ตอนที่2

2217 Words
ตอนที่2 สองปีผ่านไป… ในที่สุดข่าวจากแคว้นเป่ยฉีก็มาถึงมหานครเสียนหยางและจวนติ้งอันโหวในเทียนตูตามลำดับอีกครั้งซึ่งคราวนี้มิใช่ข่าวร้ายเช่นครั้งก่อนๆ แต่เป็นข่าวดี ข่าวที่บอกเล่าว่ากองทัพของชินอ๋อง ซ่างกวนไท่ ได้ชัยชนะเหนือฝ่ายกบฏอ๋องเผ่ากั๋วเซาพร้อมขับไล่เผ่าต่างๆ อีกสามเผ่า ที่ร่วมมือกับเผ่ากั๋วเซาให้แตกฝ่ายถอยร่นขึ้นไปทางเหนือกว่าห้าร้อยลี้สำเร็จแล้ว "ฮูหยินเจ้าค่ะ ฮูหยิน" เพ่ยเจียว สาวใช้คนสนิทของหลี่หมิ่นถัง รีบร้อนนำข่าวที่ได้ยินมาจากเรือนของเหล่าฮูหยินเย่มารายงานผู้เป็นนายของตนเองทันทีที่ได้ฟังว่ากองทัพของชินอ๋องคว้าชัยชนะศึกยาวนานสามปีสักครา "เอะอะอันใดกันเพ่ยเจียว" ผิงเซียง สาวใช้อีกคนของหลี่หมิ่นถังที่กำลังเช็ดฝุ่นตรงมุมห้องอดจะถามสหายของตนเองออกไปก่อนผู้เป็นนายเสียมิได้ ส่วนหลี่หมิ่นถังกำลังตรวจบัญชีกองสูงท่วมศีรษะด้วยใบหน้าอ่อนโยน "ข่าวดีเจ้าค่ะ เป็นข่าวดี" เพ่ยเจียวใบหน้าแดงก่ำ คาดว่าคงวิ่งมาเต็มกำลัง หลี่หมิ่นถังจึงปิดสมุดบัญชีที่ตรวจเสร็จเป็นเล่มสุดท้ายลงทันทีเพราะนางเองก็คาดหวังว่าจะเป็นข่าวดีจากชายแดนเสียที "ข่าวดีอันใด" เสียงหวานถามออกไป ถึงภายนอกของนางดูค่อนข้างใจเย็นแต่ใครเลยจะรู้ในใจของคนรอคอยเช่นนางนั้นร้อนรนเพียงใด "ข่าวดีว่ากองทัพของชินอ๋องซ่างกวนไท่ชนะศึกแล้วเจ้าค่ะ และอีกไม่นานท่านโหวก็จะกลับมาถึงเทียนตูแล้ว" สองปี สองปีเต็มที่สามีจากไปชายแดน ทว่าจดหมายกลับน้อยครั้งจะส่งตรงมาถึงตนเอง นับไม่นับมาก็ห้าฉบับถ้วน คราวนี้เขาจะกลับมาเมืองหลวงก็ยังส่งข่าวผ่านมารดาของเขา นางที่เป็นภรรยาต้องรู้สึกอย่างไร? ก็เจ็บปวดไปเท่านั้นนะสิ... 'อย่าคิดมากจนตนเองเป็นทุกข์สิหมิ่นถัง เจ้าโตแล้ว บางทีท่านพี่คงกำลังวุ่นวายจึงรวบรัดส่งมาเพียงฉบับเดียว' หมิ่นถังเตือนสติตนเองให้คิดในแง่ดีเอาไว้ นางจะไม่คิดด้านลบทำร้ายจิตใจของตนเองเด็ดขาด คนอื่นหมื่นแสนคิดทำร้ายความรู้สึกของเรายังไม่ร้ายเท่าตัวเราคิดทำร้ายทำลายตนเอง ท่านย่าและท่านแม่ของนางสั่งสอนมาเช่นนี้ เพราะนับตั้งแต่ตอบรับคำสู่ขอหลี่หมิ่นถังนางก็เลือกแล้ว นางเลือกจะรักและปักใจกับเย่จื่อเฉินแล้วนางจะไม่คิดเองเออเองทำร้ายใจของตนเองเด็ดขาด "เช่นนั้นก็ดูแลภายในจวนอย่าให้มีส่วนใดไม่เรียบร้อย ประเดี๋ยวพี่จื่อเฉินกลับมาคงต้องต้อนรับแขกอีกมาก" แน่นอนว่าตกแต่งจวนย่อมต้องใช้เงิน แต่เงินส่วนกลางของสกุลเย่ล้วนอยู่ในมือของเหล่าฮูหยินเย่ พอหมิ่นถังเอ่ยปากอีกฝ่ายกลับไม่ยอมมอบให้ หมิ่นถังจึงต้องหยิบส่วนของตนเองออกมาใช้จ่ายเหมือนเดิมถึงจะไม่พึงใจแต่หลี่หมิ่นถังกลับไม่พูดหรือแสดงออกมาแม้แต่น้อยยังคงให้เกียรติมารดาสามีอย่างดีเช่นเดิม "ฮูหยินเจ้าค่ะ คราวก่อนสินเดิมของท่านก็หมดไปแล้วคราวนี้ยังจะนำเงินส่วนตัวของท่านออกมาตกแต่งจวนใหม่อีกเช่นนี้เงินเก็บในยามฉุกเฉินก็แทบจะไม่เหลือแล้วนะเจ้าค่ะเช่นนี้มันออกจะเกินไปหรือไม่" ผิงเซียงอดจะทักท้วงเสียมีได้ เพราะอยู่ด้วยกันมาแต่เด็กนิสัยของหลี่หมิ่นถังนั้นเป็นอย่างไรผิงเซียงย่อมรู้ โดยเฉพาะนิสัยเก็บเงินเอาไว้ในยามตกยาก แต่ครั้งนี้นายหญิงของตนเองกลับนำเงินออกมาใช้ทั้งหมด เช่นนี้ช่างเกินไปแล้วจริงๆ "ไม่เป็นอันใดหรอก หมดก็หมดไป ปีนี้ร้านขายโอสถของข้าในเสียนหยางกำลังรุ่งเรืองจึงมีกำไรมาก เก็บสะสมไม่เกินปีหน้าก็มากกว่าเงินที่นำออกมาซ่อมแซมจวนคราวนี้แล้ว" เพ่ยเจียวอยากจะพูดออกไปเหลือเกินว่าหากเย่ฮูหยินหรือบัดนี้คือเหล่าฮูหยินเย่กับคุณหนูสามเย่ยังครอบครองอำนาจในทรัพย์สินสกุลเย่ไม่ยอมปล่อยวางเช่นนี้อีกสิบปี คุณหนูของพวกตนคงยากจะเก็บออมเงินได้มาก หรือต่อให้เก็บได้มากแค่ไหนก็จะหมดลงเช่นนี้เสมอ แต่นางก็ไม่กล้าจะกล่าวออกไป อีกสองเดือนกองทัพชินอ๋องเดินทางกลับถึงเสียนหยางและอีกสามวันติ้งอันโหวก็กลับมาถึงเทียนตูด้วยตำแหน่งแม่ทัพปกป้องเทียนตูแทนอดีตติ้งอันโหวผู้เป็นบิดาที่ลาจากไป หลี่หมิ่นถังไปรอรับเช่นครอบครัวของทหารคนอื่นๆ แต่ใครจะคิด นางจะพบเข้ากับภาพบาดตาบาดใจจนโลหิตไหลลงมาท่วมหัวใจตั้งแต่เขายังไม่ลงจากหลังม้า "ฉินซวงเอ๋อร์คืออนุที่ข้าแต่งเมื่อปีก่อนที่เป่ยฉีน่ะหมิ่นถัง นับจากนี้ก็ฝากนางเอาไว้กับเจ้าดูแลด้วย ซวงเอ๋อร์คารวะฮูหยินเสียสิ" จุกเสียดราวกับนางถูกกำปั้นลึกลับต่อยลงมายังลิ้นปี่ จุกแน่นจนพูดสิ่งใดไม่ออกแม้แต่คำเดียว รับอนุหรือแต่งอี้เหนียงฮูหยินเอกเช่นนางสมควรรับรู้ ทว่าสองปี จดหมายห้าฉบับจื่อเฉินไม่เคยบอกกล่าวแก่นางเลยว่าเขาคิดจะรับอี้เหนียง ถึงบุรุษที่ออกรบสามารถรับสตรีบำเรอไม่ก็อี้เหนียงได้แต่ส่วนใหญ่ต้องแจ้งกับฮูหยินที่รอคอยอยู่ทางบ้านให้ยินยอมเสียก่อน แต่นี่เย่จื่อเฉินรับฉิงซวงเอ๋อร์เป็นอี้เหนียงตั้งแต่ปีก่อนนางกลับไม่เคยรับรู้แม้แต่น้อย ยามกลืนน้ำลายลงคอจึงคล้ายกับหมิ่นถังจะได้กลิ่นคาวเลือดพุ่งขึ้นจมูก ผ่านไปอึดใจหนึ่งจึงรู้สึกตัวว่านางกัดเนื้อภายในปากจนได้เลือดเสียแล้ว "หมิ่นถังข้าพูดกับเจ้าอยู่นะ ซวงเอ๋อร์ก็คุกเข่าให้เจ้ากับนานแล้ว" จื่อเฉินแลเห็นว่าฮูหยินของตนเองเอาแต่ยืนหน้าซีดเซียวจึงได้ย้ำกับนาง ยิ่งฉิงซวงเอ๋อร์หันมองเขาอย่างจะขอความเห็นใจเขาจึงเอื้อมมือไปจับข้อมือของอีกฝ่ายให้รู้สึกตัว " ได้เจ้าค่ะพี่จื่อเฉิน ลุกขึ้นเถอะซวงเอ๋อร์ ข้าจะดูแลเจ้าเอง" แล้วหลี่หมิ่นถังยังจะตอบอันใดที่มากกว่านี้ไปได้ สัญญารอคอยของนางยังมีค่ากับเขาอยู่หรือไม่หลี่หมิ่นถังอยากจะถาม แต่กลับไม่ทันได้เอ่ย มารดาของสามีก็ดึงเข้าไปพูดคุยในเรือนของนางเสียแล้ว นี่หรือคือการตอบแทนน้ำใจของนางจากสามี การตอบแทนที่นางรอเขากลับมาถึงสองปี ตอบแทนที่นางดีกับครอบครัวของเขาและนี่หรือที่เย่จื่อเฉินเอ่ยเอาไว้ก่อนจะจากไปเป่ยฉีว่าให้นางรอเขายามกลับมาจะชดเชยให้ การรับอี้เหนียงกลับมาคือการชดเชยจริงเย่จื่อเฉินกึช่างอำมหิตเกินไปแล้วจริงๆ “ฮูหยินเจ้าค่ะ...” ผิงเซียงและเพ่ยเจียวย่อมเห็นถึงความเจ็บปวดในแววตาของผู้เป็นนายของตนเองเกินกว่าใครอื่น รักและรอคอยมาถึงสองปี แต่ติ้งอันโหวกลับทำเช่นนี้ตอบแทนนายหญิงของพวกนาง คนเฝ้ารอจะเจ็บช้ำเพียงใดเขาเคยคิดบ้างหรือไม่ “ข้าไม่เป็นอันใด เพ่ยเจียวไปบอกพ่อบ้านเฉียงให้เขาจัดเรือนให้อับอี้เหนียงฉิงซวงด้วยนะ” เจ็บปวดราวกับดวงใจถูกบดขยี้แต่ด้วยฐานะของฮูหยินของติ้งอันโหว นางจะแสดงออกมาโจ่งแจ้งมิได้ เจ็บช้ำ และปวดใจแทบแดดิ้นเพียงใดหลี่หมิ่นถังก็ทำได้เพียงเก็บซ่อนมันเอาไว้ “โธ่คุณหนูรอง...” ผิงเซียงเอ่ยพึมพำแผ่วเบา น้อยครั้งที่พวกนางจะเรียกหลี่หมิ่นถังว่าคุณหนูรองต่อหน้าผู้อื่นนับตั้งแต่อีกฝ่ายได้ขึ้นมาเป็นเย่ฮูหยินของติ้งอันโหว ทว่าวันนี้ทั้งสองสาวใช้หัวใจแตกสลายไปกับนายหญิงของพวกตนจึงเอ่ยเรียก คุณหนูรอง ขึ้นมา “ข้าจะไปตรวจบัญชีเจ้ารั้งอยู่ที่จวนก็แล้วกันเพ่ยเจียว หากติ้งอันโหวหรืออี้เหนียงฉิงต้องการสิ่งใดเจ้าก็ดูแลด้วย อ๋ออย่าลืมกำชับท่านพ่อบ้านเฉียงว่าต้องจัดเตรียมเรือนให้อี้เหนียงฉิงอย่างดี หากนางขาดสิ่งใดก็จัดการหามาให้นางได้เลยไม่ต้อรอถามข้า” ก่อนจะออกจากจวนไปตรวจบัญชีของกิจการสกุลเย่หลี่หมิ่นถังก็ยังหันมาสั่งกำชับคนของตนเองให้ดูแลฉิงซวงกับเย่จื่อเฉินให้ดี กิจการของสกุลเย่นี้นอกจากร้านค้าสองร้านที่มีมาก่อนหลี่หมิ่นถังจะแต่งงานมา บัดนี้ยังมีร้านขายข้าวสารที่หลี่หมิ่นถังเพิ่งเปิดขึ้นมาใหม่ เนื่องจากสกุลเย่มีที่ดินอยู่ร่วมสองพันหมู่แต่เดิมปล่อยให้เช่าบ้างทิ้งให้รกร้างบ้าง พอหลี่หมิ่นถังเข้ามาบริหารและดูแลจึงเห็นสมควรว่าน่าจะปลูกข้าว แล้วแปรรูปเป็นข้าวสารออกมาวางขาย เพราะนางสำรวจแล้วในเทียนตูนี้มีร้านขายข้าวสารเพียงร้านเดียว แล้วก็ไม่ผิดหวังในเวลาปีเศษร้านขายข้าวสารฝูเล่อขายดีขึ้นเป็นลำดับ จากขายเพียงข้าวสาร หลี่หมิ่นถังก็เริ่มให้มีแป้งไม่ใช่เพียงแค่แป้งจากข้าว จากข้าวโพดนางก็เริ่มทดลองทำขึ้นมาแล้วเช่นกัน คนงานพร้อมที่ดินพร้อมแถมยังมีหน้าร้านนี่สำหรับแม่ค้าเช่นนางนับว่าประเสริฐยิ่ง ภายในใจของหลี่หมิ่นถังชอกช้ำเพียงใดแต่งานในมือหญิงสาวไม่เคยละเลย เพราะหลายปากหลายท้องขึ้นอยู่กับนาง ดังนั้นตลอดทั้งวันนอกจากตรวจบัญชีที่ร้านฝูเล่อแล้วนางยังต้องเข้าไปในไร่และแปลงปลูกข้าว ปลูกข้าวโพด ข้าวฟ่าง กับพืชผักอีกหลายชนิด เพื่อดูว่าแปลงใดเก็บเกี่ยวได้แล้วบ้าง กว่าจะกลับมถึงจวนก็มืดค่ำ แต่แทนที่กลับจวนมานางจะพบหน้าของสามีเช่นเย่จื่อเฉินกลับผิดหวังเพราะเพ่ยเจียวรายงานว่าติ้งอันโหวไปกินข้าวมื้อเย็นกับอี้เหนียงฉิงแล้วก็ไม่กลับออกมาอีกเลย คาดว่าคงจะค้างเสียที่เรือนของอี้เหนียงฉิงแล้วเป็นแน่ เจ็บใดไหนเลยจะเจ็บเท่าถูกสามีเมินเฉย... “คุณหนูรอง...” ผิงเซียงเรียกผู้เป็นนายหญิงของตนเองในยามที่หลี่หมิ่นถังยืนแน่นิ่งราวกับวิญญาณลอยออกจากร่างไปแล้ว “ข้าไม่เป็นอันใด เพ่ยเจียวไปเตรียมน้ำเถอะข้าอยากอาบน้ำแล้วจึงค่อยกินข้าว” ระหว่างรอเพ่ยเจียวไปเตรียมน้ำอาบผิงเซียงก็ตรงเข้ามาช่วยนายหญิงของตนเองผลัดเปลี่ยนชุด พอก้าวขาลงไปแช่ในถังอาบน้ำขนาดใหญ่ หลี่หมิ่นถังก็ไล่สองสาวใช้คนสนิทให้ออกไปจากห้องอาบน้ำทัน “แต่ว่า...” “ออกไปเถิด ไปเตรียมมื้อค่ำให้ข้าก็ได้ ข้าอยากแช่น้ำลำพัง” ความจริงก็คือหลี่หมิ่นถังยากจะเก็บน้ำตาเอาไว้ได้อีกแล้ว วันนี้สามีเพิ่งกลับมาจากไปรบไกล ไปนานตั้งสองปี แต่ราตรีแรกที่กลับถึงจวน เย่จื่อเฉินกลับค้างเสียที่เรือนของอนุภรรยา ปล่อยให้นางที่เป็นภรรยาเอกอยู่อย่างเดียวดายไม่เหลียวแล ให้มีจิตใจแกร่งดังหินภูผาก็ยากจะไม่หวั่นไหว น้ำตาที่ไหลออกมามากมายหลังจากสองสาวใช้คนสนิทออกจากห้องอาบน้ำไปตามคำสั่งของนาง ยากจะฝืนทนเก็บซ่อนมันเอาไว้ได้อีกต่อไป หัวใจของนางยังเป็นเพียงก้อนเนื้อธรรมดาไม่ใช่ก้อนศิลาจะได้ไม่รู้สึกรู้สา ตรงกันข้ามวันนี้หลี่หมิ่นถังเจ็บปวดจนร่างทั้งร่างสั่นสะท้านไปหมด กำแพงสูงที่นางสร้างให้คนภายนอกและคนสนิทเห็นมาตลอดทั้งวันพังทลายลงสิ้น ร่างเล็กมุดลงไปในถังน้ำแล้วก็กรีดร้องมันออกมา นางกรีดร้องอยู่ภายใต้สายน้ำ นางก็แค่สตรีผู้หนึ่งเจ็บช้ำก็อยากจะร้องไห้ แต่ด้วยภาระหน้าที่กับศักดิ์ศรีจึงมิอาจแสดงออกมาได้อย่างโจ่งแจ้ง คงมีเพียงระบายออกในยามอยู่ในถังไม้ใบใหญ่นี้แล้วที่หลี่หมิ่นถังสามารถตะโกนมันออกมาจนสาใจ...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD