จุดเริ่มต้น 3

1711 Words
@วันเสาร์ วันนี้ฉันมีติวให้ตะวันฉายตามที่ได้คุยกันไว้ ฉันไลน์ไปหาหมอนั่นตั้งแต่เช้า แต่เขากลับไม่ยอมตอบ รู้นั่นแหละ ว่าที่ไม่ตอบ เป็นเพราะยังไม่ตื่นแน่ๆ พอคิดได้แบบนั้น ฉันจึงเลือกที่จะกดโทรออกหาเขาแทน ไลน์ไม่ยอมตอบ แต่เชื่อเถอะ เสียงโทรศัพท์ต้องดังมาก จนปลุกหมอนั่นให้ตื่นได้แน่นอน [โหลล...] นั่นไง ว่าไว้ไม่มีผิด น้ำเสียงงัวเงียติดความรำคาญ มันบ่งบอกว่าเขายังนอนอยู่บนที่นอน "เก้าโมงแล้วนะฉาย นายต้องตื่น" [อื้อออ วันหยุดไงปาย ไว้ตื่นเดี๋ยวโทรกลับนะ] "ไม่เอา ไม่ได้ วันนี้เรามีนัดกันนะ ฉันต้องติวให้นาย" [ติวตอนไหนก็ได้] "ใช้คำว่าตอนไหนก็ได้ไม่ได้ อย่าลืมสิว่าสัปดาห์หน้าเราก็สอบแล้ว สิ่งที่ฉันจะติวให้นาย มันมีผลต่อการสอบมากนะ" […] "ฉาย ฟังฉันอยู่หรือเปล่า ฉันกำลังจริงจังนะ นายไม่เก่งคณิตศาสตร์ แต่วิชานี้ฉันเก่งมาก ฉันจะติวให้นาย ทุกอย่างมันจะได้ราบรื่นไง" […] "อย่าเงียบแบบนี้นะฉาย เราจะจบ มอ.หกแล้วนะ จะทำตัวขี้เกียจเหมือนเดิมไม่ได้" […] "ฉาย ตะวันฉาย!" [อื้อออ รู้แล้ว แต่ฉันยังง่วงอยู่เลย วันนี้วันหยุดนะ ไม่อยากไปไหน อยากนอน] "ขอแค่วันเสาร์ก็ได้ ติวแค่วันเสาร์ ส่วนวันอาทิตย์ นายก็นอนเต็มที่เลย" [ดื้อจังวะปาย อื้อออ] "นายขี้เกียจตลอดเลย ไม่ตั้งใจไม่ได้แล้วนะ" [เคๆ ยอมๆ เธอมาหาฉันที่บ้านละกัน กว่าเธอจะมาถึง ฉันของีบอีกแป๊บ เธอมาถึง ฉันตื่นพอดี] "โอเค แล้วเจอกัน" ฉันตอบรับทันที แค่เขายอมมันก็ดีแค่ไหนแล้ว ฉันมาที่บ้านของตะวันฉาย หลังจากที่เราคุยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันบอกแม่ฉันอยู่แล้ว ว่าจะไปไหน แต่แม่ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะปกติหมอนั่นชอบเข้าหาผู้ใหญ่ นิสัยเข้าตาผู้ใหญ่ค่อนข้างมาก ส่วนแม่ของฉายเอง ก็รู้ว่าเราเป็นเพื่อนกัน ทุกอย่างมันจึงไม่เป็นปัญหาอะไร ปิ๊งป่อง ปิ๊งป่อง ปิ๊งป่อง~ ฉันมาที่บ้านของฉาย โดยมีน้องชายของฉันเป็นคนมาส่ง โล่งใจอยู่เหมือนกัน เมื่อคนที่ออกมาเปิดประตูคือหมอนั่น ไม่ต้องลำบากมานั่งรอคนตื่นเหมือนที่คิดไว้ "เข้าบ้านก่อน" "ทำไมแต่งตัวไม่เรียบร้อย" ฉันกอดกระเป๋าผ้าแนบอก มองคนตัวโตที่ใส่เพียงกางเกงขายาวตัวเดียว ไม่ยอมใส่เสื้อ "มันร้อน" "..." ฉันหรี่ตามองคนพูดในทำนองไม่เชื่อ "แอร์เสีย" "อ๋อ" สุดท้ายฉันก็พยักหน้าออกมา แบบนี้นี่เอง สกายกลับไปก่อนแล้ว อ้างว่าจะไปหาเพื่อน ฉันจึงเดินเข้ามาในบ้านของฉายโดยการเดินตามหลังหมอนั่น "พ่อกับแม่ล่ะ?" "ไม่อยู่" "ห๊ะ" ฉันดึงสายตากลับมามองที่แผ่นหลังแกร่ง จากที่ตอนแรกมองไปรอบๆ ตัวบ้าน "พ่อกับแม่ไปธุระในเมือง ส่วนพี่สาวของฉัน อยู่ข้างบน" "อ๋อ" ฉันพยักหน้าเบาๆ อีกครั้ง ตอนแรกแอบตกใจ นึกว่าเราอยู่กันตามลำพัง "ไปติวข้างบน ด้านล่างแอร์เสีย" "ขะ ข้างบนเหรอ ไม่ดีมั้ง" ฉันส่ายหน้าเป็นพัลวัน การทำแบบนั้น มันไม่งามเลย "พี่ฉันก็อยู่ด้านบน ติวหนังสือกับเพื่อนเหมือนกัน กลัวฉันทำอะไรเธอหรือไง?" ใบหน้าของฉันมันร้อนวูบวาบไปหมด ใครกันละที่จะไม่กังวล อยู่ดีๆ ก็ต้องเข้าไปในที่ล่อแหลมแบบนั้น "ข้างล่างอากาศมันร้อน ถ้าเธอไม่ขึ้นไปติวด้านบน ถ้าอย่างนั้นก็กลับบ้านไปเลย ฉันไม่ติวแล้ว เวลามันร้อนมันไม่มีอารมณ์จะเรียนหรอก" ท่าทางงอแงของตะวันฉาย ทำให้ฉันเลือกที่จะถอนหายใจออกมา "อื้อ ด้านบนก็ด้านบน" ที่ฉันยอม ฉันก็ไม่ได้เต็มใจเท่าไหร่นะ แต่ก็รู้อีกนั่นแหละ ว่าหมอนี่เป็นคนขี้ร้อนขนาดไหน แล้วอีกอย่างการที่รู้ว่าพี่สาวของตะวันฉายติวหนังสืออยู่ที่ชั้นบนเช่นกัน มันก็ทำให้ฉันโล่งใจ อย่างน้อยเราก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง บ้านของตะวันฉายแตกต่างจากบ้านของฉันโดยสิ้นเชิง บ้านหลังนี้ใหญ่มาก กว้างมาก สวยมาก เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่าง ของประดับทุกชิ้นล้วนดูดีและมีราคา แตกต่างจากบ้านของฉัน แทบไม่มีอะไรที่มีราคาเลย เอาจริงๆ เถอะ ที่บ้านของฉัน ไม่มีเครื่องปรับอากาศสักตัวเลยด้วยซ้ำ "นั่นห้องพี่โฉม" ฉายผายมือไปที่ห้อง ที่อยู่ข้างๆกัน ได้ยินเสียงเหมือนคนคุยกันดังเล็ดออกมาเบาๆ ก่อนที่เจ้าของบ้าน จะผลักประตูอีกห้อง แล้วเดินนำฉันเข้าไป นี่เป็นครั้งแรก ที่ฉันได้ขึ้นมาถึงห้องของตะวันฉาย ห้องเขาดูกว้าง สะอาด ทุกอย่างดูสวยงามสมกับฐานะของเขานั่นแหละ เตียงนอนกว้างมาก มีห้องน้ำภายในตัว ถือว่าหมอนี่เกิดมาในกองเงินกองทองเลยจริงๆ "ไม่ต้องสอนเยอะเลยนะ บทเดียวก็พอ" "งอแงตลอด ไม่อยากสอบได้คะแนนดีๆ หรือไง บางทีนะ ถ้านายตั้งใจเรียน นายอาจจะได้เกรดเฉลี่ยที่ดีขึ้น พ่อแม่นายอาจจะภูมิใจ และดีใจกับความเอาไหนของนายก็ได้" "ไม่อ่ะ ต่อให้ฉันจะเรียนเก่งหรือเรียนไม่เก่ง แต่แค่ฉันสอบผ่าน ฉันอยากได้อะไรฉันก็ได้อยู่ดี" บางทีมันก็น่าอิจฉาอยู่นะ คนบางคน เขาก็เกิดมาเพียบพร้อมทุกอย่าง พ่อแม่ปูทางทุกอย่างให้ กับคนบางคนที่ไม่มีอะไร ก็ไม่มีอะไรสักอย่างเลยจริงๆ "ชีวิตนายดีมันก็ดีแล้ว นายมีพ่อแม่ที่ให้ทุกอย่าง นายไม่อยากเอาเกรดเฉลี่ยดีๆ มาอวดพ่อกับแม่บ้างหรือไง" "ขี้บ่นจัง ที่ฉันยอมติวทั้งที่วันนี้เป็นวันหยุดของฉัน ก็เพราะเธอนั่นแหละ" "ไม่ต้องมาทำเพื่อฉัน ทำเพื่อตัวนายเองนั่นแหละ มาเริ่ม สมุดนายอยู่ไหน" "มีแฟนเป็นเด็กเรียน ปวดหัวชะมัดเลย" หมอนั่นบ่น พลางเดินไปคว้ากระเป๋าเป้ ส่วนฉันได้แต่ส่ายหน้าไปมา และหลุดรอยยิ้มออกมา "จุดไหนบ้างที่ไม่เข้าใจ นายต้องเข้าใจในจุดนั้นก่อน นายถึงจะสามารถแก้โจทย์ได้" คนตัวโต บ่นทุกครั้งที่ฉันทำการอธิบาย แต่ฉันก็ยังมองเห็นความตั้งใจ ความค่อยๆเรียนรู้ของอีกคน หลายชั่วโมงที่ฉันถ่ายทอดสื่อการเรียนการสอน ที่เรียนมาพร้อมกัน แต่ฉันเข้าใจมากกว่าให้กับคนที่มีน้ำใจกับฉันมาโดยตลอด ตะวันฉายก็เป็นแบบนี้ ไม่ค่อยตั้งใจเรียนเท่าไหร่ แต่บทที่จะตั้งใจ หมอนี่ก็ใช้ได้อยู่เหมือนกัน "วันหยุดของฉัน ผ่านพ้นไป..." คนพูด ล้มตัวลงนอนกับพื้นในขณะที่ฉันปิดหนังสือลง พร้อมกับการเก็บใส่กระเป๋าผ้าตามเดิม "วันนี้นายเก่งมาก ถ้านายตั้งใจเวลาที่อาจารย์สอนแบบนี้ ฉันเชื่อ วันนายเป็นคนที่เก่งคนหนึ่งเลย" "..." "ถ้าอย่างนั้นฉันจะกลับแล้วนะ" "เดี๋ยว" ไม่ว่าเปล่า หมอนั่นเลื่อนมือมากระตุกข้อมือฉัน ส่งผลให้ฉันเสียหลัก ล้มลงไปกับพื้นตามเดิม "ฉาย..." ความใกล้ชิดที่มากเกินไปทำให้ฉันใจสั่น แม้ว่าฉันยังเด็ก แต่ก็ไม่เด็กมากพอที่จะไม่รู้ว่าใกล้แบบไหนถึงเรียกว่าไม่สมควร "ปล่อยก่อน" "กอดหน่อยไม่ได้?" สายตาคมเฉียบที่มองฉัน มันยิ่งทำให้ฉันหวั่นไหว เราเป็นแฟนกันนะ เราไม่ได้เป็นแค่เพื่อน แน่นอนว่า ความรู้สึกพิเศษมันสามารถเกิดขึ้นได้ง่ายๆ อยู่แล้ว "ขอกอดหน่อยปาย" "มันไม่เหมาะหรอก" "ไม่เป็นไรหรอก" หมอนั่นไม่ฟัง แล้วรั้งฉันเข้าสู่อ้อมกอดตามเดิม "ตัวเธอนิ่มจัง" ลมหายใจของฉันมันติดขัดไปหมด เราอยู่ใกล้กันมาก มากแบบที่ไม่เคยใกล้แบบนี้มาก่อนเลย ฟอดด~ "ฉาย" ตกใจมาก เมื่ออยู่ดีๆ หมอนั่นก็โน้มตัวลงมาหอมแก้มฉัน แต่เขากลับยิ้มกว้าง ไม่สะทกสะท้านใดๆ "ทำไมต้องตกใจขนาดนั้น เราเป็นแฟนกันนะ อายุจะสิบเก้าปีกันแล้ว" "แต่มันก็ยังไม่เหมาะ เรายังเรียนอยู่เลยนะ" "รู้ ว่าเรียนอยู่ แล้วการที่ยังเรียนอยู่ มันทำให้เราแสดงความรักไม่ได้หรือไง" เผลอสบตากับดวงตาคมเฉียบคู่นั้นจนได้ ตะวันฉายเป็นผู้ชายมีเสน่ห์มาก ทุกอย่างบนใบหน้าของเขา มันลงตัวสะดุดตา ยิ่งนึกถึงการกระทำที่ผ่านมา ที่หมอนี่เคยทำตัวน่ารักกับฉัน มันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกพิเศษต่อเขามาก "ขอ ...จูบได้ไหม" น้ำเสียงที่อ่อนโยนมันทำให้ฉันใจสั่น ฉายมองตาฉัน ก่อนจะค่อยๆ แนบริมฝีปากลงมา ปากของเราแนบชิดกัน ก่อนที่ปลายลิ้น จะค่อยๆ สอดเข้ามาในโพรงปากของฉัน ตอนนั้นฉันมีความรู้สึกแปลกๆ รู้ว่าสิ่งนี้ฉันไม่ควรทำ แต่ฉันก็ปล่อยให้ความรู้สึกมันพาไป ไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าเรามาหยุดกันที่เตียงตอนไหน ความรู้สึกกลัวมันเกิดขึ้นในตอนที่เขาถอดเสื้อผ้าของฉัน ฉันอยากห้าม แต่เขากลับเอ่ยคำว่ารักออกมา "ฉันรักเธอนะปาย ฉันรักเธอคนเดียว และฉันก็จะรักเธอตลอดไป" คำว่ารัก ทำให้ฉันทำตัวมักง่าย ทั้งที่พ่อมาสอนมาอย่างดี ทั้งที่ถูกอบรมให้เป็นคนรักนวลสงวนตัวอยู่เสมอ แต่ฉันกลับทำตัวเกเร ปล่อยตัวปล่อยใจ ในวัยที่ยังไม่สมควร
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD