“คัส”
“ครับแม่” ผมเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับแม่ที่แต่งตัวจัดเต็มกำลังเดินลงมาจากชั้นสองพอดี ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าชุดจัดเต็มเครื่องเพชรอัดแน่นขนาดนี้แม่ผมจะไปที่ไหน
“มาบ้านก็ไม่บอก แม่ไม่ค่อยได้เจอลูกเลยนะช่วงนี้”
“หึ ๆๆ เลิกเดินสายทำบุญกับพวกคุณหญิงคุณนายสิครับจะได้เจอกัน”
“ทำอย่างกับแม่อยู่บ้านแล้วแกจะโผล่หัวมาให้แม่เห็นทุกวัน” แม่มองค้อนแล้วก็เหน็บแนมผมก็ได้แต่ยิ้มบาง ๆ
“ก็ไม่แนหรอกครับ คุณรตีลองอยู่บ้านก่อนไหม” ผมแนะนำถึงจะรู้ว่าแม่ไม่ทำหรอก แต่ถ้าทำได้ก็คงดีสังคมของแม่มีแต่หน้ากากทั้งนั้น นั่งยิ้มหวานให้กันสายตาก็จ้องคอจ้องมือว่าใครใส่เพชรเม็ดเล็กบ้าง ไม่ก็คอยเก็บข้อมูลไปเม้าท์ว่าใครบริจาคเงินน้อยโคตรน่ารำคาญ
“ไม่ล่ะ แม่จะเดินสายทำบุญแบบนี้ไปเรื่อย ๆ แม่ยังสนุกอยู่ เอาไว้ลูกมีหลานให้ย่าเลี้ยงเมื่อไหร่เดี๋ยวแม่จะหยุดอยู่บ้านเลี้ยงหลานให้เลย”
“หึ ๆๆ เอาแบบนั้นเหรอครับ ถ้าเอาแบบนั้นผมจัดให้เลยดีไหม”
“มีแล้วเหรอ?”
“เปล่าครับ”
“ก็นึกว่ามีแล้ว หาได้แล้วนะตาคัสแต่แม่ขอแม่ของหลานที่เหมาะสมนะจ้ะลูกรัก ผู้หญิงกะเลวกะลาดแม่ไม่รับนะ”
“ไม่ต้องห่วงครับ ถ้าจะมีผมไม่หาคนที่แม่ไม่ชอบมาเป็นเมียหรอก”
“น่ารักที่สุดเลยลูคัสลูกแม่ มีลูกชายที่รักแล้วก็แคร์แม่มันดีแบบนี้นี่เอง”
“หึ ๆๆ เปล่าครับ ผมแค่ไม่อยากปวดหัวเรื่องแม่ผัวกับลูกสะใภ้ต่างหาก คุณรตีร้ายจะตายทำไมผมจะไม่รู้”
“ตาคัส! นี่แกว่าแม่เหรอ!”
“หึ ๆๆ ล้อเล่นครับ จะไปงานรึยังไปเถอะครับเดี๋ยวไปไม่ทันทำบุญแล้วจะไม่ได้หน้า เอ๊ย! เดี๋ยวจะไม่ได้บุญนะครับแม่” ผมล้อเลียนแม่แล้วก็ได้สายตาค้อนมาเต็ม ๆ แต่แม่ไม่ได้วีนอะไรต่อเพราะท่านจะไปไม่ทันเวลาเดินพรมแดงของท่านแล้วจริง ๆ ผมเลยยืนส่งแม่อยู่หน้าบ้านแล้วเดินกลับเข้าไปเอาของในบ้านต่อ
“พี่คัส” เสียงคุ้นหูที่เรียกชื่อผมเบา ๆ ทำให้ผมรีบหันไปมองแล้วก็เห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่แอบอยู่มุมหนึ่งของบ้านทำเอาผมยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูแล้วรีบเดินไปหาเธอ
“ไงเรา” ผมทักทาย ลูกจัน หลานสาวของป้าสมจิตแม่บ้านที่อยู่กับที่บ้านมานานตั้งแต่สมัยที่คุณรตีคุณแม่ผมยังเป็นสาว
“สวัสดีค่ะ จันนึกว่าพี่คัสจะไม่กลับนะคะเนี่ย”
“พี่มาเอาของ” ผมตอบเธอที่ยิ้มสดใสก็ยิ้มเจื่อนลงทันที
“จันนึกว่าพี่คัสจะกลับมาค้างที่บ้าน” ผมเห็นความผิดหวังในสายตาเธอก็เลยเอื้อมมือไปวางบนหัวแล้วโยกเบา ๆ
“บ้านมันไกลบริษัทน่ะเราก็รู้ว่าพี่งานเยอะ”
“ค่ะ รู้สิคะ ว่าแต่จะกินอะไรก่อนไหมคะเดี๋ยวจันไปทำให้”
“ไม่ดีกว่า พี่มาเอาของแล้วจะกลับไปเคลียร์งานต่อ เราพักผ่อนเถอะ” ผมปฏิเสธแล้วก็ลูบหัวเธอช้า ๆ อีกครั้งเพราะสีหน้าเธอมีแต่ความผิดหวัง
ผมรู้ว่าลูกจันดีใจทุกครั้งที่ผมกลับบ้าน ยิ่งวันไหนผมอยู่บ้านเธอก็จะยิ่งมีความสุขเพราะเธอจะมีเพื่อนคุย ผมเข้าใจความรู้สึกของเธอเพราะลูกจันไม่ค่อยมีเพื่อนเท่าไหร่ ถ้าไม่ได้ไปเรียนก็อยู่บ้านทำงานบ้านช่วยคนในบ้านไม่เคยได้ไปเที่ยวที่ไหน ญาติพี่น้องก็ไม่มี ที่สำคัญเธอพูดไม่เก่งเลยไม่ค่อยกล้าคุยกับใครจะมีก็แค่ผมนี่ล่ะครับที่เธอกล้าคุยด้วยมากหน่อย
“เดี๋ยวพี่พาไปกินขนมดีไหม” ผมยื่นข้อเสนอปลอบใจเด็กตรงหน้าทำให้ลูกจันมีรอยยิ้มอีกครั้ง
“พูดจริงเหรอคะพี่คัส”
“พูดจริงสิพี่ไม่โกหกเราหรอก วันเสาร์พี่ว่างเดี๋ยวพี่มารับนะ” ผมบอกเธอลูกจันก็รีบตกลง คุยกับลูกจันต่ออีกนิดหน่อยเสร็จแล้วก็บอกลาเธอแล้วขึ้นห้องไปหยิบของที่ตั้งใจมาเอาแล้วขับรถออกมาจากบ้านพร้อมกับรีบโทรหาคนคนหนึ่งทันที
ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดด
ตื๊ด ๆๆๆ
“...” ตัดสาย?
Lucas : อย่าให้โทรซ้ำ
ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดด
ผมรอไม่นานก็มีคนโทรเข้ามาหาผมด้วยตัวเอง หึ ๆๆ
ติ๊ด!
(มีอะไร) เสียงห้วนที่ผมได้ยินทำให้ความหมั่นไส้ที่เธอกล้าไม่รับสายยิ่งเพิ่มขึ้นอีก
“มาให้เอาหน่อย”
(สกปรก!)
“หึ ๆๆ มา ให้ เอา แรง แรง หน่อย”
(ไม่ว่าง)
“แน่?”
(...)
“รีบมา”
(...อืม)
ติ๊ด!
นี่ล่ะครับเหตุผลที่ผมรีบโทรหาเธอทันทีที่ผมรีบขับรถออกจากบ้าน โทรหาคนที่จะสนองความต้องการของผมได้ สนองความต้องการที่เกิดขึ้นเพราะผมกำลังอยากกินคนคนหนึ่งมากแต่ทำไม่ได้
...วันนี้ยังกินคนที่อยากกินมานานไม่ได้ ซาเนียร์ ก็เลยถูกยกให้เป็น อาหารจานรองที่ต้องกินเป็นหลักไปก่อน