ตอนที่3||เหตุผลบัดซบ!

2439 Words
ตอนที่3||เหตุผลบัดซบ! และหากหลี่หมิ่นถังคิดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเลวร้ายอย่างถึงที่สุดแล้วละก็นางคงคิดผิดไปไกลที่เดียว เพราะต่อจากนั้นอีกเพียงเดือนเดียวเย่จื่อเฉินกลับรับอนุภรรยามาเติมเรือนหลังอีกสองคน ผู้หนึ่งเป็นบุตรสาวของนายกองในกองทัพ อีกผู้คือหญิงคณิกาอันดับหนึ่งของหอหลินเซียง "เรือนหลังก็มีน้องซวงเอ๋อร์แล้ว เหตุใดจึงต้องรับคนมาเพิ่มอีกเจ้าค่ะท่านพี่จื่อเฉิน" คราวนี้หลี่หมิ่นถังไม่ได้ปิดปากเงียบอีกแล้ว นางต้องถามให้กระจ่าง ว่าเหตุใดต้องแต่งอี้เหนียงมาเพิ่มทั้งที่เขายังมีฉิงซวงและนางที่เป็นฮูหยินอยู่ทั้งคน "เจ้าอย่าใจแคบไปหน่อยเลยหมิ่นถัง บัดนี้จื่อเฉินเป็นถึงแม่ทัพปกป้องเทียนตู การมีอนุภรรยาเพิ่มนับว่าเป็นการเพิ่มบารมีให้กับสามี" แต่เย่จื่อเฉินนั้นยังไม่ทันเอ่ยปากเหล่าฮูหยินเย่กลับเอ่ยตัดหน้าเขาเสียก่อน หลี่หมิ่นถังถึงกับหันขวับไปมองมารดาของสามีด้วยสายตากังขาจากใจ "หากหมิ่นถังใจคอคับแคบเช่นนั้นที่ท่านพ่อไม่เคยรับอนุภรรยามาเพิ่มจะกล่าวว่าอย่างไรดีเล่าเจ้าค่ะท่านแม่?" จนกระทั่งเขาสิ้นใจจากไปอดีตติ้งอันโหวผู้เป็นบิดาของสามีนางมีเย่ฮูหยินเพียงคนเดียว หากจะกล่าวว่าอดีตติ้งอันโหวรักเดียวใจเดียวเห็นทีจะยาก แต่ที่เรือนหลังไม่เคยรับอนุภรรยาเท่าที่หลี่หมิ่นถังทราบมาจากพ่อบ้านเฉียงมาก็คือมารดาของสามีนางไม่ยินยอมต่างหากแล้วในยามเป็นนางเหตุใดจึงถูกกล่าวหาว่าใจคอคับแคบกันด้วยเล่า? "นี่เจ้า! หลี่หมิ่นถังเดี๋ยวนี้ชักจะก้าวหน้าเกินไปแล้ว กับมารดาสามีเจ้าก็กล้าเถียงเสียแล้วหรือ" เหล่าฮูหยินเย่โมโหจนหน้าแดงก่ำลุกขึ้นมาชี้หน้าลูกสะใภ้ด้วยนิ้วชี้อันสั่นระริกแต่หลี่หมิ่นถังกลับมองด้วยแววตาเรียบเฉยไร้ความหวาดเกรง "ท่านแม่กล่าวผิดแล้ว หมิ่นถังมิได้คิดจะโต้เถียงกับท่าน หมิ่นถังก็เพียงสงสัยเท่านั้น" "นี่! นางตัวดี พอสามีกลับมาเจ้าถึงกับกล้าโต้แย้งข้า เฉินเอ๋อร์เจ้าตัวเมียของเจ้านะ นางช่างไร้การอบรมสิ้นดี!" หลี่หมิ่นถังกำหมัดแน่น ดวงตาที่มองไปยังมารดาของสามีแสนจะแข็งกร้าว นางต้องกัดเนื้อภายในปากจนได้รสของเลือด จึงพอจะข่มโทสะลงไปได้ "ก็ตามใจท่านพี่ก็แล้วกัน" สุดท้ายหลี่หมิ่นถังก็กล่าวออกไปเช่นนั้น นางพยายามท่องคำว่าอดทนและอดทนนับหมื่นนับแสนครั้ง แต่ใจของคนเรามันจะอดทนได้มากขนาดไหนกันเล่า สักวัน... สักวันมันต้องมีวันที่หมดลง หลี่หมิ่นถังก็ได้แต่คาดหวังว่าเย่จื่อเฉินจะหันกลับมาเห็นใจ เหลียวกลับมามองเห็นถึงความจริงใจที่นางมีให้กับเขา หวังใจเหลือเกินว่าเขาจะแลเห็นมันก่อนวันที่นางจะหมดความอดทนและหมดสิ้นซึ่งความรักที่ตนเองมีให้กับเขามาหลายปี... แล้วนับจากวันนั้นหลี่หมิ่นถังก็พยายามหลีกเลี่ยงไม่พบหน้ากับมารดาของสามีหากไม่จำเป็นแต่ชีวิตของฮูหยินเอกของติ้งอันโหวกลับยิ่งไม่ง่าย ทุกวันนอกจากเหน็ดเหนื่อยจากการทำการค้าและดูแลจวนติ้งอันโหวแล้วในแต่ละวันหลี่หมิ่นถึงยังต้องคอยห้ามทัพและตัดสินถูกผิดระหว่างอี้เหนียงทั้งสามคนอีกด้วย เหน็ดเหนื่อยไม่ว่า หากสามีใส่ใจ แน่นอนหญิงสาวย่อมอดทนผ่านไปได้ ทว่ากลับจากชายแดนมาครึ่งปี อี้เหนียงทั้งสามต่างตั้งครรภ์ไปทั้งหมด แต่นางที่เป็นฮูหยินเอกของติ้งอันโหว สามีกลับไม่เคยเหลียวแลไม่พอ ยังไม่เคยร่วมหอกันแค่เพียงครึ่งชั่วยาม เหล่าฮูหยินเย่เมื่อพบหน้าก็มักจะแดกดันหลี่หมิ่นถังเรื่องนี้อยู่ทุกครั้ง หลี่หมิ่นถังถามใจตนเองอยู่ทุกวัน ตนเองผิดอันใด บกพร่องที่ตรงไหน เย่จื่อเฉินจึงไม่แม้แต่จะแตะต้องตนเอง คิดอยากถามเขาออกไปตรงๆ เย่จื่อเฉินก็ไม่เคยปฏิบัติไม่ดีกับนางเลยตรงกันห้ามนับจากครึ่งปีก่อนที่เย่จื่อเฉินกลับจากชายแดนนอกจากขยันแต่งอนุภรรยาเข้าจวนกับไม่ยอมแตะต้องนางที่เป็นภรรยาเอก แล้วเย่จื่อเฉินภายนอกจวนให้เกียรตินางอย่างมากภายในจวนยิ่งเกรงใจ แต่นางเป็นภรรยาเป็นคู่ชีวิตหลี่หมิ่นถังไม่ต้องการสิ่งเหล่านั้นนางต้องการความจริงใจ แค่ความรัก นางต้องการเท่านั้น หากเขารักนางสักนิด จะไม่เกรงใจ ที่เขาเกรงว่าเพราะนางเป็นผู้หาเงินเข้าจวนต่างหากมิใช่ความรัก "พี่จื่อเฉิน วันนี้พี่พอจะมีเวลาให้หมิ่นถังสักครู่หรือไม่" ในที่สุดหลี่หมิ่นถังทนเก็บความในใจเอาไว้ไม่ไหวสามีภรรยามีเรื่องใดสมควรเปิดใจพูดคุย นางสงสัยจึงคิดว่าตนเองสมควรถามเขาออกไป เก็บเอาไว้ก็เอาแต่คิดเองเออเองมีแต่ปวดใจ เจ็ดเดือนมันนานเกินไปแล้ว นางอดทนไม่พูดไม่ถามมาเจ็ดเดือน นางจะไม่เก็บมันเอาไว้แค่ในใจคนเดียวอีกต่อไปเขาคิดสิ่งใด นางจะต้องรู้ให้กระจ่างหากนางผิดไปย่อมยินดีแก้ไข แต่หากเขาไม่อาจหันกลับมารักนางได้นางก็จะปล่อยมือแล้ว ไม่ไหว นางกำมันเอาไว้ไม่ไหวแล้ว นางหมดกำลังใจที่จะอดทน หมดแรงที่จะต่อสู้โดยมองไม่เห็นหนทางที่จะชนะ "เอาสิ เย็นนี้ข้าจะไปกินข้าวที่เรือนของเจ้า" พอเห็นว่าหลี่หมิ่นถังดูอัดอึดและทุกข์ใจอย่างแสนสาหัส เย่จื่อเฉินจึงยอมรับปากกับสตรีที่เขาแต่งกับนางเพื่อใช้นางเป็นตัวแทนของใครอีกคนออกไปพอข้ารับใช้เมื่อได้ทราบว่านายท่านเย่หรือติ้งอันโหวจะไปกินข้าวยังเรือนฮูหยินเอกเย่ล้วนยินดียิ่ง เพราะผ่านมานานขนาดนี้เย่ฮูหยินยังไม่ตั้งครรภ์แต่อี้เหนียงทั้งสามกลับมีครรภ์ไปก่อน เรื่องนี้ทำเอาเหล่าฮูหยินเย่ไปพอใจมากถึงกับออกปากอยากให้นายท่านเย่แต่งเย่ฮูหยินรองมาให้กับติ้งอันโหวในเร็ววันนี่อยู่แล้ว สำหรับบ่าวไพร่ชายหญิงไม่ว่าเด็กหรือผู้สูงวัยล้วนรักและเคารพหลี่หมิ่นถังกันทุกชีวิต เพราะร่วมสามปีที่นางมาเป็นนายหญิงล้วนดีกับทุกชีวิตมาโดยตลอด ดังนั้นย่อมไม่คิดอยากได้ฮูหยินรองมาสร้างความวุ่นวายเพราะแค่อี้เหนียงทั้งสามกับคุณชายรองคุณหนูสามและเหล่าฮูหยินเย่พวกเขาก็ปวดหัวมากพอแล้ว เช่นนั้นพอวันนี้นายท่านเย่จะไปเรือนฮูหยินเย่ทุกชีวิตจึงยินดีปรีดาเหลือล้น เรือนครัวตั้งใจปรุงอาหารเริศรส บ่าวในเรือนฝูเล่อก็รีบตกแต่งประดับประดาสร้างบรรยากาศ ไม่ว่าจะเป็น ธูปหอม กำยานผ่อนคลาย ดอกไม้ ต้นไม้ประดับ "เอาละ เจ้ามีเรื่องใดอยากพูดกับข้าก็พูดเถิดหมิ่นถัง" หลังจบมื้ออาหารสาวใช้มาเก็บออกไป จากนั้นก็นำป้านน้ำชามาให้ทั้งสองสามีภรรยาดื่มล้างปากกับผลไม้อีกสองชนิด เย่จื่อเฉินในวัยยี่สิบห้าปีจึงเปิดปากถามฮูหยินโฉมงามขึ้น ถามนางโดยที่ไม่อาจมองนางอย่างเต็มตาได้เลย เพราะสำหรับเขาแล้วหลี่หมิ่นถังนี้ยิ่งมองก็ยิ่งเห็นภาพทับซ้อนของพี่สาวของนางราวกับเป็นฝาแฝด พอคิดมาถึงตรงนี้เย่จื่อเฉินก็อดจะรู้สึกจะละอายใจตนเองอยู่หลายส่วนเสียมิได้ เพราะแท้จริงที่สู่ขอและแต่งงานกับนางเพราะเขาเห็นนางเป็นตัวแทนของพี่สาวนางจริงๆ ดังนั้นจนถึงวันนี้จึงมิอาจแตะต้องนางได้แม้แต่ปลายเส้นผมด้วยความรู้สึกละอายใจมันมากเกินไปนั่นเอง "หมิ่นถังขอพูดตามตรงไม่อ้อมค้อมนะเจ้าค่ะ" "กล่าวมาเถอะ" "เหตุใดพี่จื่อเฉินจึงไม่เคยแตะต้องข้าหรือเจ้าค่ะ ในวันที่เราแต่งงานกันก็แล้วกันไป แต่นี่ท่านพี่กลับมาร่วมหนึ่งปีกลับไม่เคยแตะต้องหมิ่นถังแม้แต่จับมือ แต่ท่านพี่กลับรับอี้เหนียงเข้าจวนไม่ขาด มันหมายความว่าอย่างไรเจ้าค่ะ? " "!!!" เย่จื่อเฉินไม่คิดว่าหลี่หมิ่นถังนั้นจะเอ่ยถามตนเองตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมไม่เขินอาย หากเป็นหลี่เหม่ยหลินที่เป็นพี่สาวของนางให้ตายคงไม่ใจกล้าถามออกมาเช่นนี้แน่นอน "พี่จื่อเฉินพูดออกมาได้ตามที่คิดเลยเจ้าค่ะ ข้ายอมรับได้ หากตนเองบกพร่องสิ่งใด ยังขาดเหลืออันใดเชิญพี่จื่อเฉินชี้แนะหมิ่นถังคนนี้ได้เลย หมิ่นถังยินดีแก้ไข ข้าผิดอันใด หรือท่านพี่ไม่ชอบสิ่งใด หมิ่นถังยินดีทำเพื่อท่านทุกสิ่ง" นางกล่าวออกไปจากใจ หากเขาบอกแก่นาง หลี่หมิ่นถังยินดีปรับปรุง นางกับเขาอายุห่างกันอยู่พอสมควรไหนจะยังไม่ได้สนิทสนมก็มาแต่งงานกันแล้ว ความรักของนางอาจยังไม่มากพอ นางอาจต้องปรับปรุงอีก "ข้า..." เย่จื่อเฉินไม่รู้ว่าตนเองจะตอบสตรีตรงหน้าไปว่าอย่างไร บกพร่องตรงไหนนะหรือ อยู่ร่วมจวนกับนางมาเจ็ดเดือน นึกอย่างไรก็นึกไม่ออกเลย เพราะหลี่หมิ่นถังถึงปีนี้นางจะเพิ่งเต็มสิบแปดปีไปไม่นาน ทว่ากลับจัดการทุกสิ่งได้ยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะภายในจวน นอกจวน หญิงสาวคนนี้ไม่เคยบกพร่องเลยน้องสาวกับน้องชายของเขาที่อายุมากกว่านางยังไม่เก่งกาจและมีความรับผิดชอบเท่ากับหลี่หมิ่นถังเลยด้วยซ้ำเขายังจะเอาความผิดหรือสิ่งไม่ดีใดไปบอกแก่นางได้อีกเล่า "พี่จื่อเฉินบอกมาเถอะหมิ่นถังยอมรับได้ทั้งหมด และจะรีบแก้ไขไม่ทำให้พี่จื่อเฉินลำบากใจแน่นอน ขอเพียงท่านเอ่ยปากมาเท่านั้นแค่ท่านเอ่ยปากหมิ่นถังล้วนแก้ไขเพื่อท่านได้หมดเจ้าค่ะ" เขาจะบอกกับนางได้อย่างไรว่าที่เขาไม่กล้าแตะต้องนางเช่นสตรีอื่นเพราะนางเป็นคนดี เป็นฮูหยินที่ดี เป็นนายหญิงที่ประเสริฐ เป็นลูกสะใภ้ที่ยอดเยี่ยม เรียกได้ว่าหลี่หมิ่นถังนี้ดีไปหมด แต่เพราะนางดีเกินไปเขาจึงแตะต้องนางไม่ลง เขาไม่สามารถหลับหูหลับตาร่วมรักกับนางแทนหลี่เหม่ยหลินได้ ทั้งที่ในยามตัดสินใจสู่ขอเขาคิดว่าตนเองคงไม่คิดอันใดมาก คิดเพียงว่าในยามเข้าหอดื่มสุราให้หนักสักหน่อย พอเมามายเขาก็พอจะหลอกตนเองได้ว่าตนเองได้เข้าหอกับอดีตคนรักได้ แต่พอทราบกำหนดเคลื่อนกำลังทหารไปสมทบกับกองทัพใหญ่ของชินอ๋องซ่างกวนไท่เขาก็มีความคิดว่าดีเช่นกัน แต่กลับเห็นแก่ตัวไม่ยอมเปิดปากบอกกับหลี่หมิ่นถังอย่างตรงไปตรงมาว่าตนเองจะต้องไปชายแดนไม่รู้วันกลับ และเพราะรู้ว่านางรักเขาเย่จื่อเฉินจึงยิ่งเห็นแก่ตัวใช้คำสัญญาผูกหลี่หมิ่นถังเอาไว้ ใช่เขาทำได้เพราะเห็นแก่ตัวและแค้นใจหลี่เหม่ยหลินล้วนๆ … แล้วตลอดเวลาที่เขาอยู่ชายแดนข่าวจากพ่อบ้านเฉียงที่คอยส่งไปรายงานนั้นก็มีแต่เรื่องดี น้องสาวกับมารดาของเขานิสัยอย่างไรร้ายกาจขนาดไหนแน่นอนเขาย่อมทราบดี ไหนจะเรื่องเงินทองภายในจวนติ้งอันโหวที่ก่อนจะเคลื่อนทัพบิดาของเขาได้ไปกู้เงินมาตั้งมากโดยใช้จวนกับที่ดินอีกหลายผืนไปจำนองนั่นก็อีก เพียงปีเดียวหลี่หมิ่นถังไม่ใช่แค่ใช้หนี้สินมากมายจนหมด กิจการต่างๆ ของสกุลเย่นางก็กอบกู้และทำให้มันงอกงามไปด้วยกำไรอีกด้วย นอกจากกิจการเดิมจะรุ่งเรืองกิจการใหม่ยังดีวันดีคืนจนบัดนี้สกุลเย่นับว่าร่ำรวยอาจเป็นอันดับต้นๆ ของเทียนตูแล้วด้วยซ้ำ ยิ่งพอบิดาของเขาตายที่สนามรบหากแค่มารดากับน้องสาวเกรงว่าแม้แต่จวนก็อาจรักษาเอาไว้มิได้เพราะเขากับน้องชายก็อยู่ชายแดนคนย่อมไม่เกรงใจอีกต่อไป แต่ทุกสิ่งเพราะมีหลี่หมิ่นถังจวนติ้งอันโหวจึงผ่านมาได้อย่างมั่นคง หรือแม้แต่น้องชายของเขาจากที่เกือบพิการ บัดนี้ยังกลับมาเดินเหินได้อีกครั้งถึงไม่อาจกลับไปเป็นทหารเช่นในอดีต แต่แค่ไม่พิการก็ประเสริฐมากล้น ซึ่งจะเป็นเช่นนี้มิได้เลยหากไม่ใช่เพราะหลี่หมิ่นถังทุ่มเทเงินทองมากมายจ้างหมอฝีมือดีและหาตัวยาซึ่งทั้งหายากและแสนจะแพงแสนแพงมาใช้ในการรักษา "พี่จื่อเฉิน..." เห็นว่าสามีเอาแต่มองหน้านางนิ่ง ไม่พูดไม่จาออกมา หลี่หมิ่นถังกลับยิ่งร้อนใจคิดไปในทางด้านเลวร้ายว่าตนเองอาจบกพร่องจนเย่จื่อเฉินบรรยายไม่ถูกก็เป็นไปได้ "เจ้าดีเกินไป เพราะเจ้าดีเกินไป หากจะผิด ก็ผิดที่เจ้าเป็นคนดีเกินไปหมิ่นถัง" "......." กล่าวจบก็ไม่ให้โอกาสหลี่หมิ่นถังตั้งสติเรือนกายสูงใหญ่รีบร้อนลุกจากไปทันที หลี่หมิ่นถังราวกับถูกไม้ท่อนใหญ่ฟาดเข้าที่ศีรษะ นางนั่งมึนงงกับประโยคที่เย่จื่อเฉินบอก 'เจ้าดีเกินไป เพราะเจ้าดีเกินไป หากจะผิดก็ผิดที่เจ้าเป็นคนดีเกินไปหมิ่นถัง' นี่มันคำตอบประเภทใดกัน?!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD