เหตุการณ์ทุกอย่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว เผลอแป๊บเดียวก็เข้าสู่สัปดาห์ที่สี่ของการมาทำงานที่ไร่ชาแล้ว ไพลินเข้ากับทุกคนในไร่ได้ดี ส่วนเสือก็ยังคงยุ่งกับงานที่โรงพยาบาลจนแทบไม่มีเวลาได้กลับมาที่ไร่ ไพลินจึงได้ลงมือทำงานทุกอย่างด้วยตัวเอง
“คุณไพลินครับ ผมจัดการเรื่องปุ๋ยเรียบร้อยแล้วครับ” ชาติชัยที่เป็นหัวหน้าคนงานเดินเข้ามาบอกพร้อมกับเอกสารการสั่งซื้อปุ๋ยของไร่
ไพลินส่งยิ้มก่อนจะรับเอกสารมาไว้พร้อมกับส่งเงินค่าแรงทั้งหมดของคนงานให้ชาติชัยนำไปจ่ายให้กับทุกคน ชาติชัยทำงานที่มาเกือบสิบปีและทำหน้าที่นี้มาโดยตลอดเพราะได้รับความไว้วางใจจากทุกคน ซึ่งเขาก็ไม่เคยทำให้ทุกคนผิดหวังจริงๆ
ทุกอย่างในไร่เรียบร้อยดี ไม่ได้มีปัญหาอะไรที่เป็นเรื่องใหญ่ ส่วนปัญหาเล็กๆ ก็มักจะเกิดขึ้นเสมอแต่ก็แก้ไขได้ทุกครั้ง ที่นี่นอกจากจะเป็นไร่ชาแล้วก็ยังมีการแปรรูปใบชาเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆเพื่อส่งออกไปขายและนำรายได้มาแจกจ่ายให้กับชาวบ้านที่นี่ ทุกคนที่นี่จึงมีงานทำกันตลอดทั้งปี มีรายได้โดยไม่ต้องไปทำงานที่ไหนไกล
ไพลินเดินออกมาสูดอากาศบริเวณรอบๆไร่ สวนผลไม้หลากชนิดที่เคยปลูกเอาไว้เมื่อครั้งยังเด็กก็โตจนออกลูกออกผลกันเต็มต้นไปหมด องุ่นที่เธอชอบ แจ่มจันทร์ก็มักจะเก็บมาล้างทำความสะอาดและนำมาเสิร์ฟเป็นของว่างให้เธอทุกวัน
“คุณหนูคะ กลับบ้านเถอะค่ะ เย็นมากแล้ว” แจ่มจันทร์ตะโกนบอกหญิงสาวจากอีกฟากของไร่
“เดี๋ยวหนูตามไปค่ะ” ไพลินตอบกลับ
แจ่มจันทร์กลับไปบ้านก่อนเมื่อได้รับคำตอบจากไพลิน เมื่อเห็นรถยนต์ที่จอดอยู่ในโรงรถก็รีบเข้าไปในบ้านทันที
“คุณเสือกลับมาแล้วเหรอคะ”
“ครับ ผมกลับมาแล้ว”
“ป้าไม่ชินเลย ไม่ได้เจอหน้าคุณเสือเป็นอาทิตย์” แจ่มจันทร์เอ่ยตามความรู้สึกจริงๆ
“ผมคิดว่าจะลาออกจากโรงพยาบาลแล้วล่ะครับ”
“หา! ทำไมต้องลาออกคะ คุณเสือไม่อยากเป็นหมอแล้วเหรอคะ”
“เปล่าหรอกครับ ผมก็ยังเป็นหมอได้เหมือนเดิม แต่แค่อยากช่วยพ่อแม่ดูแลไร่ชาด้วยครับ” เสือรีบอธิบาย
ที่จริงแล้วไร่ชาที่นี่ไม่ใช่ของพ่อแม่ไพลินทั้งหมด เพียงแต่พ่อแม่ของไพลินมีหุ้นของไร่นี้ห้าสิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์ ในขณะที่เขาถือหุ้นของไร่นี้จำนวนสี่สิบเก้าเปอร์เซ็นต์ซึ่งก็มีสิทธิ์ในการดูแลไร่ชานี้ด้วยเช่นกัน
“นายจะลาออกมาทำงานไร่ชาเนี่ยนะ” ไพลินที่ตามเข้ามาทีหลัง แต่ก็พอจะได้ยินสิ่งที่เขาพูดทั้งหมด ก็โพล่งถามออกมาทันที
“ใช่ ทำไม”
“ไม่เสียดายสิ่งที่เรียนมาหรือไง”
“เสียดายทำไม พี่เรียนเพราะอยากจะมาดูแลชาวบ้านและคนงานที่นี่ ลาออกมาดูแลไร่ชาแล้วก็ดูแลชาวบ้านกับคนงานก็ถูกต้องแล้วไม่ใช่หรือไง” เป็นครั้งแรกที่เสือเอ่ยถึงเหตุผลที่เขาอยากจะเป็นหมอ แจ่มจันทร์เองก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเสือเลือกที่จะเรียนหมอและกลับมาดูแลไร่นี้เพราะแบบนี้
“คุณเสือของป้าไม่เคยทำให้ป้าผิดหวังเลยจริงๆ” แจ่มจันทร์เอ่ยอย่างปลาบปลื้มใจ
“เย็นนี้ หนูไม่ทานข้าวนะคะ” ไพลินรีบเอ่ยบอกแจ่มจันทร์ ก่อนจะเดินขึ้นไปบนห้องด้วยท่าทางเหนื่อยล้า
“สงสัยจะเหนื่อยมั้งคะ หลายวันมานี้คุณหนูจัดแจงระบบในไร่ใหม่ เลยทำงานหนักทุกวันเลยค่ะ”
“งั้นเย็นนี้ไม่ต้องจัดโต๊ะอาหารนะครับ ผมก็ทานมาจากข้างนอกแล้ว”
“ค่ะ คุณเสือไปพักผ่อนเถอะค่ะ เหนื่อยมาหลายวันแล้ว” เสือรีบขึ้นไปยังห้องของตนเองทันที
แจ่มจันทร์เองก็ทำหน้าที่ทุกอย่างของตัวเองจนเสร็จ ก็รีบกลับไปบ้านพักของตัวเองเช่นกัน
บ้านหลังใหญ่ตกอยู่ในความเงียบงันเหมือนอย่างทุกวัน ทว่าจิตใจที่ลุกลี้ลุกลนไม่อยู่สุขของใครคนหนึ่งทำให้ไม่อาจนอนพักผ่อนได้อย่างสบายใจ
ไพลินเดินออกมานั่งที่ระเบียงใหญ่ของบ้านที่อยู่คั่นระหว่างห้องนอนของเธอกับห้องนอนของเสือ ทั้งที่รู้สึกเหนื่อยล้ามาตลอดหลายวัน แต่พออยากจะพักผ่อนจิตใจกลับว้าวุ่นอยู่ไม่เป็นสุข สายตาก็เอาแต่มองไปที่ห้องนอนฝั่งตรงข้ามโดยไม่รู้ตัว
“เป็นอะไรเนี่ย” เธอบ่นกับตัวเองเบาๆ พลางหยิบชาอุ่นขึ้นมาดื่ม
แม้ชาอุ่นๆ จะช่วยให้เธอนอนหลับสบายมาตลอด ทว่าคืนนี้ชาถ้วยนี้กลับไม่สามารถทำให้เธอรู้สึกง่วงเลยสักนิด
“ออกมานั่งทำอะไรตรงนี้” ไพลินสะดุ้งด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆ เสือก็เดินเข้ามาทักโดยไม่ให้ซุ้มให้เสียงก่อน
“เปล่า”
“นอนไม่หลับเหรอ”
“จะว่าใช่ก็ใช่แหละ” เธอตอบอย่างกวนๆ
“‘งั้นไปนอนด้วยกันไหมล่ะ” เสือแกล้งเอ่ยชวน
“ไม่มีทาง” หญิงสาวปฏิเสธทันควัน ก่อนทำท่าจะลุกเดินหนีเขาไป
“คุยกันก่อนสิ”
“ไม่มีอะไรต้องคุยกันสักหน่อย”
“แน่ใจเหรอ” คำถามของเสือทำให้เธอเริ่มไม่แน่ใจกับคำตอบของตัวเองขึ้นมา ระหว่างที่เผลอใช้ความคิดก็โดนลากมาห้องนอนของเขาแล้ว
“พาฉันมาห้องนายทำไม”
“คุยกับพี่ก่อนนะ”
“...”
“พี่… คิดถึงเธอนะ” คำสารภาพหลุดออกมาจากริมฝีปากที่แสนหนักของเขาอย่างแผ่วเบา ก่อนที่ร่างสูงจะดึงเธอเข้าไปกอดอย่างถือวิสาสะ
“...” ไพลินตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เธอรู้สึกชาไปทั้งตัวแม้จะในหัวจะสั่งให้เธอรีบออกห่างจากเขา แต่ร่างกายของเธอมันกลับตอบสนองด้วยการกอดตอบเขาไป