คล้อยหลังของหลี่หมิงไปได้ไม่นานนักเพ่ยเจินก็เปิดปากพูดขึ้นมาก่อนว่า "เจ้าจะปล่อยข้าได้หรือยังเจ้าหมียักษ์?"
"เป็นเจ้าที่กอดคอข้า" ซ่งเว่ยหยางเอ่ยขึ้นยิ้มๆ
"ข้าชักจะอดทนต่อไปไม่ไหวแล้วนะ"
เพ่ยเจินเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
"อดทนที่จะไม่จุมพิตข้าคืนเช่นนั่นหรือ?"
"อดทนที่จะไม่ฆ่าเจ้าต่างหากล่ะ!"
เพ่ยเจินพูดพลางหยิกหมับเข้าที่ใบหูขวาของซ่งเว่ยหยางด้วยความหมั่นไส้
"เพ่ยเจินอย่าทำข้าเลย โบราณว่าเอาไว้ หญิงใดจะได้ตกแต่งเป็นภรรยาของชายผู้นั้นอย่าได้คิดหรือทำร้ายร่างกาย
กันเลย มันมิงามนัก เจ้ามิรู้หรือ?"
ซ่งเว่ยหยางเอ่ยขึ้นน้ำเสียงนุ่มพร้อมทั้งยกมือใหญ่ของตนขึ้นมาจับกับมือเล็กของเพ่ยเจินออกด้วยความอ่อนโยน
"ข้าจะไม่มีวันยอมแต่งงานกับเจ้า แล้วเจ้าก็ไม่ต้องมาสั่งสอนข้า พาข้ากลับขึ้นฝั่งประเดี๋ยวนี้"
เพ่ยเจินออกคำสั่งน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
"ขอโทษด้วยเพ่ยเจินที่ตอนนี้ขาข้ามันเป็นตะคริวไปเสียแล้ว"
ซ่งเว่ยหยางพูดพร้อมกับที่ร่างใหญ่โตนั้นได้ทรุดตัวลงไปใต้สายน้ำ
เพ่ยเจยหวีดร้องด้วยความตกใจก่อนจะจมลงไปใต้สายน้ำเช่นเดียวกัน แต่ในความเย็นเยียบนั้นกลับมีมือใหญ่แข็งแรงเข้ามาประคองใบหน้าของตนเอาไว้ และมอบจุมพิตแบ่งลมหายใจให้อย่างอ่อนโยน กว่าอาการขาเป็นตะคริวจะดี
ขึ้น เพ่ยเจินก็ถูกจุมพิตจากซ่งเว่ยหยางไปนับครั้งไม่ถ้วน
เมื่อขึ้นมาบนฝั่งได้แล้วด้วยความโมโหเพ่ยเจินจึงยอมละทิ้งตะกร้าเดินฉับๆมุ่งหน้าจากไปในทันที ซ่งเว่ยหยางเห็นดังนั้นจึงแบกตะกร้าสองใบซ้อนกันไว้บนหลังและก้าวขาเดินตามไปติดๆ ก่อนจะเร่งฝีเท้ามากขึ้นจนมาหยุดยืนดักหน้าเพ่ยเจินได้สำเร็จ
"หลีกไปนะไอ้หมียักษ์ชั่ว" เพ่ยเจินขู่
"ใส่เสื้อคลุมของข้าเอาไว้แล้วข้าจะเดินไปส่งเจ้าที่บ้าน"
ซ่งเว่ยหยางเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ
"ข้าไม่ใส่" เพ่ยเจินปฏิเสธออกมาเสียงดังฟังชัด
"เพ่ยเจินอย่าดื้อกับข้า เจ้าเปียกน้ำแล้วเสื้อผ้าดูแนบเนื้อยิ่งนัก จะให้คนอื่นนอกจากข้าเห็นเรือนร่างเจ้าได้อย่างไร?"
ซ่งเว่ยหยางก้มหน้าลงมากระซิบบอกเสียงเบา
"เป็นเพราะเจ้าแท้ๆที่มาก่อกวนความสงบของข้า"
เพ่ยเจินพูดขึ้นด้วยความโกรธจัดพร้อมทั้งเหวี่ยงฝ่ามือออกไปหมายจะฟาดเข้าที่แก้มสากนั่นสักทีให้หายแค้น
แต่ดูเหมือนซ่งเว่ยหยางจะรู้ทัน จึงจับมือเล็กไว้มั่นได้ในทันท่วงทีพร้อมกับอุ้มร่างเล็กขึ้นมาพาดบ่าอีกครั้ง
"ปล่อยข้านะ เจ้าหมียักษ์บ้าหน้าไม่อาย ปล่อยข้าลงไปเดี๋ยวนี้"
เพ่ยเจินทั้งดิ้นไปมา ทั้งทุบหลังของซ่งเว่ยหยางด้วยความเหลืออด แต่กลับไม่ได้ทำให้ซ่งเว่ยหลางรู้สึกระคายหนัง
หนานั่นแต่อย่างใด
"เป็นเพราะเจ้าดื้อดึงไม่ยอมใส่เสื้อคลุมของข้า ข้าจึงได้ทำเช่นนี้ดีกว่ายอมให้ผู้อื่นได้เห็นเรือนร่างของเจ้า"
ซ่งเว่ยหยางตอบออกมาเสียงนุ่ม
"ข้ายอมใส่เสื้อคลุมของเจ้าแล้ว รีบปล่อยข้าลงไปเสียทีเถอะ" เพ่ยเจินกระแทกเสียงตอบ
"แล้วเจ้าก็ห้ามตามข้ามาด้วย เสื้อคลุมนี่หากข้าซักเสร็จแล้วจะให้คนนำไปคืนให้กับเจ้าเอง"
เพ่ยเจินสั่งพร้อมทั้งหยิบเสื้อคลุมมาสวมใส่อย่างลวกๆ
ภาพของหญิงสาวร่างเล็กสวมใส่เสื้อคลุมตัวใหญ่มหึมาจนยาวเลยเกินครึ่งแข้งไปนั้นทำเอาซ่งเว่ยหยางต้องเผลอยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู
เสื้อคลุมตัวนี้เขาสวมใส่ได้พอดีตัวยิ่งนัก ความยาวของชายเสื้อคลุมยาวจรดเหนือเนินสะโพกของเขาพอดี แต่พอ
เพ่ยเจินใส่เสื้อคลุมตัวนี้เข้าไปแล้วราวกับว่านางกำลังห่มผ้าผืนใหญ่อยู่ก็มิปาน
'เขาคงจะมิได้มีรูปร่างใหญ่โตมากจนเกินไปนักหรอกกระมัง เพ่ยเจินต่างหากที่ตัวเล็กกว่าเขาไปเยอะหน่อยแค่นั้นเอง'
ซ่งเว่ยหยางคิดขึ้นมาในใจพร้อมกับก้าวขาเดินตามหลังเพ่ยเจินไปโดยทิ้งระยะห่างเอาไว้สักเล็กน้อย
เพ่ยเจินแอบลอบปรายหางตามองดูอยู่เป็นระยะ เมื่อพบว่าซ่งเว่ยหยางยังคงเดินตามตนมาติดๆ จึงหยุดเดินและหันหน้ากลับมามองซ่งเว่ยหยางด้วยแววตาเอาเรื่อง
"ข้าบอกไม่ให้เจ้าตาม เจ้าก็ยังเดินตามข้ามาติดๆ เจ้าจะเอายังไงกับข้ากันแน่เจ้าหมียักย์?" เพ่ยเจินกอดอกถาม
"ก็ข้าจำเป็นต้องแบกผลไม้ และหน่อไม้ป่านี้กลับไปให้พ่อกับแม่ของเจ้านี่นา" ซ่งเว่ยหยางตอบกลับมาด้วยความซื่อ
"ส่วนดอกไม้ป่านี่ข้าก็เก็บมันมาด้วย เอาไว้ให้เจ้าปักแจกันในห้องนอน"
"เช่นนั้นเจ้าเอาตะกร้าของข้ากลับคืนมาเดี๋ยวนี้ ข้าจะแบกของพวกนี้กลับไปให้ท่านพ่อและท่านแม่ของข้าเอง"
เพ่ยเจินพูดพลางเดินอ้อมมาทางด้านหลังหวังปลดสายสะพายตะกร้าออกจากร่างกายใหญ่โตของ
ซ่งเว่ยหยาง ในขณะที่อีกฝ่ายกลับยังยืนนิ่งมิได้ให้ความร่วมมือแต่อย่างใด
"ปลดสายสะพายตะกร้าออก และส่งตะกร้าของข้าคืนมาให้ข้าเดี๋ยวนี้นะเจ้าหมียักษ์ มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้ามิเตือน"
เพ่ยเจินขู่
"ข้าจะยอมให้ตะกร้ากลับคืนไปให้เจ้าก็ได้นะเพ่ยเจิน หากเจ้ามีสิ่งดีๆ ตอบแทนกลับคืนมาให้กลับข้าบ้าง"
ซ่งเว่ยหยางเอ่ยขึ้นน้ำเสียงราบเรียบพยายามปกปิดความเจ้าเล่ห์เล็กๆของตนเอาไว้ให้สนิท
"เจ้าจะเอายังไงก็ว่ามา อย่ามาเล่นลิ้นกับข้านะ?"
เพ่ยเจินเอ็ด
"เจ้าหอมแก้มข้า ข้าให้ตะกร้าเจ้า ข้อเสนอตกลงกันเช่นนี้เป็นอย่างไรบ้างเล่า?"
ซ่งเว่ยหยางเอ่ยขึ้นนัยน์ตาเป็นประกาย
"โง่ งี่เง่า บั่ดซบยิ่งนัก! เจ้าตัวสูงเช่นนั้นจะให้ข้าปีนต้นไม้แล้วใช้เชือกลอยตัวลงมาหอมแก้มเจ้าหรือ?"
เพ่ยเจินกัดฟันพูด
"แล้วจะให้ข้าทำเช่นไร ย่อตัวลงมาก็ช่างลำบากนัก?"
ซ่งเว่ยหยางพูดด้วยความซื่อ
"ให้ข้านอนลงกับพื้นดีหรือไม่ เจ้าจะได้หอมแก้มข้าได้สะดวก?"
เพ่ยเจินกัดฟันฟังข้อเสนอบ้าบอคอแตกนี่อย่างพยายามระงับความอยากจะฆ่าแกงเจ้าหมียักษ์บ้านี่เอาไว้อย่างเต็มความสามารถ ก่อนจะเค้นเสียงรอดไรฟันออกไปว่า
"วางตะกร้าไว้ข้างตัวเจ้าและนั่งคุกเข่าลงไปเดี๋ยวนี้"
"สำหรับข้าซ่งเว่ยหยางนอกจากบิดาผู้ล่วงลับและมารดาที่ยังมีชีวิตอยู่ก็มีแต่เจ้าเพ่ยเจินคนเดียวเท่านั้นที่ข้าจะยอมคุกเข่าให้"
ซ่งเว่ยหยางเอ่ยออกมาน้ำเสียงหนักแน่นก่อนจะคุกเข่าลงไปกับพื้นเสียงดังพลั่ก
"มันก็ดีกว่าการให้เจ้านอนลงไปกับพื้น แล้วข้าต้องเป็นฝ่ายคุกเข่าลงไปหอมแก้มเจ้าก็แล้วกันเจ้าหมียักษ์"
หลังกล่าวจบเพ่ยเจินก็ก้มหน้าลงไปหอมแก้ม
ซ่งเว่ยหยางด้วยความรวดเร็วก่อนจะแบกตะกร้าวิ่งหนีจาก
เหตุการณ์เมื่อครู่ไปด้วยความอับอาย
ทิ้งให้ซ่งเว่ยหยางยิ้มค้างกับเหล่าบรรดาเสียงนกเสียงกาในป่าไปเนิ่นนาน......