“คุณเสือใจดีเกินไปหรือเปล่าคะ” แจ่มจันทร์ไม่เห็นด้วยนักที่เสือยอมไม่เอาเรื่องพวกนั้น ทั้งที่คุณหนูของเธอบาดเจ็บขนาดนั้น หากเป็นเธอก็คงไม่ใจอ่อน แต่ก็พอจะเข้าใจอยู่ว่าเสือเห็นแก่ดาวเรืองไม่ใช่ส้มและชบา
“ไม่หรอกครับ ถ้าเกิดอะไรขึ้นอีก ผมจะรับผิดชอบเองครับ”
“ค่ะ คุณหนูทานยาตามที่คุณเสือจัดให้และนอนหลับไปแล้วนะคะ”
“งั้นป้าก็ไปพักเถอะครับ เหนื่อยทั้งวันแล้ว” แจ่มจันทร์กลับไปพักตามคำสั่ง
เสือเดินขึ้นมาด้านบนก่อนจะตรงไปยังห้องทางซ้ายมือแทนที่จะตรงไปห้องนอนของตัวเองและเปิดประตูห้องเบาๆ เพราะกลัวว่าคนด้านในจะตื่นและโวยวายเมื่อเห็นเขาเข้ามาในห้องของเธอ
ร่างสูงนั่งยองๆ ลงด้านข้างของเตียง ก่อนจะยื่นหลังมือไปแตะบริเวณหน้าผากของไพลิน ความร้อนแผ่ออกมาจากร่างกายของเธอในทุกส่วน แม้จะอุณหภูมิจะยังไม่สูงมากแต่ถ้าหากไม่รีบเช็ดตัวให้เย็นลงก็อาจจะสูงขึ้นไปอีกในช่วงกลางคืน
คุณหมอหนุ่มที่แอบเป็นห่วงก็รีบหาน้ำและผ้ามาเช็ดตัวให้หญิงสาวทันที ร่างเล็กพลิกตัวหนีไปมาเล็กน้อยเมื่อถูกรบกวนการนอนแต่ไข้ที่กำลังขึ้นสูงทำให้เพลียจนยากที่จะลืมตาขึ้นมาในตอนนี้
“กินยาก่อน” เขาประคองไพลินขึ้นมาป้อนน้ำป้อนยาหลังจากที่เช็ดตัวเสร็จทันที สายตาที่เต็มไปด้วยความกังวลไม่เคยปรากฏมานาหลายปีกลับปรากฏขึ้นอีกครั้ง เพราะคนที่กำลังนอนไม่รู้สึกตัว
เสือตัดสินใจนั่งเฝ้าคนตัวเล็กที่กำลังป่วยตลอดทั้งคืน เพราะกลัวว่าไข้จะไม่ยอมลด และดูเหมือนสิ่งที่เขาคาดการณ์เอาไว้ก็ไม่ผิดเพี้ยน กว่าไข้ของเธอจะยอมลดก็เกือบจะเช้าของอีกวันแล้ว
หลังจากที่ไข้ของไพลินลดลงแล้ว เขาจึงเผลอฟุบหลับไปข้างๆ เตียงของหญิงสาวโดยไม่รู้ตัว
“อือ…” ไพลินที่รู้สึกดีขึ้นหลังจากที่เมื่อคืนปวดหัวตัวร้อนตลอดทั้งคืนก็ลืมตาตื่นขึ้น แสงจากด้านนอกส่งเข้ามาภายในห้องเล็กน้อย
ศีรษะของใครบางคนนอนทับมือของเธอเอาไว้ทำให้เธอต้องลุกขึ้นมองดู ซึ่งก็คงไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจาก เสือ
ทั้งบ้านนี้ก็มีเธออยู่กับเขาเพียงสองคน สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก็คงจะไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากเขาเช่นกัน เธอรู้ตัวว่ามีคนคอยดูแลเช็ดตัวเธอทั้งคืนเพียงแต่เปลือกตาของเธอหนักมากจนลืมตาไม่ขึ้นและก็ปวดหัวจนลุกไม่ขึ้นเลยด้วยซ้ำ
“นาย”
“กลับไปนอนห้องนายได้แล้ว” ไพลินปลุกเบาๆ เธอรู้สึกเกรงใจเขาเล็กน้อย เมื่อคืนเธอทำให้เขาแทบจะไม่ได้นอน แต่อีกนัยหนึ่งก็ยังคงถือฐิถิเอาไว้ ว่าเธอไม่ได้ขอให้เขาช่วยเธอสักหน่อย
“ขอนอนต่อก่อน ห้ามปลุก” ชายหนุ่มเปลี่ยนจากนอนข้างเตียง ขึ้นมานอนบนเตียงแทนโดยไม่สนใจเจ้าของห้องที่ทำท่าจะไล่เขาออกจากห้อง
ไพลินรีบสงบปากสงบคำเอาไว้ เพราะเห็นแก่ที่เขาดูแลเธอทั้งคืน ตอนนี้เป็นเวลาตีห้า ท้องฟ้ายังไม่สว่างเลยด้วยซ้ำ แล้วเธอจะออกไปไหนได้
“นอนซะ ไข้ลดไม่ได้แปลว่าหายดี”
“ก็ได้” ไพลินยอมทำตามอย่างว่าง่าย เวลานี้ไม่เหมาะเท่าไหร่นักที่จะมาถกเถียงกับเขา สู้นอนเก็บแรงเอาไว้ต่อกรกับเขาหลังจากหายดีน่าจะดีกว่า
แจ่มจันทร์ที่เข้ามาทำงานตั้งแต่เช้าก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าห้องของเสือนั่นว่างเปล่า รถยนต์ก็ยังจอดอยู่ไม่ได้ออกไปไหน แต่เมื่อจะเข้าไปปลุกคุณหนูก็ต้องรีบถอยออกมา ความสงสัยหายไปทันที เมื่อเห็นทั้งสองคนนอนอยู่บนเตียงด้วยกัน
“ป้าแจ่ม คุณหนูยังไม่ตื่นเหรอจ๊ะ” ฝันหวานเอ่ยถาม เมื่อเห็นแจ่มจันทร์ลงมาจากด้านบนไว้กว่าปกติ
“อืม คุณหนูเธอน่าจะอยากพักผ่อนต่ออีกหน่อย” แจ่มจันทร์รีบดันหลังฝันหวานให้ออกมาจากบ้าน ท่าทางมีพิรุธของแจ่มจันทร์ทำให้ฝันหวานงุนงงเล็กน้อยแต่ก็เชื่อฟัง
เสือตื่นขึ้นมาตั้งแต่ได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามาของแจ่มจันทร์ แต่ก็ยังคงหลับตาไว้เพราะไม่อยากลุกไปไหน หลังมือของเขาแตะลงบนหน้าผากของคนข้างกายเบาๆ ก่อนจะรู้สึกโล่งใจเมื่อพบว่าอุณหภูมิร่างกายของเธอกลับเป็นปกติ
ร่างสูงลุกออกจากเตียงและลงมาด้านล่างที่ว่างเปล่าไร้ผู้คน ก็พอจะคาดเดาได้ว่าแจ่มจันทร์และฝันหวานออกไปที่โรงอาหารของคนงานแล้ว หม้อข้าวต้มวางอยู่บนโต๊ะทานอาหารพร้อมกับถ้วยและช้อนที่ถูกจัดเตรียมไว้อย่างเรียบร้อย
เขาเดินกลับขึ้นไปด้านบนอีกครั้ง เพื่อปลุกคนที่นอนหลับอยู่ให้ตื่น
“ตื่นได้แล้ว จะได้ลงไปกินข้าวกินยา”
“อื้อ~ ขอนอนต่ออีกหน่อย เดี๋ยวหิวจะลงไปกิน” ไพลินซุกตัวอยู่ในผ้าห่มไม่ยอมลุก อากาศที่ค่อนข้างเย็นทำให้คนป่วยอย่างเธอไม่ค่อยจะอยากจากเตียงมากนัก
“กินก่อน แล้วถ้าจะนอนค่อยกลับมานอน”
“ไม่เอา”
“ไพลิน อย่าให้ฉันต้องใช้ไม้แข็งกับเธอนะ” น้ำเสียงดุทำให้ไพลินต้องยอมลืมตาและลุกขึ้นจากเตียงอย่างไม่เต็มใจ
เมื่อเห็นว่าไพลินยอมลุกจากเตียงแล้ว เขาจึงกลับไปที่ห้องตัวเองเพื่อทำธุระส่วนตัวของตัวเอง ก่อนจะลงมานั่งรอที่โต๊ะอาหาร เพียงไม่นานนักไพลินก็ตามลงมา
“กินข้าวแล้วก็กินยา ฉันจัดยาไว้ให้แล้ว”
“อืม”
เหตุการณ์ทุกอย่างผ่านไปด้วยความเงียบ ต่างฝ่ายต่างไม่ได้ทักทายหรือพูดอะไรออกมาเลยสักนิด คงอาจจะเป็นเพราะไม่อยากจะมีเรื่องให้เถียงกันล่ะมั้ง เลยเลือกที่จะยังไม่พูดอะไรด้วยกันตอนนี้ให้เกิดเรื่องหมางใจต่อกันอีก