“ช่วงนี้สวยขึ้นมึงรู้ตัวรึเปล่า”
“เหรอ? แต่กูว่ากูก็สวยมากเป็นปกตินะ” ฉันตอบเพื่อนด้วยความมั่นแล้วนั่งลงจากนั้นก็ดึงจานข้าวตรงหน้ามันมาหาตัวเอง
“โอ้โห~ นอกจากจะมั่นหน้าแล้วยังสันดานหมาอีกนะอีเนียร์”
“หิว” ฉันพูดแค่นั้นแล้วตักข้าวของมันเข้าปากทันที
“อีชะแดกเยอะ!”
“อิจฉาเหรอ?” ฉันยิ้มถามมันอีโก้ก็เบะปากใส่ทันที
“ไม่ค่ะ กูไม่อิจฉามึงสักนิด!”
“แหม~ ดูไม่ออกเลยนะโก้” ฉันจีบปากจีบคอว่ามันอีโก้ก็เบ้ปากใส่
“หุบปากแล้วแดกข้าวกูไปเถอะค่ะ แย่งข้าวกูไปเลยเหมือนที่มึงเคยแย่งคุณขาของกูไปกกไปกอดอยู่คนเดียว”
“ฮ่า ๆๆ กูไปแย่งมึงตอนไหนคะอีโก้” มันตัดพ้อฉันเลยหลุดขำออกมา
“ฮึ! มึงไม่ต้องมาขำ ใช่สิมึงได้เขาเป็นผัวแล้วนี่! มึงชนะแล้วไงอีซาเนียร์!”
“พอ ๆๆ ไปกันใหญ่แล้วโก้ ไม่มีอะไรทำก็ไปซื้อข้าวกินโน่นไป”
“โอ้โหอีซาเนียร์ คำนี้กูรึเปล่าที่ต้องพูด ไปซื้อข้าวมาคืนกูเลยค่ะชะนี ผัวก็รวยเสือกมาแย่งข้าวตุ๊ดกิน”
“ไม่มีทางค่ะ มึงอยากกินก็ควักเงินซื้อเองสิคะ อิอิ” แกล้งอีโก้นี่มันสนุกที่สุดเลยค่ะ
“ชิส์!”
“กูหิวขอกินก่อนน้า~” ฉันรู้ตัวค่ะว่าแกล้งมันเยอะเลยรีบอ้อนใส่
“เออ ๆๆ กูยอมให้เพราะเป็นมึงเลยนะ ถ้าไม่ใช่มึงกูไม่ยอม”
“จ้า~ ขอบใจนะจ้ะเพื่อนโก้” ฉันยิ้มรับจนตาหยีอีโก้ก็จ้องฉันเขม็งทันที
“มึง”
“อืม มีไร”
“ตกลงมีซัมติงแล้วนะ” นั่นไงนึกไว้แล้วว่าต้องถามเข้าเรื่องนี้แน่นอน
“อยากให้เป็นแบบไหนล่ะ” ฉันแกล้งถามออกไปแบบนี้แต่แค่นี้อีโก้ก็ยิ้มระรื่นออกมาแล้วล่ะค่ะ
“เยส! เพื่อนกูจะได้เลิกเป็นเมียลับ ๆ แล้วโว๊ย~” ไม่ใช่แค่เสียงกับคำพูดแต่ท่าทางมันก็มาเต็ม จะดีใจอะไรขนาดนั้นก็แค่ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเขาในตอนนี้ไม่กัดกันตลอดเหมือนเมื่อก่อนแต่เปลี่ยนเป็น...ว่างเมื่อไหร่ก็แทบจะขยับตัวเป็นจังหวะเดียวกันตลอดเวลาแทน -///-
“มึง อย่าเพิ่งดีใจ เขาอาจจะแค่ขี้เกียจทะเลาะกับกูก็ได้เลยทำตัวแปลกไป”
“แหม~ บอกกูอย่าเพิ่งดีใจแล้วใจมึงล่ะอีซาเนียร์? มึงไม่ดีใจไม่รู้สึกอะไรเลยงั้นสิ?”
“...” โดนคำถามของมันเข้าไปฉันก็เงียบทันที
อายเพื่อนนะคะ เมื่อก่อนตั้งป้อมเกลียดเขามาก ปักธงเลยว่านี่คือศัตรูเบอร์หนึ่งจุดสองของชีวิต เพราะเบอร์หนึ่งตัวจริงคือผัวใหม่ของแม่ แล้วดูวันนี้สิ อมพระอุโบสถของพระอารามหลวงชั้นเอกมาพูดมันยังไม่เชื่อเลยว่าฉันไม่ได้รู้สึกดีกับเขา
“มึง ชอบก็คือชอบไม่ต้องอาย คนเรามีอะไรกันทุกวันแถมหล่อล่ำกล้ามใหญ่หำฟู อุ๊ย! อุ๊ยตาย!นี่กูพูดอะไรออกไป! อุ๊ย! ไม่สมกับเป็นกุลสตรีเลยโกโก้~”
“ดัดจริต” หมั่นไส้ท่าทางเอามือป้องปากหลังจากพูดคำทะลึ่งของมันมากเลยด่าเข้าให้แต่อีโก้ก็คืออีโก้ มันจะแคร์อะไรในเมื่อมันก็แค่แกล้งทำท่าทางโอเวอร์แอคติ้งกวนประสาทเพื่อนเล่นแค่นั้น
“เออ ๆๆ ตามนั้นแหละ มึงไม่ต้องอายหรอก คุณขาเขางานดีขนาดนั้นแถมช่วงนี้ยังทำตัวน่ารักกับเมียเก็บไม่แปลกเลยค่ะที่ความรู้สึกมึงจะเปลี่ยนไป ไม่เปลี่ยนสิคะถึงจะควรไปพบแพทยสภา”
“แต่... / กูบอกไม่ต้องอายไง ไม่ต้องพยายามปฏิเสธด้วย แบบนี้มันดีซะอีกมึงรู้ไหมเพราะมึงจะได้ไม่ต้องพยายามฝืนใจตัวเองแค่เพื่อให้เขารักแล้วมึงจะได้หลุดพ้นจากทุกวันนี้ไง มึงจะได้ใช้ความรู้สึกตัวเองนำทางชีวิตมึงได้ง่ายขึ้นไงซาเนียร์”
“...อื้อ ขอบใจนะโก้” สุดท้ายฉันก็เลือกที่จะไม่ปฏิเสธเพราะการโกหกมันเหนื่อยนะคะ โกหกแล้วก็ต้องโกหกต่อไปเรื่อย ๆ ไม่สิ้นสุดหรอกสู้ยอมรับไปเลยดีกว่าชีวิตน่าจะง่ายขึ้นเยอะเลย
“เออ ไม่ต้องมาขอบจงขอบใจหรอก ได้ดีเมื่อไหร่ก็ปันรูปแซ่บ ๆ ของผัวมาให้กูนอนติ้วบ้างก็พอ~”
“ฮ่า ๆๆ อีบ้า! ฝันไปเถอะ!” ผัวกู กูก็ต้องหวงไหมล่ะโก้~ >///-เวลาต่อมา-
ติ๊ง!
Lucas : เจอกันที่ระเบียง
“...” ไอ้บ้า!
-///-
ส่งข้อความอะไรมาก็ไม่รู้ทะลึ่งเป็นบ้าเลย แค่ส่งข้อความบอกว่าเจอกันคอนโดตัวเองก็จบแล้วไหม แต่จะให้ง่ายที่สุดวันไหนจะไม่ให้ไปค่อยส่งข้อความบอกก็ได้นะเพราะเดี๋ยวนี้ฉันไปค้างคอนโดเขาทุกวันเลย ถ้าไม่นับรวมที่ทะเลด้วยนี่ก็เกือบสองอาทิตย์แล้วที่ฉันกับเขานอนกอดกันทุกคืน กอดกันโดยที่ก่อนหลับเขายังอยู่ในตัวฉันทุกคืน -///-
Sanier : นายอยากกินอะไรไหม
ฉันส่งข้อความกลับไปทั้งที่ปกติจะไม่ตอบหรือตอบแค่อืม แต่จะว่าไปทั้งตอนพิมพ์และตอนส่งใจฉันก็เต้นแรงมากนะคะ
Lucas : ไม่ล่ะ
Sanier : โอเค ฉันแค่ถามเผื่ออยากกินจะได้ทำให้
แอบใจแป้วเหมือนกันนะคะ อุตส่าห์อยากทำอะไรให้เขากิน แต่เขาไม่ผิดหรอก ไม่เป็นไรช่างมันเถอะ
Lucas : เธอจะทำ?
Sanier : อื้ม
Lucas : ทำเป็นเหรอ
Sanier : พอเป็น ถ้างั้นเดี๋ยวฉันกินอะไรก่อนแล้วค่อยเข้าไปเหมือนเดิมแล้วกัน
Lucas : ถ้ามีเวลาก็ทำสิเดี๋ยวกลับไปกินข้าวด้วย
ฮะ?
Sanier : นายจะกินเหรอ
Lucas : อืม เดี๋ยวกลับไปกิน รีบ ๆ ทำให้เสร็จก่อนฉันกลับ อย่าให้รอเพราะถ้าต้องรอฉันจะกินเธอแทน
“...” ไอ้คนบ้า! >//////-เวลาต่อมา-
ติ๊ง!
Lucas : เลทนะ
“...”
Sanier : โอเค
ฉันตอบกลับข้อความที่เขาส่งมาหาหลังจากที่ฉันนั่งรอเขากลับมาจนเกือบจะสี่ทุ่ม
หิวไส้แทบขาดแล้ว นั่งมองอาหารที่ตัวเองทำพร้อมกับพยายามห้ามใจไม่ให้กินข้าวก่อนเขาจนล้าแล้วเนี่ย ทำอะไรอยู่ก็ไม่รู้นะลูคัส!
อยากจะงอนจริง ๆ เลยแต่ก็ยังไม่กล้าขนาดนั้นเพราะสถานะยังไม่ชัดเจน ขืนงอนคงได้กลายเป็นผู้หญิงงี่เง่ากันพอดี
“...เฮ้อ~”
ติ๊ง!
Lucas : กินข้าวรึยัง
Sanier : ยัง
Lucas : กินก่อนไหม ลูกค้าแม่งงี่เง่าไม่ยอมกลับสักที
อ่อ ออกไปกับลูกค้านี่เอง
Sanier : ไม่เป็นไร นายกินข้าวอิ่มรึยังล่ะ
Lucas : ยัง
Sanier : ทำไมไม่กินล่ะสี่ทุ่มแล้ว
Lucas : ก็รอไปกินอาหารที่เธอทำไง
“...” เขากำลังทำให้ฉันรู้สึกดีกับเขามากขึ้นในทุก ๆ วันนะเขารู้ตัวบ้างรึเปล่า
Sanier : อื้อ ถ้างั้นเดี๋ยวค่อยกินพร้อมกัน
Lucas : กินก่อนเลยก็ได้
Sanier : ไม่เป็นไรรอได้
Lucas : โอเค ถ้างั้นเดี๋ยวกลับไปกินข้าวด้วยแล้วจะให้รางวัลชุดใหญ่
Sanier : บ้า
Lucas : ห้องครัวนะ
Sanier : ลามก!
ฉันพิมพ์ว่าเขาไปแต่ปากกลับยิ้มจนกว้างเฉยเลย ให้ตายเถอะลูคัสชอบทำฉันผิดปกติที่สุดเลย!-///-
-หลายวันต่อมา-
“วันนี้ฉันกลับบ้านนะ” เขาเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วบอกในขณะที่ฉันกำลังแต่งตัวไปเรียน
“อ้อ โอเค เดี๋ยวฉันกลับไปนอนที่คอนโด” ฉันรีบตอบกลับไปเพราะไม่เคยได้รับอนุญาตให้อยู่ที่นี่ถาวรอยู่แล้ว ถึงความสัมพันธ์ของเราสองคนจะดีขึ้นมากแต่ยังไม่เคยคุยกันตรง ๆ ก็เลยไม่คิดจะเสียมารยาทอยู่
“ไม่เป็นไร อยากค้างที่นี่ก็ค้างเลย” เขาตอบกลับมาทันทีใจฉันก็ใจแล้วก็แอบยิ้มร่าในใจเลยสิคะ
“อื้ม แต่กลับห้องตัวเองดีกว่า คอนโดนายมันใหญ่อยู่คนเดียวแล้วเหงา”
“โอเค ถ้างั้นก็แล้วแต่เธอเลยนะ”
“อื้อ” ฉันพยักหน้ารับแล้วก็ถือวิสาสะหยิบสูทให้เขา
“อ่ะ ฉันไปก่อนนะเดี๋ยวสาย”
“โอเค”
ฟอด~
“...”
จูบก่อนไปทำงาน ครั้งแรกของเราเลยนะคะ มัน...ดีจังเลย
-///-
-หลายวันต่อมา-
ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดด
...แม่
“...”
ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดด
ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดด
...แม่
“...เฮ้อ!”
ติ๊ด!
“...คะ”
(เนียร์ลูก...)
“มีอะไรคะพูดมาเลย” เสียงแม่ฟังอ่อย ๆ เหมือนจะอารัมภบทเยอะแยะก่อนเข้าเรื่องฉันเลยตัดบทซะ
(คือ...)
“เนียร์ไม่ว่างนะแม่ถ้าแม่ไม่สะดวกพูดก็ส่งข้อความมานะคะ แค่...”
(แม่เป็นมะเร็ง)
“อะไรนะ?” ฉันตกใจกับเรื่องที่ได้ยินมากนะคะ มือสั่นไปหมด แม่เป็นมะเร็งงั้นเหรอ...ไม่จริง
(แม่เป็นมะเร็ง ต้องทำคีโมตอนนี้แม่อยู่โรงพยาบาลถ้าหนูไม่เชื่อแม่จะให้หมอคุยกับหนู)
“...แล้วต้องทำยังไงคะ” เสียงฉันสั่นนิดหน่อยแต่เพราะพยายามพูดให้มันปกติที่สุดเสียงเลยไม่สั่นมาก ก็แม่ทั้งคนนี่คะจะไม่ให้รู้สึกอะไรเลยได้ยังไง
(ต้องผ่าตัดเนื้อร้ายออกก่อนมันลุกลามไปมากกว่านี้ แต่ที่นี่ค่ารักษาแพงมากเนียร์ช่วยแม่หน่อยนะลูก)
“เนียร์ไม่มีเงินหรอกค่ะ เงินเนียร์ผัวใหม่แม่ก็ผลาญหมดแล้ว” ฉันอดไม่ได้ที่จะพูดเรื่องนี้ถึงแม้มันอาจจะกระทบกระเทือนความรู้สึกของคนที่กำลังป่วยก็ตาม
(ก็ขอจากลูคัสไง ขอมาให้แม่รักษาตัวทีนะเนียร์ แค่ล้านเดียวก็พอ)
“แม่! แม่พูดอะไรออกมา!” ฉันไม่สมควรขึ้นเสียงกับแม่หรอกแต่ฟังแม่พูดสิ
(แม่รู้ว่าแม่พูดอะไร แม่กำลังจะตายนะซาเนียร์ หนูจะให้เขานอนกับหนูฟรีไปจนตายเหรอ?)