หนึ่งอาทิตย์ต่อมา
@มหาวิทยาลัย
"ฉันไปนะ ต้องไปรับพี่ตินที่สนามบิน" ขณะที่จบคลาสเรียนฉันก็เอ่ยบอกไทเปออกไปทันทีก่อนจะดันตัวลุกขึ้นยืนพร้อมรีบเก็บของต่างๆ ลงกระเป๋าให้เรียบร้อย
"เปิดเรียนมาตั้งสี่วันพี่มึงเพิ่งกลับมา?" ไทเปเลิกคิ้วถาม
"อือ..." ฉันตอบออกไปแค่นั้นก่อนจะหยิบกระเป๋าเดินออกมาจากห้อง พร้อมรีบเดินไปที่ลิฟต์กดไปที่ชั้นหนึ่ง
ติ๊ง~
พอลิฟต์ถูกเปิดออกฉันก็รีบเดินไปที่โรงจอดรถ เพราะตอนนี้พี่จัสตินได้รออยู่ที่สนามบินเป็นที่เรียบร้อย
"พี่มินคะ" และระหว่างนั้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นก่อนที่ฉันจะหันไปมอง ก็เจอน้องมิวนิคและน้องใบเตยเดินเข้ามาหาฉันด้วยรอยยิ้ม
"ว่าไงคะ?" ฉันเอ่ยถามออกไปด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
"คืออาทิตย์หน้ามิวจะหมั้นกับพี่มาร์คัสค่ะ มิวอยากให้พี่มินไปร่วมงานหมั้นมิว" มิวนิคยิ้มออกมาบางๆ ด้วยท่าทางเขินอาย ก่อนที่ฉันจะหลุดยิ้มออกมาให้กับท่าทางของน้อง
"ได้สิคะ ว่าแต่จัดที่ไหนเหรอ?"
"บ้านมิวค่ะ ที่ฟินแลนด์"
"ได้ค่ะ พี่ไปแน่นอน" ฉันยิ้มตอบออกไป
"เย้ พี่มินน่ารักที่สุดเลย" มิวนิคยิ้มออกมาด้วยท่าทางดีใจ "ชวนพี่ไทเปไปด้วยนะคะ"
"ได้เลย งั้นไว้เจอกันนะวันนี้พี่ติดธุระ" ฉันรีบบอกออกไปพร้อมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูด้วยท่าทางรีบร้อน
"ได้ค่ะ" มิวนิคตอบออกมาก่อนที่ฉันจะยิ้มให้มิวนิคและใบเตย จากนั้นก็รีบเดินไปขึ้นรถของตัวเองแล้วรีบขับออกไปทันทีพร้อมมุ่งหน้าไปที่สนามบินสุวรรณภูมิ
@สนามบินสุวรรณภูมิ
"พี่ตินคะ" ฉันเดินเข้าไปในสนามบินพร้อมเอ่ยเรียกพี่จัสตินออกไป ก่อนที่พี่จัสตินจะหมุนตัวกลับมามองหน้าฉันแล้วยิ้มบางๆ ให้ จากนั้นก็เดินเข้ามาหาฉัน
"ไปเถอะ พี่ไม่อยากอยู่ตรงนี้นาน" พูดจบพี่จัสตินก็คว้าข้อมือของฉันให้เดินไปที่โรงจอดรถของสนามบินทันที
ฉันว่าพี่ชายฉันแปลกๆ นะ เหมือนเขากำลังหนีอะไรสักอย่าง อย่างนั้นแหละแถมยังใส่ทั้งหมวกและแว่นกันแดดอีกหรือพี่จัสตินไปทำอะไรผิดมางั้นเหรอ แต่คงไม่ใช่หรอก
ปึก!
"พี่ตินเป็นอะไรรึเปล่าคะ?" ทันทีที่ฉันเข้ามานั่งอยู่บนรถฉันก็เอ่ยถามพี่จัสตินออกไป ทำให้พี่จัสตินหันหน้ามามองหน้าฉันพร้อมถอดแว่นถอดหมวกออก
"เปล่า..พี่แค่เหนื่อยอยากกลับไปพักแล้ว" พี่จัสตินเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มบางๆ แล้วจากนั้นก็ขับรถออกจากสนามบิน ส่วนฉันก็คอยแอบมองพี่จัสตินอยู่เป็นระยะๆ เพราะฉันว่าพี่ชายฉันแปลกๆ
"ไม่ต้องมองพี่ มันไม่มีอะไรหรอก" พี่จัสตินที่กำลังขับรถอยู่ก็หันมามองหน้าฉันด้วยรอยยิ้มบางๆ ก่อนจะหันไปสนใจการขับรถต่อ
"พี่ตินไม่ได้โกหกมินนะคะ" ฉันเอ่ยถามออกไปด้วยใบหน้าจับผิดเล็กน้อย
"พี่ไม่โกหกเราหรอก" พี่จัสตินเอามือมาขยี้ผมฉันเบาๆ ก่อนจะหันไปสนใจการขับรถต่อ จนมาถึงคอนโดพี่จัสติน
"พี่ไปนะ ขับกลับห้องตัวเองดีๆ แล้วกัน" ฉันพยักหน้าด้วยรอยยิ้มจากนั้นก็เดินไปนั่งประจำตำแหน่งคนขับแล้วขับรถออกไป แต่ฉันยังไม่เลิกสงสัยนะเรื่องพี่จัสตินน่ะ เพราะฉันว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ และฉันต้องรู้ให้ได้
@สนามแข่งรถ M
บรื้นนนนนนนนนน!!
เสียงรถซุปเปอร์คาร์สองคันกำลังวิ่งแข่งกันภายในสนามแข่งรถขนาดใหญ่ โดยมีผู้คนมากมายที่ยืนเกาะขอบสนามเชียร์ด้วยความสนุกสนานและตื่นเต้น บ้างก็มีเดิมพันกันเพื่อให้การชมการแข่งขันรถไม่ดูน่าเบื่อจนเกินไป
ภายในสนามแข่งรถแห่งนี้มีรถซุปเปอร์คาร์สองคันที่กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือดได้แก่คันสีดำและคันสีน้ำเงิน ซึ่งคนที่แข่งขันรถคันสีดำคือ ฟีนิกซ์ มาเฟียหนุ่มที่ชื่นชอบการแข่งขันรถเป็นพิเศษ
ส่วนคันสีน้ำเงินเป็นของมาเฟียหนุ่มเจ้าของสนามแข่งรถแห่งนี้คือมาร์คัส ซึ่งการแข่งขันรถในครั้งนี้มาเฟียหนุ่มทั้งสองไม่ได้ต้องการแพ้หรือชนะ พวกเขาแข่งเพื่อความสนุกสนานเพียงเท่านั้น
เอี๊ยดดดดดดด!!
เสียงเบรกรถของทั้งสองคันดังสนั่นหวั่นไหวเมื่อรถซุปเปอร์คาร์ทั้งสองคันวิ่งเข้ามาจอดที่เส้นชัยพร้อมๆ กัน ทำให้เกิดเสียงโห่ร้องดังขึ้นมากมาย
"อาทิตย์หน้าไปงานหมั้นกูด้วย" ทันทีที่มาเฟียหนุ่มทั้งสองเดินลงมาจากรถหลังจากจบการแข่งขัน มาร์คัสก็เอ่ยพูดขึ้นก่อนที่ฟีนิกซ์จะหันไปจ้องมองใบหน้าของเพื่อนด้วยรอยยิ้มร้ายกาจ
"อืม...เดี๋ยวซื้ออาหารแมวไปเป็นของขวัญงานหมั้น"
"สงสัยมึงไม่อยากมีชีวิตรอดออกไปจากสนามกู" มาร์คัสหันไปมองหน้าฟีนิกซ์ด้วยใบหน้านิ่งเรียบ
"นายครับ" แต่ไม่ทันที่ฟีนิกซ์จะตอบอะไรมาร์คัสกลับไปเสียงของปืนลูกน้องคนสนิทของฟีนิกซ์ก็เอ่ยขึ้นพร้อมเดินเข้ามา
"อะไร" ฟีนิกซ์เอ่ยถามลูกน้องคนสนิทออกไปด้วยท่าทางนิ่งเรียบ
"มันกลับมาแล้ว นายไปจัดการเลยไหม?"
"หึ..." ฟีนิกซ์แค่นหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกระป๋องเบียร์ที่มาร์คัสยื่นมาให้ เปิดพร้อมยกกระดกจนหมดก่อนจะบีบมันจนเกิดเสียงดังพร้อมโยนทิ้งถังขยะที่อยู่แถวนั้น "ปล่อยมันก่อน"
"นายปล่อยมันมานานแล้วนะครับ"
"อีกไม่นานมึงเตรียมเก็บศพมันได้เลย" ฟีนิกซ์เอ่ยบอกแค่นั้นก่อนจะหันไปมองหน้ามาร์คัสที่ยืนกระดกเบียร์อยู่ข้างๆ "เจอกันวันหมั้น"
"เออ" หลังจากที่มาร์คัสตอบ ฟีนิกซ์ก็เดินออกจากสนามไปที่รถของตัวเองพร้อมขับออกไปโดยมีรถของลูกน้องขับตามมาติดๆ
ที่เขาเลือกที่จะนิ่งเพราะเขาต้องการให้เหยื่อมันตายใจ แล้วพอถึงวันนั้นเขาจะจัดการกับคนที่มันคิดเบี้ยวของเดิมพันชิ้นนั้นด้วยมือของเขาเอง