บทที่ 3ส่งอาหารมื้อกลางวัน

2096 Words
ช่วงห้าโมงเช้าเป็นเวลาที่เหล่าสะใภ้จะกลับมาเอาอาหารไปให้คนในบ้านที่ทำงานในแปลงนา เฉินเฟิ่นอี้ที่ทำอาหารเสร็จพอดีจึงหิ้วตะกร้าไข่เจียวน้ำและข้าวที่หุงไปด้วย เนื่องจากมีสมาชิกเยอะจึงนำอาหารไปจำนวนมาก และเป็นย่าเฉินที่บอกให้เธอทำอาหารอย่างไรก็ได้ แม้ตอนแรกจะเอ่ยค้านเพราะคิดว่ามันสิ้นเปลือง เฉินเฟิ่นอี้รีบเดินไปที่แปลงนาก่อนที่จะมีคนกลับมาทำอาหาร ถ้าจำไม่ผิดห้าโมงครึ่งจะเป็นเวลาพักกลางวันของคนในหมู่บ้าน และจะลงแปลงนาอีกทีคือบ่ายโมง เฉินเฟิ่นอี้คนก่อนก็เคยลงแปลงนา แต่นั่นก็เป๊นตอนที่หล่อนยังไม่ได้ป่วย ระหว่างทางเดินไปยังแปลงนาเฉินเฟิ่นอี้ก็เจอเข้ากับคนที่กลับมาเอาอาหารมื้อกลางวัน ยังดีที่ไม่มีบ้านเฉินของเธอ ไม่เช่นนั้นคนที่กลับมาเอาคงเหนื่อยเปล่าๆ “นั่นเฉินเฟิ่นอี้ไม่ใช่เหรอ” เหมือนจะได้ยินชื่อของตนเองเฉินเฟิ่นอี้จึงเดินช้าลงเพื่อฟัง และกลุ่มคนตรงหน้าของเธอเป็นเยาวชนหญิงที่ถูกส่งมาพัฒนาหมู่บ้าน แต่มาพัฒนาหรือมาสร้างปัญหาให้ก็ไม่รู้ เพราะคนในหมู่บ้านต้องหาที่พักและแบ่งอาหารให้พวกหล่อน “ใช่ๆ หล่อนป่วยไม่ใช่เหรอ” เยาวชนที่ตัวสูงที่สุดในกลุ่มถามกันด้วยความสงสัย เฉินเฟิ่นอี้คนนี้แต่ก่อนก็ลงแปลงนาจึงพอจำชื่อและหน้าได้บ้าง “คงจะหายแล้ว เหอะ คงไม่อยากลงแปลงนาสินะถึงแกล้งป่วย” เยาวชนหญิงอีกคนเอ่ยด้วยน้ำเสียงดูถูก เป็นแค่คนในชนบทแท้ๆ ยังหวังสูง “ไม่เอาน่าโม่เหลียน หล่อนก็คงป่วยหนัก อีกอย่างได้ยินว่าถูกคู่หมั้นถอนหมั้นไปไม่ใช่เหรอ หล่อนจะล้มป่วยก็ไม่แปลก” เยาวชนหญิงเซี่ยหลินหวาเอ่ยห้ามเพื่อนของหล่อนเบาๆ เฉินเฟิ่นอี้ปล่อยให้พวกหล่อนสนทนากันต่อไปและรีบไปยังแปลงนา ดูจากจำนวนคนที่กลับมาเอาอาหารแล้ว อีกไม่นานบ้านเฉินคงจะกลับมา ฤดูเก็บเกี่ยวจะมีทั้งหมดสามฤดู ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูฝน และฤดูหนาว ตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ผลิอากาศจึงร้อนมากกว่าอีกสองฤดู ยังดีที่เป็นเพียงช่วงเริ่มต้นเท่านั้น เดือนหน้าคงร้อนมากกว่านี้ เฉินเฟิ่นอี้มองผู้คนที่เดินสวนทางมาเพื่อเก็บรายละเอียดว่าเธอรู้จักหรือไม่ “ป้าสะใภ้รอง” จนกระทั่งเมื่อใกล้ถึงแปลงนาที่บ้านเฉินได้รับมอบหมาย เฉินเฟิ่นอี้ก็เห็นป้าสะใภ้รองกำลังจะเดินกลับไปเอาอาหารมื้อกลางวันพอดี เฉินเฟิ่นอี้ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะถูกป้าสะใภ้รีบแย่งตะกร้าไปถือเอง ทั้งยังต่อว่าเธอที่ตากแดดร้อนๆ มา “เฟิ่นอี้หลานมาได้ยังไง! ร้อนขนาดนี้ดูสิ” สะใภ้รองชี้ไปยังเหงื่อที่ไหลจากใบหน้าของหลานสาว “ฉันเอาอาหารมื้อกลางวันมาให้ค่ะ แล้วจะอยู่เอาตะกร้ากลับด้วย” เพราะเธอต้องนำมันกลับไปล้าง ส่วนของในครัวที่ใช้ทำอาหารเธอล้างเก็บไว้เรียบร้อยแล้ว “เร็วๆ มานั่งพักเร็ว!” สะใภ้รองรีบดึงหลานสาวให้ไปนั่งพักบริเวณใต้ต้นไม้ที่อยู่ใกล้แปลงนาที่บ้านเฉินได้รับมอบหมาย อีกทั้งใกล้ๆ กันยังมีชาวบ้านอีกหลายกลุ่มที่นั่งพักกันอยู่ แต้มค่าแรงจะมีตั้งแต่หนึ่งแต้มถึงสิบแต้ม ทุกคนสามารถเลือกได้ว่าจะรับกี่แต้มและต้องทำงานตามแต้มที่ได้รับมอบหมาย เช่น ผู้หญิงบ้านเฉินที่เก็บเกี่ยวข้าวโพดรับห้าแต้มก็จะได้พักก่อนผู้ชายที่รับสิบแต้มและทำงานที่หนักกว่า หลายๆ บ้านก็เป็นแบบนี้ เพราะช่วงพักกลางวันผู้หญิงต้องกลับไปทำอาหาร อีกอย่างบางคนก็ตั้งครรภ์หรือมีเรี่ยวแรงน้อย ยิ่งบ้านไหนมีจำนวนสมาชิกเยอะผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ก็ต้องทำงานด้วย สะใภ้สี่และสะใภ้ใหญ่ที่นั่งพักอยู่มองสะใภ้รองที่ลากเฉินเฟิ่นอี้เข้ามานั่งด้วย สะใภ้สี่มีท่าทีตกใจและรีบใช้หมวกสานพัดให้ลูกสาวของนางที่มีเหงื่อไหลและหน้าแดง “แม่นั่งพักเถอะค่ะ ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆ” เฉินเฟิ่นอี้ได้แต่ยิ้มแห้งที่ต้องให้คนที่ทำงานเหนื่อยๆ มาพัดให้ “ร้อนขนาดนี้หลานจะมาทำไม” สะใภ้ใหญ่บ่น “ฉันเอาอาหารมื้อกลางวันมาให้ค่ะ ไหนๆ ก็ว่าง อีกอย่างคุณย่าก็กลัวว่าทุกคนจะเหนื่อยกัน” การเก็บเกี่ยวฤดูนี้เป็นการเก็บเกี่ยวที่หนักที่สุด และคนในหมู่บ้านจะได้รับส่วนแบ่งแค่สองครั้งเท่านั้น นั่นก็คือหลังการเก็บเกี่ยวครั้งนี้และก่อนปีใหม่เพื่อให้ชาวบ้านได้ฉลองกัน หากบ้านไหนได้รับส่วนแบ่งน้อยก็ต้องรัดเข็มขัดให้ดี ไม่อย่างนั้นก็อาจอดอาหารตาย “แหม่ แค่เอาอาหารมาส่ง สะใภ้บ้านเฉินก็ทำเหมือนหลานสาวจะตาย” เฉินเฟิ่นอี้หันไปมองตามเสียงที่พูด เธอต้องเพ่งมองว่าสตรีวัยกลางคนตรงหน้าเป็นใคร เพราะใบหน้าคุ้นๆ อีกทั้งความทรงจำก็ขาดๆ หายๆ “สะใภ้รองอี้มีปัญหาหรือ?” สะใภ้ใหญ่ถือตัวว่าตนเองใหญ่ที่สุดในบรรดาสะใภ้บ้านเฉิน หันไปถามสะใภ้รองบ้านอี้ที่เป็นบ้านเดิมของสะใภ้สี่ หล่อนไม่ถูกกับบ้านอี้มาตั้งแต่แต่งเข้าสกุลเฉิน พอเกิดเรื่องเฉินเฟิ่นอี้ขึ้น หล่อนก็ยิ่งเกลียดชังบ้านอี้เข้าไส้ “สะใภ้ใหญ่เฉิน เฉินเฟิ่นอี้เป็นเด็กสาวขี้โรค บ้านเฉินยังจะเก็บหล่อนไว้อีกเหรอ หากเป็นบ้านอี้ของพวกฉัน ฉันไม่เอาไว้แน่ๆ เลี้ยงไว้ก็ไร้ประโยชน์ทั้งยังเป็นภาระ” หล่อนหันไปหัวเราะกับเหล่าสะใภ้บ้านอี้ ผู้ใดก็รู้ว่าเด็กสาวบ้านอี้น่ะเต็มไปด้วยคนมีความสามารถ ต่างจากเด็กสาวบ้านเฉินที่ป่วยใกล้ตาย “ใช่ อีกอย่างนะ ตอนนี้หมิงหลานฮุ่ยก็จะให้ครอบครัวหมิงมาหมั้นหมายอี้เหม่ยเฟิ่งของพวกเราแล้ว ต้องโทษเฉินเฟิ่นอี้แล้วแหละที่ไม่มีวาสนาได้แต่งงานกับหมิงหลานฮุ่ย” สะใภ้ใหญ่อี้ผู้เป็นแม่แท้ๆ ของอี้เหม่ยเฟิ่งเอ่ยอย่างดูแคลนที่ลูกสาวของหล่อนสามารถแย่งชิงคู่หมั้นที่ร่ำรวยมาจากเฉินเฟิ่นอี้ได้ “แม่คะอย่าไปสนใจเลยค่ะ” สะใภ้สี่ที่กำลังจะตอบโต้ถูกลูกสาวห้ามปราม หล่อนกำมือแน่นมองไปยังบ้านอี้อย่างโกรธแค้น ที่ผ่านมาเวลาสามีของหล่อนได้ของดีๆ มา หรือพี่ชายสามนำของมาให้เหล่าพี่สะใภ้ น้องสะใภ้นำไปให้บ้านเดิม สะใภ้สี่ก็นำไปให้บ้านอี้ทุกครั้ง แต่ดูทุกคนทำกับครอบครัวของหล่อนสิ แม้แต่พ่อแม่และพี่ชายทั้งสามยังเห็นดีเห็นงามไปด้วย เฉินเฟิ่นอี้มองสะใภ้บ้านอี้ที่ยังหัวเราะไม่หยุด บ้านอี้เป็นบ้านเดิมแม่ของเธอ และมองดูแล้วแม่ของเธอก็ไม่ได้ยอมบ้านอี้ขนาดนั้น คงเป็นเพราะป้าสะใภ้ใหญ่ชอบบ่นแน่ “หรือมันไม่จริง ฮ่าๆ” ระหว่างนั่งรอผู้ชายบ้านเฉินพักกลางวัน เฉินเฟิ่นอี้ก็หันมองรอบๆ ว่ามีใครที่รู้จักบ้าง ซึ่งก็คุ้นหน้าคุ้นตาไม่น้อยเลย ยังดีที่เฉินเฟิ่นอี้เป็นเด็กสาวที่เรียบร้อยเธอจึงไม่ต้องปวดหัว “อ้าว เฟิ่นอี้มาทำอะไรเหรอ” เฉินเต๋อหมิงที่มาถึงก่อนคนอื่นร้องถามลูกสาวคนโตที่นั่งอยู่ “ฉันเอาอาหารกลางวันมาส่งค่ะพ่อ” เฉินเฟิ่นอี้ตอบ เธอมองพ่อของเธอเล็กน้อย แม้จะแปลกๆ ที่ต้องเอ่ยคำว่าพ่อบ้างก็ตาม อย่างที่รู้กันว่าชีวิตก่อนเธอมีเพียงแม่ จึงไม่เคยเอ่ยคำว่าพ่อเลยสักครั้ง “ลำบากแล้ว” เฉินเฟิ่นอี้ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะตักข้าวใส่ถ้วยให้ทุกคน มีหลายบ้านต่างมองมาเพราะปกติบ้านเฉินจะมีเพียงแผ่นแป้ง ส่วนข้าวขาวนานๆ ทีจะได้รับประทาน ซึ่งทุกบ้านก็เป็นเช่นนี้ “ข้าวขาวเหรอ!” สะใภ้ใหญ่ตกใจ เพราะข้าวขาวบ้านเฉินจะเก็บไว้รับประทานมื้อเย็น ทำงานเหนื่อยๆ พอได้รับประทานข้าวขาวก็มีแรงขึ้นมาก อีกอย่างเพราะไม่ต้องการให้คนในหมู่บ้านสนใจจึงเลือกที่จะกลมกลืนไป “ใช่ค่ะ วันนี้คุณย่าอนุญาตให้ฉันทำค่ะป้าสะใภ้ใหญ่” “สิ้นเปลืองเปล่าๆ” ลุงใหญ่โบกมือแต่ก็ไม่ได้ต่อว่าหลานสาวเพราะมีคนอื่นอยู่ด้วย เฉินเฟิ่นอี้ไม่ได้ว่าอะไรต่อ เธอตักข้าวส่งให้ทุกคนที่ทยอยนั่งลง ผู้ชายจะได้เยอะกว่าผู้หญิงเพราะต้องใช้พลังงานเป็นอย่างมาก ส่วนเฉินเฟิ่นอี้ที่ไม่ได้ทำงานเธอจึงตักข้าวให้ตัวเองนิดเดียว “นี่คืออะไร” ปู่เฉินชี้ไข่เจียวน้ำอย่างสงสัย “ไข่เจียวน้ำค่ะคุณปู่” เฉินเฟิ่นอี้ยื่นมือไปตักไข่เจียวน้ำใส่ถ้วยของปู่เฉินที่นั่งอยู่ข้างๆ เพราะจำนวนสมาชิกเยอะ เธอจึงใส่ผักลงไปหลายอย่าง แต่ก็ยังมีเอกลักษณ์ของไข่เจียวน้ำที่เคยทำรับประทาน ซึ่งรสชาติก็ต่างกันอยู่บ้างเนื่องจากมีเครื่องปรุงไม่เยอะ “หอมมาก” เฉินเฟิ่นอี้มองทุกคนรีบตักไข่เจียวน้ำยิ้มๆ มีแต่คนเอ่ยปากชมว่ามันอร่อยมาก ซึ่งเธอก็ทำเพียงพยักหน้า ทุกคนรีบรับประทานอาหารและใช้เวลาที่เหลือนอนพักเอาแรงก่อนไปทำงานต่อ เมื่อรับประทานอาหารเสร็จเฉินเฟิ่นอี้ก็เก็บจานและของที่นำมาใส่ตะกร้า ผู้ใหญ่บ้านเฉินต่างหาที่นอนพักกลางวันแล้ว เธอจะกลับบ้านพักผ่อนเหมือนกัน อาหารที่นำมาส่งหมดเกลี้ยงไม่เหลือแม้แต่ข้าวสักเม็ด สร้างความพึงพอใจให้เฉินเฟิ่นอี้เป็นอย่างมาก ข้าวหมดก็หมายความว่ามันอร่อย อีกอย่างเธอก็ไม่ค่อยได้ทำอาหารด้วย หลังกลับมาจากแปลงนาเฉินเฟิ่นอี้ก็เห็นย่าเฉินและเฉินชิงชิงนอนหลับอยู่ที่แคร่หน้าบ้าน ข้างในบ้านคงจะร้อน ทั้งสองจึงออกมานอนที่ด้านนอก ก่อนจะรีบนำของไปล้างและเก็บไว้ที่เดิม เมื่อจัดการอะไรเสร็จเฉินเฟิ่นอี้ก็เข้าไปในห้องนอนของเธอ เปิดหน้าต่างออกให้กลิ่นในห้องจางลง แสงแดดเริ่มส่องเข้ามาในห้องนอนเธอจึงนั่งลงบนเตียง มองกระดานใสตรงหน้าที่ได้ทำการกดตกลงยืนยันภารกิจไปเมื่อครู่ [คะแนนรวม : 10 แต้ม] เดี๋ยวนะ? เมื่อวานเธอได้หนึ่งแต้มและเจ็ดแต้ม ภารกิจในวันนี้อย่าบอกนะว่าเธอได้เพียงสองแต้ม! ระบบนี้คงรวนแน่ๆ เฉินเฟิ่นอี้จะหัวเราะก็หัวเราะไม่ออก จะร้องไห้ก็ร้องไห้ไม่ได้ ระบบเส็งเคร็ง! แล้วรางวัลพิเศษล่ะ “แป้ง?” เฉินเฟิ่นอี้มองถุงแป้งจำนวนสองชั่งที่เธอกดรับรางวัลสำเร็จภารกิจ แป้งขาวจำนวนสองชั่งก็หล่นลงบนเตียงทันที แม้แต่รางวัลพิเศษเธอก็ยังได้แค่แป้งหรือ! ไม่มีเนื้อหมูหรือพวกเงินให้หน่อยเหรอ เฉินเฟิ่นอี้ถอนหายใจ ถ้ารู้อย่างนี้ตั้งแต่แรกคงไม่ยอมเชื่อมต่อกับระบบแน่ๆ เธอนึกว่ามันจะช่วยอะไรได้ แต่นี่ช่วยทำให้เหนื่อยมากกว่า เฉินเฟิ่นอี้ถือถุงแป้งที่ได้รับมาไปเทใส่โหลแป้งเอาไว้ เธอไม่ได้ไปซื้อมาจะมีคนสงสัยเอาได้ แต่ถ้ามีคนสังเกตว่าจำนวนมันเพิ่มขึ้นก็คงหาสาเหตุไม่ได้ซึ่งเหตุผลหลังมันดีกว่า คงต้องทำเกี๊ยวผักให้บรรดาเด็กที่ไปโรงเรียนเป็นของว่าง ซึ่งเหลืออีกหลายชั่วโมง กว่าที่พวกเขาจะกลับมา เฉินเฟิ่นอี้จึงตัดสินใจนอนพักกลางวันก่อนเพื่อเอาแรง ตื่นอีกทีเด็กๆ คงใกล้จะกลับแล้ว  
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD