#เดย์เจ้าเอย 3
แปดโมงครึ่งพี่เดย์โทรเข้ามาและบอกว่าเขารออยู่หน้าคอนโด ฉันที่แต่งตัวเสร็จแล้วก็ไม่รอช้าที่จะลงไปหาเขา การเดินทางของเรามีเพียงเสียงเพลงที่เปิดคลอเบา ๆ พี่เดย์ใส่เพียงเสื้อยืดสีดำกางเกงยีนสีเข้มพอลอบมองเขาก็สังเกตเห็นรอยช้ำที่คอเขา ถามเด็กปอสองยังรู้เลยว่ารอยนั้นมันคือรอยอะไร บ้าจริง ทำไมฉันรู้สึกอยากร้องไห้แบบนี้กันนะ
“ตอนเย็น ทำกิจกรรมเสร็จก็โทรมาจะมารับ” เขาบอกเมื่อใกล้ถึงคณะที่ฉันเรียน
“ขอบคุณค่ะ”
“อือ แล้วกินข้าวหรือยัง...”
“ได้เวลาแล้วขอตัวนะคะ ขอบคุณที่มาส่งค่ะ” ฉันยกมือไหว้คนที่อาสามาส่งและลงจากรถทันทีเมื่อรถหยุดนิ่ง
ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้ฉันเป็นอะไรฉันควรแสดงออกยังไงแต่ภายในใจฉันน่ะมันเจ็บมากจริง ๆ นะเขาคงไม่ได้รอฉันอย่างที่ฉันรอเขามาตลอดหลายปี จะว่าไปตอนที่เขาบอกตอนนั้นเราก็ยังเด็กบางทีเขาอาจจะลืมไปแล้วก็ได้
ไม่น่ากลับมาเลย
“มาแล้ว ๆ นั่งเลยมีเรื่องจะถาม” โพธิ์กดไหล่ให้นั่งบนเก้าอี้สีหน้าอยากรู้ของเพื่อนคืออะไรกันไหนจะคนอื่น ๆ ในห้องที่มองอย่างใส่ใจนั่นอีก
“อะไรทำไมมองแบบนั้น”
“จะถาม เมื่อวานใครมารับ”
“อ๋อ พี่ที่รู้จัก”
“ฮื่อ! ทำไมรู้จักคนดังอย่างพี่เดย์สถาปัต พี่เขาหล่อมากเลยนะแล้วก็หาตัวยากมาก ๆ เลยด้วยทำไมจู่ ๆ เมื่อวานมาโผล่ที่คณะเราได้” วิสาเล่าเสียยาว เพื่อนคงจะหมายถึงตอนที่พี่เดย์มารับฉันอย่างนั้นสินะ ก็พอจะรู้ว่าเขาดังมากด้วยเรื่องหน้าตาหรือการเรียนทำให้สาว ๆ ต่างชื่นชมและหลงใหลเขาเป็นอย่างมาก
“อิจฉาอา ถ้าพี่จะมารับอีกบอกหน่อยนะ จะอยู่เป็นเพื่อน” คงไม่ได้มารับแล้วล่ะ ฉันคิดกับตัวเองในใจ
“สา โพธิ์ สอนเราขึ้นรถเมล์หน่อยได้ไหม” ฉันเอ่ยขอเพื่อนไปตรง ๆ เพราะทั้งสองรู้ว่าฉันเพิ่งกลับจากต่างประเทศเลยไม่คุ้นชินการเดินทางของที่นี่
“ได้สิ วันนี้เลยไหมเรียนวิชานี้เสร็จก็ว่างยาวเลยวันนี้พี่ ๆ แจ้งมาว่าไม่มีเข้าเชียร์ เข้าอีกทีอาทิตย์หน้านู่น”
“ได้ ๆ ขอบคุณนะเดี๋ยวพาไปเลี้ยงชานม”
“แหมเอาของกินมาเซ่นฉันนะยะ” โพธิ์ยกนิ้วชี้ผลักหน้าผากเบา ๆ ก่อนจะทำท่าทางขึงขังแต่มันดูตลกไม่น้อยที่ผู้ชายตัวใหญ่ ๆ ทำท่าทางแบบนี้
“แล้วได้ผลไหม” วิสาถามต่อ
“ได้ ฮา ๆ ๆ” โพธิ์หัวเราะร่าฉันกับวิสาเองก็หัวเราะตามไปด้วย เราคุยเล่นกันไม่นานก็ต้องเงียบเสียงไปเพราะอาจารย์เดินเข้าห้องมาพร้อมกับสีหน้าดุ ๆ ฮื่อ น่ากลัว ขอคุณพระศรีรัตนตรัยคุ้มครองหนูจากอาจารย์ด้วยค่ะ!
“เข้าใจไหม” วิสาถามเมื่อเราลงจากรถเมล์ยืนอยู่หน้าคอนโดโดยมีโพธิ์ที่เลี้ยวรถตามเข้ามา
“เข้าใจนิดหน่อย ถ้าจะไปมหาลัยเราก็ข้ามสะพานลอยไปฝั่งนั้นใช่ไหม” ฉันถามวิสาต่อ
“ใช่ ๆ แล้วก็นั่งสายเดิมเลยสังเกตดีๆมันจะมีป้ายบอกอยู่ก่อนถึงมหาลัยแล้วก็ทำอย่างที่สอน”
“โอเค เราจะไปมหาลัยเอง” ฉันยืดอกอย่างมั่นใจ ฉันมีทางไปมหาลัยแล้ว ไม่ต้องรบกวนใครแล้ว
“ถ้างงก็โทรมาเข้าใจไหมอย่านั่งเลยป้ายนะ”
“รับทราบค่ะ”
“ทราบแล้วก็ขึ้นรถเถอะไปกินข้าวกัน” วิสาบอกฉันพยักหน้ารับก่อนที่เราทั้งสองคนจะขึ้นไปนั่งบนรถที่มีโพธิ์นั่งคู่คนขับ อา ทั้งสองคนเป็นแฟนกันค่ะ น่ารักมากเลยพี่กายน่ะดูแลโพธิ์ดี๊ดีจนฉันเองก็ยังอิจฉา ฉันนั่งคุยเล่นกับวิสาอยู่นานก่อนที่โทรศัพท์ฉันจะมีสายเข้ามา
“ค่ะ”
(เรียนเสร็จยัง) เสียงพี่เดย์นี่นา
“ค่ะเสร็จแล้ว”
(กำลังจะไปรับ...)
“หนูออกมาแล้วค่ะ มากับเพื่อน” ฉันรีบบอกก่อนที่เขาจะไปรอที่หน้าคณะ ฉันกลัวเขาหงุดหงิดนี่นา
(แล้วจะไปไหนต่อ)
“ไปกินข้าวมั้งคะ”
(ที่ไหน?//ไอ้เดย์มึงจะหนีพวกกูไปอีกแล้วใช่ไหม มึงซุกเด็กใช่ไหมวันนี้กูต้องเห็นหน้าเด็กมึงให้ได้//โอ๊ย! พวกมึง! อย่ามาล็อกคอกูนะ ไอ้พาร์คปล่อย!) เสียงโวยวายของปลายสายทำเอาฉันขมวดคิ้วเล็กน้อย พี่เดย์ทะเลาะกับเพื่อนอยู่เหรอ
(เงียบ! ยังอยู่ไหม) ให้ฉันเงียบเหรอ? ฉันก็เงียบอยู่นะ
“คะ? ค่ะ อยู่ค่ะอยู่”
(ตกลงไปกินข้าวไหนกัน)
“ไม่ทราบค่ะ เพื่อนพาไป”
(ถามเพื่อนหน่อย ไม่ ๆ ให้พี่คุยกับเพื่อนเราหน่อย) ฉันยื่นโทรศัพท์ไปให้วิสาที่กำลังถ่ายรูปตัวเองอยู่ถ่ายเป็นร้อยเห็นลงแค่รูปเดียวอะ
“ค่ะ ไปห้าง...ค่ะ ได้ค่ะ สวัสดีค่ะ” พวกเขาคุยอะไรกันไม่รู้คุยแปบ ๆ ก็วางสาย ฉันกลับมานั่งเงียบ ๆ เหมือนเดิมกระทั่งถึงห้างสรรพสินค้าเราก็มุ่งไปที่ร้านสเต๊กทันที ฉันน่ะอยากกินสเต๊กมากที่สุดเลย เพื่อนฉันเองก็ไม่ได้ขัดใจพามากินอย่างน่ารัก
“จำทางมาได้ไหม” โพธิ์ถามระหว่างที่เรากำลังเดินเข้าไปในร้าน
“แฮ่ ลืมดูทาง”
“ฮา ๆ ๆ ว่าแล้วเชียวเอางี้ถ้าจะมาก็ชวนนะ หากว่างจะพามา” โพธิ์อาสาอย่างน่ารัก
“ฮื่อ น่ารักที่สุดเลย” ฉันวางมือประกบแก้มเพื่อนก่อนจะส่ายไปมาอย่างน่าเอ็นดู สเต๊กและอาหารกินเล่นถูกสั่งไปแล้วระหว่างนั่งรอวิสาก็เอาโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปรอ เราถ่ายรูปกลุ่มเยอะมากแต่เชื่อสิว่าวิสาจะเอาลงแค่รูปเดียวอีกนั่นแหละ เป็นอะไรที่เข้าใจยากอยู่เหมือนกันนะกับการถ่ายรูปเป็นร้อยแล้วอัปเพียงรูปเดียว เพราะฉันเองก็เป็นแล้วก็ยังไม่ค่อยจะเข้าใจตัวเองด้วยเหมือนกัน