ตอนที่1
สามเดือนผันผ่านชีวิตภายในจวนติ้งอันโหวนั้นไม่ได้ง่ายดายเลย คนมาก แต่กลับไม่มีเงินทองเช่นสกุลหลี่ของหลี่หมิ่นถังแม้แต่หนึ่งส่วน เนื่องจากบุตรชายสองคนไม่ถนัดทำการค้า หรือแม้แต่บริหารที่ดินในมือของสกุลเย่มาหลายชั่วอายุคน คนรุ่นเย่จื่อเฉินก็แล้วไปหากแต่ติ้งอันโหวนั้นก็ไม่เคยใส่ใจกิจการและที่ดินในปกครองเลยยกให้แต่เย่ฮูหยินที่ก็ไม่รู้เรื่องรู้ราวนานวันทั้งกิจการและที่ดินจึงถดถอยนอกจากไม่ทำกำไรยังจะมีแต่หนี้สินอีกด้วย
ติ้งอันโหวนั้นไม่เก่งกาจด้านการค้านับว่าไม่แปลก ซึ่งก็นับว่าปกติในตระกูลขุนนางและทหาร เพราะท่านเสนาหลี่บิดาของหมิ่นถังเองก็ไม่เก่งด้านทำการค้า แต่มารดาของหมิ่นถังนั้นเก่งกาจบริหารสิ่งที่มีในมือจนงอกเงยเป็นเงินเป็นทองมาเลี้ยงดูจนในจวนได้สบายหลังจากท่านย่าของหลี่หมิ่นถังวางมือจวนสกุลหลี่จึงไม่เป็นปัญหานอกจากไม่เกิดปัญหาสกุลหลี่ยังมีแต่ร่ำรวยเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ต่างจากฮูหยินเย่ ในอดีต ที่บริหารเก่งเป็นเหล่าฮูหยินเย่ดังนั้นพอสิ้นบุญเหล่าฮูหยินเย่กิจการของสกุลเย่จึงถดถอยลงไปเรื่อยๆ ยิ่งก่อนจะออกไปชายแดนแคว้นเป่ยฉีเพราะติ้งอันโหวอยากได้หน้าและฐานะแม่ทัพจึงได้เอาที่ดินกับกิจการทั้งหมดของสกุลเย่ไปจำนองแลกเงินมาสมทบกับงบกองทัพดังนั้นสามเดือนภายในสกุลเย่ หมิ่นถังจึงเหน็ดเหนื่อยฟื้นฟูอยู่ไม่น้อยเพราะแค่ดอกเบี้ยเงินกู้ก็มากโขแล้วไหนจะต้องชำระเงินต้นร่วมไปอีก ไม่เหน็ดเหนื่อยแทบตายยังไงไหว
"คุณหนูสินเดิมของคุณหนูใช้ไปเกือบหมดเช่นนี้ออกจะเกินไปนะเจ้าค่ะ"
สาวใช้คนสนิทถึงกับออกมาวันเวลาผ่านไปในหกเดือนแล้วหมิ่นถังได้นำสินเดิมออกมาเติมให้สกุลเย่ไปเกินครึ่งของคำนวณที่มี สินเดิมสมควรถูกนำมาใช้ในยามจำเป็นมิใช่หรือและสินเดิมก็สมควรเป็นคุณหนูรองหลี่ที่นำออกมาใช้ในยามคับขันแต่นี่...
แม้แต่เสื้อผ้ากับเครื่องประทินโฉมน้องสามีกับมารดาสามีก็มาเบิกเอากับคุณหนูของพวกนาง หากพวกนางที่ติดตามมาจากสกุลเดิมยังนิ่งเฉยคงแปลกแล้ว
"ช่างเถอะเพ่ยเจียว" ทว่าหลี่หมิ่นถังกลับอมยิ้มเล็กน้อยแล้วตอบออกมาเพียงเท่านั้น
"แต่สินเดิมสมควรนำออกมาใช้ในยามยากนะเจ้าค่ะ" สาวคนสนิทดูจะไม่พึงใจอย่างมาก ก็เย่ฮูหยินกับคุณหนูสามเย่นั้นเอาแต่ฟุ่มเฟือยทั้งที่จวนติ้งอันโหวมีแต่หนี้สินจะถูกยึดจวนวันใดก็ไม่รู้แต่กลับไม่เจียมตัวกันแม้แต่น้อย น่าโมโหเกินไปแล้วจริงๆ
"นี่ก็นับว่าเป็นยามยากแล้วนะเพ่ยเจียว ครอบครัวสกุลเย่มีหนี้สินจนล้นพ้นตัวหากไม่ชำระยังจะทำอย่างไรได้ จวนติ้งอันโหวยังมีหน้าตาให้ต้องรักษา ท่านพ่อสามีกับพี่จื่อเฉินไปออกรบข้าที่เป็นสะใภ้หากนิ่งเฉยก็ไม่ใช่สะใภ้และภรรยาที่ดีนะสิ"
พอหลี่หมิ่นถังกล่าวออกมาเช่นนั้นสองสาวใช้คนสนิทของคุณหนูรองหลี่ยังจะพูดอันใดได้อยู่อีก พวกนางเป็นเพียงบ่าวรับใช้ ผู้เป็นนายกล่าวอย่างไรพวกนางย่อมมีแต่คล้อยตามเท่านั้น
และต้องใช้เวลาถึงหนึ่งปีจึงชดใช้หนี้สินทั้งหมดที่บิดาของสามีรวมทั้งมารดาสามี น้องสามีและตัวสามีของนางเองร่วมกันสร้างขึ้นให้หมดลงกับใช้เวลาอีกร่วมสี่เดือนจึงได้กอบกู้ฐานะทางด้านการเงินและกิจการของจวนติ้งอันโหวให้ฟื้นคืนกลับมามีกำไรจนจวนติ้งอันโหวนั้นหวนคืนมารุ่งเรืองอีกครั้งได้รากับมีปาฏิหาริย์อย่างไรอย่างนั้น
นั่นก็เพราะหลี่หมิ่นถังเป็นสตรีที่มีหัวทางการค้ามาแต่เด็ก จับสิ่งใดก็เป็นเงินเป็นทองไปหมดราวกับนางเป็นเทพธิดาแห่งการค้าอย่างไรอย่างนั้น ไม่เหมือนสองแม่ลูกเย่ฮูหยินกับคุณหนูสามเย่ที่จับสิ่งใดก็มีแต่เจ๊งกับเจ๊งทั้งหมด
เข้าหนึ่งปีเจ็ดเดือนข่าวร้ายก็มาเยือนจวนติ้งอันโหว เมื่อนายท่านเย่หรือติ้งอันโหวพลีชีพในสนามรบแต่ที่คนนอกไม่ทราบก็คือติ้งอันโหวมิได้ตายจากน้ำมือของฝ่ายศัตรูแต่เขาป่วยตาย ทว่าฉางตี้ฮ่องเต้ไม่อยากให้คนเหยียดหยามจวนติ้งอันโหวจึงปล่อยข่าวออกมาว่าติ้งอันดหวสละชีพเพื่อชาติ
ต่อมาอีกหนึ่งปีเก้าเดือน บุตรชายคนรอง หรือเย่จื่อเว่ยก็ถูกส่งกลับมาจวนติ้งอันโหวเพราะเขาบาดเจ็บหนักจากการรบขาและข้อมือทั้งสองข้างถูกตัดเส้นเอ็นจนกลายเป็นคนพิการไปแล้วมิอาจร่วมรบกับผู้เป็นพี่ชายกับทหารคนอื่นๆ ได้อีก ที่ชายแดนนั้นการรบคงไม่ง่ายทุกคนล้วนคิดเช่นนั้น
แต่ที่เทียนตูนี้นั้นเมืองรองของต้าเซี่ยแห่งนี้นั้นหลี่หมิ่นถังหรือบัดนี้กลายเป็นเย่ฮูหยินคนใหม่แทนมารดาสามีที่ขยับฐานะขึ้นไปเป็นเหล่าฮูหยินเย่เพราะสามีของนางตายจากไปแล้วเมื่อหลายเดือนก่อนเองชีวิตก็ไม่ได้ง่ายเช่นกัน ยิ่งมารดาของสามีและน้องสาวของสามีเช่นคุณหนูสามเย่ เย่จื่ออิง ที่วันทั้งวันไม่ทำอันใดนอกจากเรื่องสิ้นเปลืองจับจ่ายฟุ่มเฟือยราวกับจวนติ้งอันโหวผติตั๋วเงินออกมาเองได้กับคอยแต่จะก่อเรื่องเดือดร้อนมาให้นางแก้ไขไม่ว่างเว้น
แล้วบัดนี้พอคุณชายรองเย่ เย่จิ่เว่ยถูกส่งกลับมาพร้อมอาการบาดเจ็บหนักนั้นต้องใช้ยาทั้งตัวยาดีและท่านหมอที่เก่งกาจมาเพิ่มเป็นภาระหนักให้นางต้องแบกรับซึ่งย่อมแน่นอนว่าอาการบาดเจ็บหนักนี้ต้องใช้เงินมากตามไปด้วยนั้นยิ่งทำให้ชีวิตของหญิงสาววัยสิบเจ็ดปีนี้ไม่ง่ายยิ่งขึ้น
"ถังถัง ลำบากมากหรือไม่"
ดังนั้นในยามเมื่อนางกลับมาเยี่ยมมารดาและบิดากับเหล่าฮูหยินหลี่ผู้เป็นท่านย่าของตนเองที่จวนสกุลหลี่นางจึงมักจะถูกมารดาและท่านย่าสอบถามด้วยความห่วงใยเสียทุกครั้งไป
"ดูสิเจ้าผ่ายผอมลงอีกแล้วกลับมาเสียนหยางยามใดเจ้าก็มีแต่ผอมลง ข้ากับท่านพ่อและท่านย่าของเจ้าเห็นแล้วปวดใจนักถังถังเอ๊ย"
หลี่ฮูหยินเห็นบุตรสาวคนรองกลับมาเยี่ยมตนเองยามใด ก็ผ่ายผอมลง มารดาที่เลี้ยงดูบุตรชายและบุตรสาวอย่างดีเสมอมาไม่ว่าจะบุตรที่เกิดจากนางและจากอี้เหนียงทั้งสองคน ถึงหมิ่นถังเองหลังจากสี่ขวบต้องขึ้นเขาไปศึกษาในสำนักศึกษาอันต้นๆ ของต้าเซี่ยอยู่สิบปีแต่ตลอดสิบปีนางกับสามีก็ไม่เคยละทิ้งบุตรสาวคนรองแม้แต่น้อยดังนั้นวันนี้พบหน้าหมิ่นถังแล้วนางผอมลงใบหน้าซีดเซียวย่อมปวดใจอย่างยิ่ง
"ท่านแม่ ถังถังไม่เป็นอันใดเจ้าค่ะ สตรีออกเรือนแล้วต้องแบกรับหลายสิ่ง ผ่ายผอมไปบ้างยังจะนับเป็นอันใดได้"
แต่หลี่เหมือนถังก็ยังคงเป็นหลี่หมิ่นถัง อดทนและทุ่มเท ไม่ว่าจะก่อนแต่งงานหรือหลังแต่งงานบุตรสาวคนรองผู้นี้ไม่เคยปริปากหากไม่ถึงที่สุดจริงๆ
"โถ...ถังถังน้อยของข้า"
หลี่ฮูหยินพูดไม่ออก เพราะรู้ดีบุตรสาวคนรองนั้นรักลึกซึ้งกับซื่อจื่อติ้งอันโหวหรือบัดนี้บุตรเขยของนางผู้นั้นก็กลายเป็นติ้งอันโหวแทนบิดาที่จากไปเมื่อหลายเดือนก่อนไปแล้วมากเพียงใด นางเองก็เป็นสตรีย่อมเข้าใจดีว่าความรักลึกซึ้งนี้ต่อให้ต้องลำบากเพียงใดสตรีเราล้วนทนได้ทั้งสิ้น
"เสี่ยวถังท่านย่ามีคำสอนหนึ่งจะมอบให้เจ้า ปกติแล้วสตรีเราแต่งงานไม่สมควรฟังคำสอนนี้ ทว่าเจ้าคือหลานรักคือสตรีของสกุลหลี่ คำสอนนี้ท่านย่าจะส่งต่อให้เสี่ยวถังได้ฟัง"
เหล่าฮูหยินหลี่ในวัยหกสิบห้าปีมองดูหลานสาวคนรองลำบากมาร่วมสองปีย่อมปวดใจไม่ต่างจากสะใภ้และบุตรชายของตนเองเช่นกัน หลี่หมิ่งถังอาจนับได้ว่าชะตาพลิกผันนัก ไม่เหมือนหลานสาวคนโตเช่นหลี่เหม่ยหลินที่นับตั้งแต่ออกเรือนไปจนถึงวันนี้ล้วนสุขสบายมิได้เผชิญด่านเคราะห์เหมือนคนน้อง
แต่งไปอยู่จวนหนานไห่กั๋วกงที่อิ๋งโหวร่วมสองปีหลี่เหม่ยหลินนั้นให้กำเนิดบุตรชายคนแรกให้กับหนานไห่กั๋วกงซื่อจื่อแล้ว ทว่าหลี่หมิ่นถังคนน้องแม้แต่เข้าหอก็ไม่ได้ทำ ค่ำคืนแต่งงานกลับต้องส่งเจ้าบ่าวไปทัพ นี่ไม่เรียกว่าหลานสาวคนรองของนางอาภัพนักหรอกหรือ และส่วนตัวทั้งเหล่าฮูหยินหลี่และฮูหยินหลี่รวมทั้งใต้เท้าหลี่ต่างไม่มีผู้ใดพึงใจ ที่ฝ่ายเจ้าบ่าวปิดบังเรื่องราชโองการให้นำทัพไปสมทบกับชินอ๋องที่เป่ยฉีกันสักคน ในใจหญิงชรานั้นอยากให้หลี่หมิ่นถังทำเรื่องยื่นขอให้สมรสดังกล่าวกลายเป็นโมฆะแทบแย่แต่ก็จนใจที่หลี่หมิ่นถังนั้นรักเย่จื่อเฉินอย่างมาก หากนางพูดออกไปหลานสาวคนรองของตนนี้คงลำบากใจเป็นแน่
ต่อให้ต้าเซี่ยนั้นมีธรรมเนียมว่าหากบุรุษคนใดยามใกล้แต่งงานแต่มีเหตุให้ต้องไปทัพ หากตั้งใจปกปิดฝ่ายเจ้าสาวให้นับว่าไม่บริสุทธิ์ใจทำลายชีวิตสาวงามร้ายแรงเท่ากับสังหารสตรีให้ตายทั้งเป็นให้เจ้าสาวผู้นั้นสามารถไปร้องเรียนกับทางการทำการฟ้องร้องให้พิธีแต่งงานเป็นโมฆะได้ แต่ก็ยังมีสตรีส่วนน้อยเป็นเช่นหลี่หมิ่นถังที่รู้ทั้งรู้แต่ก็ยอมให้อภัย ทว่ากับเหล่าฮูหยินหลี่แล้วนางเกิดมาจนป่านนี้ย่อมมองได้กระจ่าง บุรุษเห็นแก่ตัวเช่นเย่จื่อเฉินนั้นไม่เหมาะสมที่จะเป็นสามีที่ดี
"สตรีเรานั้นมั่นคงในความรักย่อมดียิ่ง และยิ่งประเสริฐเมื่อยามแต่งงานออกเรือนไปดูแลบ้านเรือนกับคนในจวนของสามีอย่างเต็มที่เต็มกำลังแต่..."
หญิงชรายกมือขึ้นลูบศีรษะที่ปีนี้เติบโตขึ้นมากด้วยความรักและห่วงใยเต็มหัวใจ นางอยากบอกให้หลานสาวคนนี้ยื่นคำร้องขอให้สมรสเป็นโมฆะอย่างยิ่ง แต่เห็นแววตาพลันทราบดีว่าหลี่หมินถังเป็นคนอย่างไร เหล่าฮูหยินหลี่จึงหักห้ามใจตนเองไม่ให้พูดเช่นนั้นออกไป
"แต่ว่ายามใดที่เจ้าพบว่าสิ่งที่ทำลงไปตั้งมากมายแต่พวกเขาไม่เห็นคุณค่าก็จงถอยกลับมานะเสี่ยวถังของ ท่านย่าของสกุลอื่นเป็นเช่นไรก็ช่าง แต่กับบ้านเราท่านย่าจะบอกกับเจ้าว่ายามใดที่คนภายนอกใจร้ายกับเจ้าให้จำเอาไว้ ยังมีบ้านเดิมเสมอ ประตูสกุลหลี่ไม่เคยปิดตายสำหรับบุตรและหลานสาวที่แต่งออกไปยิ่งเป็นเจ้า ท่านย่ากับท่านพ่อและท่านแม่ของเจ้ายังคงคิดว่าเสี่ยวถังนั้นไม่ได้แต่งงานออกไปแม้แต่วันเดียว"
หลังได้ฟังคำของท่านย่ากระบอกตาของหมิ่นถังรู้พลันรู้สึกแสบร้อนจมูกก็คัดคล้ายดังคนเป็นหวัด เพราะชีวิตนี้ของนางโชคดียิ่งที่เกิดมาเป็นบุตรสาวสกุลหลี่ มีท่านย่าที่มากไปด้วยคุณธรรมและเมตตากับบุตรหลานสตรี มีท่านพ่อที่ไม่เคยลำเอียงรักลูกชายมากกว่าลูกสาว ส่วนท่านแม่ของนางยิ่งเป็นแบบอย่างของสตรีใจกว้างและเข้มแข็ง นางเติบโตมาด้วยความรัก แต่ในยามออกเรือนเหมือนดังต้องคำสาปเพราะครอบครัวสามีรวมถึงสามีกลับไม่มีใครรักใคร่จริงใจด้วยสักคน แต่หลี่หมิ่นถังก็คิดว่าหากนางดีต่อพวกเขาก่อน รักพวกเขาก่อนสุดท้ายความดีและความรักที่มีของนางจะเอาชนะใจทั้งครอบครัวและตัวของเย่จื่อเฉินได้ในสักวัน
"ยามใดเหนื่อยล้าจงกลับมาพักผ่อนเสียก่อน ยามใดทุกข์ยากก็ให้กลับมาตั้งหลักยัง บ้านของพวกเรา ด้านนอกจวนจะใจร้าย คนสกุลเย่จะเห็นแก่ตัว จะไม่เห็นคุณค่าของเจ้า แต่สกุลหลี่ไม่ใช่ นับจากเกิดจนตาย ลูกหลานสตรีสกุลหลี่ยังคงเป็นคนสกุลหลี่ตลอดไป"
"ท่านย่า..."
คราวนี้น้ำตาของนางเก็บเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป หนึ่งปีกับเก้าเดือนในสกุลเย่สำหรับเด็กสาวอายุเพียงสิบห้านับมาจนถึงวันนี้นั้นไม่ง่าย ล้วนไม่เคยง่ายเลยสักวันสำหรับนาง
"คนบางประเภทใช่ว่าเขาคิดดีทำดีแล้วจะชนะใจพวกเขาได้โดยเฉพาะกับพวกใจแคบและเห็นแก่ตัว พวกเขาจะไม่ได้เห็นว่าเจ้าเป็นคนดีนะเสี่ยวถัง แต่คนพวกนั้นล้วนเห็นเจ้าเป็นคนโง่! คนโง่ที่ยอมให้พวกเขาหลอกใช้ เป็นคนโง่ให้พวกเขาเรียกร้องเอาแต่ผลประโยชน์เท่านั้น"
"……"
หมิ่นถังนั้นไม่เคยพูดไม่ออกเช่นนี้มาก่อนพอได้ฟังคำพูดของท่านย่าที่เป็นเหมือนความจริงตีแสกหน้าก็ถึงกับจุกในออกจนพูดแก้ตัวแทนสกุลเย่และเย่จื่อเฉินไม่ออกแม้เพียงครึ่งคำ ตลอดมานับตั้งแต่แต่งเข้าสกุลเย่ยากลำบากหรือทุกข์ใจหลี่หมิ่นถังไม่เคยพูดมันออกมา แม้แต่กับสองสาวใช้คนสนิทหรือกับคนที่จวนสกุลหลี่นี้ นางล้วนไม่เคยพูดมันออกมา ในยามทุกข์ หรืออ่อนล้า หมิ่นถังก็หล่อเลี้ยงหัวใจด้วยความรัก ความรักที่ตนเองมีให้กับเย่จื่อเฉินเท่านั้น ใครจะคิดท่านย่าของนางนั้นกลับมองทะลุทุกอย่างเช่นนี้
หนึ่งปีแปดเดือนหลี่หมิ่นถังอดทนผ่านอะไรมากมายล้วนใช้ความรักเป็นแรงใจทั้งสิ้น เรียกว่าหลับหูหลับตาที่จะรัก ถึงรู้ว่าบ้านสามีไม่จริงใจ ที่ยังพูดดีทำดีกับตนก็ล้วนหวังผลประโยชน์ที่นางทำการค้าเก่ง บริหารที่ดินรกร้างว่างให้เต็มไปด้วยรวงข้าว พืชผัก และผลไม้อายุสั้นพลิกฟื้นจนเป็นเงินเป็นทองทั้งสิ้น แต่เพราะนางรักเย่จื่อเฉินจึงทำดีกับครอบครัว กับพ่อแม่และน้องชายน้องสาวเพื่อแสดงความจริงใจ
"เสี่ยวถังจงจำเอาไว้อีกสิ่ง ยามใดที่เจ้ามอบใจอันแท้จริงไปแล้ว แต่คนเหล่านั้นไม่เห็นคุณค่า เจ้าจงอย่าลังเลที่จะถอยออกไปเริ่มต้นใหม่ สิบห้าปีท่าย่า ท่านพ่อ ท่านแม่ของเจ้าเลี้ยงดูและถนอมเจ้าสุดจิตสุดใจ เจ้ามีค่าสูงล้ำ อย่าได้ให้ผู้ใดมาด้อยคุณค่าของเสี่ยวถังได้รู้ไหมคนดีกับคนโง่นั้นมีเส้นแบ่งบางเบานัก ทำดีถูกคนมัยย่อมประเสริฐ ทว่าทำดีผิดคน จนตายเจ้าก็แค่ตายไปเปล่าๆ ไม่มีค่ากับคนเหล่านั้นเลย คนเราเกิดมาล้วนเลือกได้นะเสี่ยวถัง ท่านย่าคงเตือนสติเจ้าได้เท่านั้น"
ผู้ผ่านโลกมานานย่อมมองทุกสิ่งกระจ่าง แต่เหล่าฮูหยินหลี่ไม่คิดจะขัดขวางหลานสาวคนรอง เพราะคนเราต้องเผชิญทุกข์ยากด้วยตนเองจึงถ่องแท้ในใจคน และหมิ่นถังนิสัยแท้จริงเป็นอย่างไรคนที่เลี้ยงดูอีกฝ่ายมากับมือแม้แต่ในยามหมิ่นถึงขึ้นเข้าไถ่ซานนางก็ยังตามไปอยู่ด้วยบ่อยครั้ง ย่อมรู้ดีที่สุดว่าหลี่หมิ่นถังนั้นในยามรักและตั้งใจกับสิ่งใด นางจะทุ่มไปสุดกำลัง แต่ยามใดที่นางตัดใจ จะตัดเด็ดขาดและไม่มีวันหวนคืนกลับไปยืนในจดเดิมอีกเด็ดขาด!
"เสี่ยวถังทราบแล้ว จะจดจำคำสั่งสอนของท่านย่าและท่านแม่ไม่ลืมตลอดไปเจ้าค่ะ"