียผมมันจะบอกว่าใบเดียวนะ วันนัดรับแม่งโผล่มาอีกสอง
“งื้อออ ก็มันอดใจไม่ไหวอะ มันสวยทั้งสามสีเลย มือมันก็เลยลั่นอะ”
ฉันหันมามองคนตัวสูงพร้อมทำตาปริบๆ ด้วยใบหน้าที่อยากได้ของสิ่งนี้จริงๆ แล้วความชะนีที่ชอบช็อปอะ พอเห็นมันก็อดไม่ไหว
“หยุดทำหน้าลูกหมาซะ เหมือนกำลังจะโดนฉันฆ่าเนาะ ถามนิดถามหน่อยบทโศกเข้าเก่งมาก เท่าไหร่ครับพี่วิ ผมสแกนจ่ายนะ”
“จ้า นี่คิวอาร์โค้ด ค่าเสียหาย 680,000 บาทถ้วนจ้ะ”
“ครับ นี่สลิปครับพี่วิ”
“รับทราบค่ะเสี่ยบอย เปย์เมียไม่ไหวแล้ว อิจฉาสุดๆ”
“ฮึ พี่ก็ดูเมียผมดิ ถ้าขัดใจคงร้องไห้ตาบวมอยู่นี่แน่ๆ เมียผมมันยิ่งเป็นนางเอกละครไทยสมัยก่อนอยู่นะ”
“คิกๆ”
“นายอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้หนูมาอุดหนุนนะคะ แล้วนี่ขนมจีน น้ำยา แกงเขียวหวาน แล้วก็ผักสดๆ จ่ะ แม่ๆ ฝากมาให้พี่วิ“
”ขอบใจนะจ๊ะ”
“จ้า”
ฉันพูดคุยอยู่กับพี่วิสักพักก็ขอตัวกลับ ตอนนี้ใจอยู่กับกระเป๋าทั้งสามใบแล้วอะ พอได้ของมือก็อยากจะเปิดกล่องทันที
“หน้าบานมาก”
ผมพูดกับยับตัวแสบออกไปด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้ แต่เดี๋ยวนะ พอนึกขึ้นมาได้ผมเลยถามร่างบางที่นั่งอยู่ข้างๆ อย่างงงๆ
”เฮ้ย ค่ากระเป๋าฉันโอนให้เธอแล้วใช่ปะวะ”
“เออ จริงด้วย ฉันเองก็ลืม งั้นเดี๋ยวฉันโอนคืนให้”
“ไม่ต้องหรอก เอาไปนั่นแหละ นึกได้เลยถามเฉยๆ”
“ง้วววว ใครจะได้ขนาดนี้ ได้กระเป๋าสามใบแถมยังได้ค่าขนมอีกอะ“
”ฮึ เอาไปซื้อขนมกินซะให้ตัวแตก ยัยสลอธหน้าบูด“
”หน้าฉันบูดอะไร ออกจะน่ารักขนาดนี้ปะ“
”เหรอ ตอนที่อยู่ที่ร้านพี่วิพอถามเรื่องจำนวนที่สั่งทเป็นมองตาปริบๆ อย่าคิดว่าฉันรู้ไม่ทันนะเว้ย ว่าเธอกำลังแสดงอะ“
”คิกๆ เอ้า นายรู้แล้วเหรอ”
“เดี๋ยวคืนนี้ก่อนเถอะ ยัยสลอธ เธอเจอฉันแน่”
ฉันหัวเราะออกมาเบาๆ ด้วยอารมณ์ที่ดีแบบสุดๆ ก็แฟนเปย์ขนาดนี้ใครจะไม่อารมณ์ดีบ้างล่ะแม่ พอมาถึงบ้านคนตัวสูงก็ถือกล่องกระเป๋าลงมาจการถแล้วก็เอามาไว้ที่โต๊ะจากนั้นเขาก็ไปนั่งกินเหล้ากับเพื่อนต่อ ส่วนฉันก็จัดการทำคลอดน้องกระเป๋าทันที น้องจะได้ออกมาพบเจอโลกกว้าง
“หื้อ แยม แกไปซื้อกระเป๋ามาเหรอ”
“ใช่ๆ พรีกับพี่วิ ของมาถึงแล้วเลยให้บอยพาไปรับน้องๆ มา”
”แล้วมันเท่าไหร่วะ“
“สามใบก็ประมาณหกหลัก”
“น้องแยมนี่โชคดีจังเลยเนาะที่ได้แฟนรวย ถ้าได้แฟนบ้านๆ แบบพี่คงซื้อกระเป๋าราคาเป็นแสนให้น้องแยมไม่ได้แน่ๆ เลย เงินเยอะขนาดนี้เอาไปทำอย่างอื่นได้เยอะเลยนะเนี่ย”
“…”
ฉันแล้วก็กลุ่มเพื่อนพากันหันไปมองทางพี่กุ๊กไก่ ซึ่งพี่เขาเป็นแฟนของตั้ม อายุมากกว่าสองสามปี ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไร เขาก็ดูนิสัยดีอยู่นะ แต่พอได้ยินแบบนี้ฉันก็เลยไม่อยากจะพูดคุยกับเขา เพราะฉันก็ไม่ค่อยชอบอะไรแบบนี้ แล้วความชอบคนเรามันไม่เหมือนกันอะ แล้วกระเป๋านี้เขาก็ซื้อใช้กันถ้าพอมีกำลังหรือให้ของขวัญกับตัวเอง แต่ฉันก็ไม่ได้พูดอะไรหรอก เพราะยังไงเขาก็เป็นแขก จะให้แสดงกิริยาที่มันรุนแรงก็อีกแหละ ที่สำคัญก็ยังเป็นแฟนเพื่อน อยู่ห่างๆ ก็แล้วกัน อีกอย่างเราอาจจะคิดเยอะไปเองก็ได้ ฉันเลยตอบเขาไปแบบสั้นๆ
“อ่อ ค่ะ”
“แกแกะเลยแยม ขอลุ้นขอดูด้วย เงินเดือนยังไม่ออก ยังไม่มีเงินซื้อ”
“แล้วทำไมน้องพราวไม่หาแฟนรวยๆ แบบน้องแยมล่ะจ๊ะ จะได้ไม่ต้องรอ ว่าแต่อายุเท่ากัน แต่ทำไมน้องพราวถึงทำงานแล้วล่ะจ๊ะ”
“พราวไม่ได้เรียนต่อปริญญาตรีค่ะ พราวเรียน ปวส. เรียนจบสองปีก็ทำงาน”
“อ่อๆ เงินเดือนพนักงานมันก็น้อยนิดนั่นแหละจ่ะ ถ้าอยากได้เลยต้องทำตามน้องแยม มีแฟนรวยแล้วก็ขอให้แฟนซื้อให้”
ฉันในตอนแรกที่อารมณ์ดีแบบสุดๆ อยากจะดูกระเป๋าที่ตัวเองซื้อมา แล้วก็คิดว่ามีแต่คนรู้จักเหมือนเพื่อนสนิทเลยเปิดดูตรงนี้ แต่ตอนนี้ความรู้สึกเหมือนตัวเองผิดเลยอะ ตอนแรกก็ไม่อยากจะคิดอะไรหรอก ตอนนี้เริ่มคิดขึ้นมานิดๆ ละ รู้งี้ขึ้นไปแกะบนห้องดีกว่า
“แยม แม่ไปไหนอะ”
ผมวางสายจากพี่ชายที่เหมือนว่าจะมีเรื่องคุยกับแม่ แต่โทรหาแม่แล้วแม่ไม่ได้รับสาย สงสัยจะไม่ได้อยู่กับโทรศัพท์ ผมเลยเดินมาถามยัยตัวแสบเพราะตอนแรกแม่ก็นั่งอยู่กับเมียผมนี่แหละ แต่ตอนนี้ไม่อยู่ ไม่รู้ไปไหน แต่ทำไมหน้าตาเมียผมมันดูเหมือนมีใครทำอะไรวะ ตอนแรกว่าจะถามหาแม่แต่ตอนนี้หันมาถามอาการที่เมียผมกำลังเป็น ผมเลยใช้มือจับศีรษะของร่างบางและหมุนมาหาและถามออกไปด้วยหน้าตาที่จริงจัง
“มีอะไร เป็นอะไร”
ฉันมองคนตัวสูงก่อนจะเม้มปากแล้วก็ส่ายหัว ถ้าไม่มีใครอยู่ตรงนี้ฉันก็บอกเขาไปแล้วแหละ แล้วฉันก็ไม่เข้าใจอารมณ์ตัวเองเหมือนกัน มันเหมือนว่ามันรู้สึกแย่มากเลยอะ
“พวกมึงทำอะไรเมียกูหรือเปล่า ทำไมเมียกูเหมือนสลอธถ่านหมดแบบนี้วะ”
“พวกกูไม่ได้ทำอะไรเลย”
“แต่กูว่านะ แยมอาจจะเสียใจกับคำพูดของพี่กุ๊กไก่ก็ได้”
“อ้าว เกี่ยวอะไรกับพี่ล่ะจ๊ะ พี่ยังไม่ได้ทำอะไรน้องแยมเลยนะ”
ผมขมวดคิ้วก่อนจะดึงยัยตัวแสบให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้มายืนอยู่ข้างๆ แล้วยิ่งพี่พูดกันไปพูดกันมาผมก็ยิ่งรำคาญ ผมเลยหันมาถามไอ้ส้มที่เป็นเพื่อนเก่า เพราะนิสัยของมัน มันไม่เคยโกหก
“สรุปมีอะไรกันวะ มึงพูดดิอิส้ม”
“ก็แยมมันกำลังแกะกระเป๋า เมียไอ้ตั้มก็พูดประมาณว่า ถ้าได้แฟนบ้านๆ คงจะซื้อกระเป๋าราคาเป็นแสนให้น้องแยมไม่ได้ เงินจำนวนนี้ไปทำอะไรได้ตั้งเยอะแยะ แล้วก็พูดให้ไอ้พราวหาแฟนที่รวยแบบไอ้แยมจะได้มีคนมาซื้อกระเป๋าให้ จะได้ไม่ต้องรอเงินเดือนออก หลังจากนั้นไอ้แยมก็เศร้าแบบนี้แหละ”
“อ่อ เธอนี่นะ วันนี้หลังก็ตอกหน้าอิพวกที่พูดแบบนี้ไปสิว่าผัวเธอรวยแล้วก็สปอยเธอมากๆ ขนาดเธอคิดจะทำงานฉันยังห้ามไม่ให้เธอทำเลย จะไปแคร์คำพูดกวนส้นตีนแบบนี้ทำไม เพื่อนก็ไม่ใช่ สนิทไหมก็ไม่ได้สนิท มาบ้านคนอื่นมาเป็นแขกแดกฟรียังปากดีอีก มันไม่มารยาทมาเราก็ไม่ต้องไปมีให้มัน บ้านเรา เราพูดไปเลย แนะนำคนอื่นอย่างนั้นอย่างนี้ทำไมไม่บอกตัวเอง ใครไม่สะดวกใจก็เดินออกไปได้เลยนะ ปะ ไปหาแม่ ไอ้ไบร์ทมีอะไรจะคุยกับแม่ก็ไม่รู้”
“อือ”
ฉันพยักหน้าจากนั้นคนตัวสูงก็รวบถุงที่มีกล่องกระเป๋าอยู่ในนั้นหลังพูดจบ แล้วนายนี่ก็เป็นคนพูดตรงแล้วไม่แคร์ใครอย่างนี้อยู่แล้ว เพื่อนๆ กันรู้กันอยู่ แต่แฟนไอ้ตั้มคงจะยังไม่เคยเจอ เพราะพี่เขาก็นิ่งไปเลย
“ไป เดี๋ยวฉันเปย์รถให้เธอคันหนึ่ง แต่เรียกอารมณ์กลับมาเป็นปกติเดี๋ยวนี้”
“โอโหหก เสี่ยบอยในตำนาน กูยอมมึงจ่ะ”
“เสียเงินไม่ว่า แค่ให้เมียข้ามีความสุขก็พอเว้ย”
“ฮ่าๆ”
“นี่ แล้วทำไมหน้าเธอยังยับอยู่เลยวะ”
“แล้วฉันจะดีใจได้ไง ฉันขับรถไม่เป็น“
”เออว่ะ เออ เดี๋ยวฉันซื้อกระเป๋ากับเสื้อผ้าให้เธอเพิ่ม โอเคปะ“
”โอเค“
“ยัยสลอธเอ๊ย ปะ ไปหาแม่”
ผมพยายามทำให้ยัยตัวแสบกลับมาเป็นปกติ แล้วใครไม่ได้สนิทแต่อยากจะเสือกผมก็ฟาดแม่งแบบนี้แหละ เสียเวลา เสือกมาทำเมียผมก่อน พอจะได้กระเป๋าเมียผมก็กลับมาเป็นปกติละ ผมเลยพากันเดินมาหาแม่ แล้วก็เห็นว่ากำลังสอยมะม่วงเขียวเสวยอยู่ที่หลังบ้าน ผมเลยส่งโทรศัพท์ให้แม่แล้วพอแม่ผมคุยกับพี่ชายผมเสร็จผมก็พากันเข้ามาในบ้าน ตอนแรกก็แยกกันนั่ง แต่ครั้งนี้ไม่ละ ผมพายัยสลอธตัวสั้นมานั่งข้างๆ แล้วก็ส่งถุงกระเป๋าให้
“อะ แกะดู อยากดูไม่ใช่หรือไง”
“อือ”
“เออ ไอ้ตั้ม”
“หื้อ มึงมีอะไร”
ฉันกำลังแกะกระเป๋าดูก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองคนตัวสูงหลังได้ยินเขาพี่พูดกับตั้มออกไป ก็ไม่คิดว่านายนี่จะตรงได้ขนาดนี้
“เรื่องเงินอะ กูให้มึงยืมไม่ได้แล้วนะ ไอ้เรื่องจำนวนเงินกูไม่ได้มีปัญหา แต่เมียมึงทำให้เป็นปัญหา กูไม่ค่อยชอบสิ่งที่เมียมึงพูดกับเมียของกูเท่าไหร่ มึงลองไปถามเมียมึงดูแล้วกัน”
“ฉิบหายแล้วมึงไอ้ตั้ม เมียมึงไปทำอะไรให้ไอ้บอยมันองค์ลงวะ”
“มีเรื่องอะไรเหรอวะไอ้บอย”
“เมียไอ้ตั้มพูดประมาณว่า ถ้าเมียกูมันได้ผัวบ้านๆ คงจะซื้อกระเป๋าราคานี้ให้ไม่ได้ เงินที่ซื้อกระเป๋าเอาไปทำอะไรได้อีกตั้งเยอะ แล้วก็แนะนำให้ไอ้พราวหาผัวรวยจะได้มีคนมาเปย์ ก็คือพูดกระแทกใส่เมียกูนั่นแหละ แล้วกูจะซื้ออะไรให้เมียกูเท่าไหร่เกี่ยวอะไรกับมัน”
“เออ แต่แม่งก็น่าโมโหจริงๆ เมียมึงเป็นอะไรมากปะวะไอ้ตั้ม“
“กูขอโทษแทนเมียกูด้วยแล้วกัน งั้นกูกลับก่อนนะ”
“อืม”
ผมพยักหน้าให้ไอ้ตั้มแล้วก็ไม่รั้งมันไว้หรอก แล้วมีอะไรผมก็พูดไปเลย กล้ามาพูดใส่เมียผมจะให้มานั่งปั้นหน้ายิ้มผมทำไม่ได้หรอก บอกให้มันรู้ไปเลย จะได้ไปคุยกันบ้าง ไม่ใช่ไม่รู้นิสัยของเมียตัวเอง แล้วถ้าเป็นผู้ชายคงไม่จบไวแบบนี้แน่
“กูว่าแล้ว ทำไมมึงถึงองค์ลงขนาดนี้”
“เออดิ มึงจำไม่ได้เหรอ เมื่อก่อนมีคนที่แกล้งแยมไอ้บอยแม่งบุกไปหาถึงห้องแล้วก็จัดให้แบบสง่างามบ่อยจะตายไป”
“ตอนไหนเหรอ”
ฉันถามพวกเจอออกไปแบบงงๆ เพราะเรื่องที่เขาบุกไปหาคนอื่นที่ห้องแล้วไปมีเรื่องอันนี้ฉันไม่เคยรู้เลยนะ เวลาถามนายนี่ก็บอกว่าไปห้องน้ำ
“เออหน่า เรื่องมันนานมาแล้ว สัสเจ เมียกูมันยังไม่รู้เรื่อง มึงวางระเบิดให้กูแล้วไอ้เพื่อนเวร”
ผมลอบกลืนน้ำลายก่อนจะตอบยัยตัวแสบกลับไปแบบไม่เต็มเสียง เพราะไอ้เรื่องที่ผมไปเคลียร์ลับหลังไม่ว่าจะใครผมปิดข่าวเงียบทุกครั้งเพื่อไม่ให้ยัยสลอธรู้ เพราะเมียผมมันไม่ชอบให้ผมมีเรื่อง กลัวจะมีเรื่องไปถึงฝ่ายปกครอง ผมก็เลยปิดบังเรื่องนี้มาตลอด แต่วันนี้สงสัยต้องอธิบายกับเมียทั้งคืน
“ฉิบหาย กูลืม โทษๆ“
“มาวางดอกไม้จันทน์ให้กูแล้วรีบไปเลยนะมึง”
“ฮ่าๆ”
ฉันหลุดหัวเคาะออกมาเบาๆ หลังได้ยินคนตัวสูงค่อยกับเพื่อน พอเห็นว่าตั้มพาเมียกลับไปแล้วฉันเลยกลับมานั่งที่เดิม เพราะตอนนี้อยากกินขนมจีนขึ้นมาอีกแล้ว ส่วนกระเป๋าฉันก็เอาไปวางไว้บริเวณคุณพ่อทั้งสองนั่งอยู่ เดี๋ยวค่อยไปแกะต่อ ตอนนี้เติมพลังก่อน