บทที่ 8

1385 Words
นักกีฬาสาวผู้เป็นเจ้าของชื่อถึงกับสะดุ้งโหยงหน้าซีดเสียยิ่งกว่าชุดสีขาวสะอาดที่เธอกำลังสวมใส่อยู่ เมื่อถูกกรกฎเค้นเสียงเรียกชื่อของเธอด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกราวกับหลุดออกมาจากขุมนรก ก่อนหน้านี้เธอเคยได้ยินบรรดาเพื่อนๆ นักกีฬาด้วยกันต่างก็กล่าวขานว่า กรกฎ นนทยุทธ ผู้เป็นเจ้าของสโมสรน่ากลัว น่าเกรงขามพอๆ กับความหล่อเหลาคมเข้มของเขา ในตอนแรกเธอไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไร ด้วยไม่เคยประจันหน้ากับกรกฎเฉกเช่นในครั้งนี้มาก่อน เธอเคยเห็นเจ้าของสโมสรผู้นี้ในระยะหลายร้อยเมตร เพราะกรกฎไม่เคยข้องแวะใกล้ชิดกับนักกีฬาในสังกัดมากเกินควร คำสั่งทุกถ้อยคำทุกประโยคของเขา มักถูกนำมาถ่ายทอดโดยรณกรเลขาฯ มือขวาของเขาอีกที เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับผู้เป็นเจ้าของสโมสร ในสถานการณ์ที่เธอกำลังกลายเป็นคนไม่ดีในสายตาของเขา แถมยังถูกตำหนิติเตียน และถูกจ้องมองเขม็งด้วยสายตาคมกริบอย่างไม่พอใจของผู้เป็นเจ้าของดวงตาคมกล้า ทำเอาชนิตาแทบจะร้องไห้ออกมาให้ได้ “เอ่อ...นิต้าขอโทษค่ะคุณกรกฎ ต่อไปนิต้าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วค่ะ” เมื่อขอโทษทั้งจากถ้อยคำและด้วยการยกมือไหว้เรียบร้อยแล้ว นักกีฬาสาวแล้งน้ำใจก็รีบกลับไปซ้อมสเก็ตตามหน้าที่ของตนเองอย่างรวดเร็ว ไม่กล้ายืนอยู่ ณ ที่แห่งนี้นานเกินวินาที ด้วยเกรงว่าจะถูกกรกฎตำหนิต่อว่าไปมากกว่านี้ กรกฎมองตามนักกีฬาในสังกัดของตนเองด้วยสายตาไม่ค่อยพอใจสักเท่าไร เห็นทีว่าเขาต้องเรียกนักกีฬาทุกคนภายใต้การดูแลของสโมสรเดอะเวิลด์ ออฟ ไอซ์ สเก็ต มาอบรมและพูดคุยถึงเรื่องการมีมารยาท มีน้ำใจกันอีกยกใหญ่เป็นแน่ เมื่อชนิตาเดินเป็นวิ่งพ้นจากรัศมีที่จะได้ยินเสียงการสนทนาแล้ว กรกฎก็หันมาให้ความสนใจเด็กน้อยตัวเล็กที่เขายังคงยืนโอบแขนไปรอบบ่าเล็กเช่นเดิม “อยากเล่นสเก็ตน้ำแข็งเหมือนพี่ๆ เขาหรือครับ” กรกฎย่อตัวลงเล็กน้อย เพื่อให้ใบหน้าคมเข้มของตนเองอยู่ระดับเดียวกันกับใบหน้าเล็กส่อเค้าความงามของเด็กน้อย ขณะเดียวกันก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มนวลอย่างไม่เคยพูดกับใครมาก่อน จนเขานึกแปลกใจว่าทำไมถึงได้เอ็นดูเด็กน้อยคนนี้ยิ่งนัก กาญต์พิชชาเงยหน้าขึ้น ดวงตากลมโตดำขลับจ้องมองบุรุษหนุ่มผู้ใจดี ที่ยืนอยู่ข้างกายตนเองเขม็ง พอพานพบความจริงใจ พานพบกับกระแสแห่งความอบอุ่นที่บุรุษหนุ่มหล่อเหลาผู้นี้มอบให้ เด็กน้อยก็คลี่ยิ้มหวาน ก่อนจะเอ่ยตอบออกมาในที่สุด “ค่ะคุณน้า ข้าวฟ่างอยากเล่นสเก็ตค่ะ” กรกฎถึงกับเกิดอาการหัวใจกระตุกวาบเมื่อดวงตาคมกล้าปะทะกับรอยยิ้มหวานเปิดให้ดวงหน้าเล็กๆ ดูสดใสขึ้นมาในทันทีทันใด และอาการหัวใจกระตุกอุ่นวาบไปทั่วทั้งสี่แห่งห้องที่จู่โจมเข้าสู่หัวใจอย่างฉับพลันทั้งๆ ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แค่เพียงได้เห็นรอยยิ้มหวานๆ ของเด็กน้อยวัยกระเตาะอายุอานามน่าจะน้อยกว่าเขาหลายรอบ ทำเอากรกฎนึกก่นด่าตัวเองอยู่ในใจ ‘ไอ้กรกฎ! ไอ้บ้ากาม เห็นแค่รอยยิ้มหวานๆ ของเด็กน้อยคนนี้แกก็เกิดอาการหัวใจกระตุกแล้วหรือวะ’ เมื่อบุรุษหนุ่มหล่อเหลาและดูท่าว่าจะใจดีอยู่ไม่น้อย นิ่งเงียบไปนานหลายนาที กาญต์พิชชาก็ทำใจกล้าเอื้อมมือไปแตะตรงต้นแขนแข็งแกร่งของอีกฝ่าย พร้อมกับส่งสายตาวิงวอนขณะขอร้องเสียงแผ่วเบา “คุณน้าคะ ข้าวฟ่างขออนุญาตเล่นสเก็ตบนลานนี้ได้ไหม” กรกฎคลี่ยิ้มกว้างพยักหน้ารับคำ ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ได้สิครับ ต่อไปถ้าหากข้าวฟ่างอย่างเล่นสเก็ตลานไหน อยากมาเล่นเวลาไหนก็เลือกเล่นได้ตามใจชอบเลยครับ” “จริงหรือคะคุณน้า” กาญต์พิชชาเบิกตาโต ดวงตาดำขลับมันระยับแพรวพราวด้วยความดีใจตอนได้ยินคำตอบจากคุณน้าผู้ใจดี “จริงสิครับ เดี๋ยวคุณน้าจะบอกเจ้าหน้าที่ดูแลลานสเก็ตไว้ หากข้าวฟ่างมาถึงก็เข้าไปเล่นได้เลยครับ” กรกฎรับคำพร้อมด้วยรอยยิ้มกว้างระบายไปทั่วใบหน้าหล่อเหลา “ขอบคุณคุณน้ามากๆ เลยนะคะ คุณน้าใจดีกับข้าวฟ่างมากเลยค่ะ” กาญต์พิชชาคลี่ยิ้มกว้าง ขณะขอบคุณเสียงหวานก็ไม่ลืมยกมือไหว้บุรุษหนุ่มผู้หล่อเหลาที่เธอยังไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของอีกฝ่าย “ข้าวฟ่างเคยเล่นสเก็ตน้ำแข็งไหมครับ” กรกฎเอ่ยถามพร้อมกับเดินไปหยิบรองเท้าสเก็ตที่ถูกชนิตาจับขว้างทิ้งในก่อนหน้านี้มาถือไว้ จากนั้นก็จับมือเล็กของกาญต์พิชชาไว้มั่นแล้วพาเดินไปทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ยาวข้างๆ ลานสเก็ตเพื่อให้เด็กน้อยสวมใส่รองเท้าได้สะดวกยิ่งขึ้น กาญต์พิชชาทรุดกายลงนั่งข้างๆ เรือนกายล่ำสันของคุณน้าที่เธอยังไม่รู้จักชื่อ ทว่าเด็กน้อยรู้แค่เพียงว่าอีกฝ่ายใจดีกับเธอเหลือเกิน จากนั้นก็ส่ายหน้าเอ่ยตอบออกมา “ข้าวฟ่างยังไม่เคยเล่นสเก็ตน้ำแข็งเลยค่ะคุณน้า” “ถ้างั้นเรามาทำความรู้จักกีฬาประเภทนี้ก่อนนะครับ” กรกฎเอ่ยบอกเพียงสั้นๆ ดวงตาคมกล้าทอดมองเด็กน้อยน่ารักข้างกายสลับกับการมองไปยังลานสเก็ตอันใหญ่โต จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเลขาฯ ส่วนตัว พออีกฝ่ายรับโทรศัพท์แล้วก็เอ่ยบอกความต้องการของตนเองโดยไม่มีการทักทายผู้เป็นลูกน้องแม้แต่คำเดียว “รณกร เอารองเท้าสเก็ตมาให้ผมที่ลานสเก็ตลานที่สามด้วย” เอ่ยสั่งอย่างคนใจร้อนไปแล้ว กรกฎก็กดตัดสายการสนทนา ไม่รอฟังการทักทายหรือรอฟังคำซักถามจากผู้เป็นลูกน้องแม้แต่นาทีเดียว และเชื่อว่าไม่เกินสิบนาที รณกรคงวิ่งกระหืดกระหอบนำรองเท้าสเก็ตมาให้ตนเองอย่างแน่นอน เมื่อถ่ายทอดคำสั่งกับลูกน้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กรกฎก็หันมาให้ความสนใจกับกาญต์พิชชาต่อ ชายหนุ่มหยิบรองเท้าคู่เล็กพอเหมาะกับเท้าทั้งสองข้างของกาญต์พิชชามาถือไว้ ก่อนจะเอ่ยบอกให้เด็กน้อยเข้าใจถึงกีฬาประเภทนี้ “ข้าวฟ่างรู้ไหมครับว่าการเล่นกีฬาสเก็ตน้ำแข็งคือการเดินทางไปบนน้ำแข็ง โดยการใส่รองเท้าสเก็ตน้ำแข็ง ที่มีลักษณะเหมือนรองเท้าหุ้มข้อสูง แต่มีใบมีดที่พื้นรองเท้าที่ทำมาจากโลหะ” กรกฎชี้นิ้วให้กาญต์พิชชาดูใบมีดของรองเท้าสเก็ตที่ตนเองกำลังพูดถึง จากนั้นก็อธิบายเพิ่มเติมอย่างผู้มีความรู้ในกีฬาประเภทนี้เป็นอย่างดี “รองเท้าสเก็ตประกอบไปด้วยสองส่วนนะครับ คือส่วนที่เป็นรองเท้า (Boot) และส่วนที่เป็นใบมีด (Blade) สำหรับใบมีดก็มีส่วนประกอบย่อยอีกสามส่วนคือส่วนที่เรียกว่า Rocker ส่วนที่เป็นขอบ (Edges) ประกอบด้วยขอบใน (Inside edge) และขอบนอก (Outside edge) เวลาเราสเก็ตไปบนพื้นน้ำแข็ง จะใช้แค่บริเวณขอบใบมีดสัมผัสกับผิวน้ำแข็งแค่เพียงเล็กน้อย เพื่อลดแรงเสียดทานด้วย” ขณะอธิบายให้ผู้ที่ใหม่ต่อกีฬาสเก็ตน้ำแข็งได้รับรู้ความเป็นไปเป็นมาของกีฬาประเภทนี้ กรกฎก็ทอดสายตาจ้องมองใบหน้าเล็กๆ ของกาญต์พิชชาเขม็ง ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องมานั่งอธิบายเรื่องเหล่านี้ให้กาญต์พิชชาฟัง และไม่เข้าใจว่าทำไมหัวใจของเขาถึงกระตุกไหววาบในทุกครั้งที่เห็นรอยยิ้มสดใสจากเด็กน้อยผู้นี้ จนนึกก่นด่าตัวเองเป็นรอบที่ร้อยแล้ว ที่ดันมีความรู้สึกเช่นนี้กับเด็กอายุไม่กี่สิบขวบ แต่กับบรรดาสาวๆ หุ่นอวบอั๋น ขาวผ่องยองใยซึ่งเวลาอยู่ใกล้กันมักจะเบียดเนินเนื้อและปทุมถันเข้าแนบชิดกายเรือนล่ำสัน เขากลับไม่รู้สึกอะไรเลย บางครั้งกลับรู้สึกรำคาญด้วยซ้ำไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD