“… ธุระที่จะพูดมีแค่นี้ใช่ไหม ฉันขอตัวนะ”
ฉันหมุนตัวเดินหนีไป แอบมองไปด้านหลังอย่างกลัวว่าเขาจะเดินตามมา เมื่อเห็นว่าชาร์ลยังยืนอยู่ที่เดิม ฉันก็หันกลับมามองทางข้างหน้า ตั้งหน้าตั้งตาเดินหนี ทั้งที่ความจริงอยากจะวิ่งมากกว่า
พรึ่บ!
“ซี! เขาทำอะไรซีหรือเปล่า?”
ฉันเดินยังไม่ถึงโซนที่เคยนั่งกับพี่หมอด้วยซ้ำ เขาก็โผล่มาตรงหน้า พร้อมกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความห่วงใย มือใหญ่ยกขึ้นจับแก้มฉันแผ่วเบา สัมผัสของเขาทำเอาน้ำตาซึม
“เปล่าค่ะ แค่คุยกัน”
ฉันไม่กล้าบอกพี่หมอว่าโดนชาร์ลขู่ กลัวมันจะทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ แค่นี้เขาก็ห่วงฉันจนไม่เป็นอันทำงานแล้ว ไม่อยากเล่าให้เขาฟัง กลัวเขาจะเก็บไปคิดมาก
“หน้าตาไม่โอเคเลย กลับบ้านไหม พี่ไปส่ง?”
“พี่ปีร์ยังไม่ได้ทานอะไรเลยนะคะ”
“เดี๋ยวพี่ซื้อของเข้าไปกินที่โรงพยาบาลก็ได้ครับ”
“อ่า ขอโทษนะคะ”
“จะขอโทษทำไม ซีไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”
พี่ปีร์ยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ทำให้สายตาฟ้าฟางได้เลย พี่ปีร์เป็นผู้ชายที่หน้าตาดีมาก คุณหมอสุดหล่อคนรักของฉัน เคยถูกแมวมองทาบทามไปเป็นดารา แต่เขารักอาชีพที่ทำอยู่ เลยอดเห็นเขาโลดแล่นอยู่ตามหน้าจอ
ชั่วโมงต่อมา
พี่ปีร์จอดรถเยื้องประตูบ้านของฉันไปเล็กน้อย เมื่อรถจอดสนิทแล้ว ก็ขยับตัวลงจากรถไปอย่างรวดเร็ว เดินอ้อมมาอีกฝั่งเพื่อเปิดประตูรถให้ ฉันยิ้มขอบคุณผู้ชายที่คงความเป็นสุภาพบุรุษได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย เมื่อลงจากรถได้ ก็ยกมือไหว้ขอบคุณไปอีกที
“ขอบคุณค่ะ ฝันดีนะคะ”
พี่ปีร์ยกมือลูบผมฉันแผ่วเบา โน้มตัวลงต่ำกดริมฝีปากลงบนหน้าผากช้าๆ แตะเพียงแค่บางเบาก็ถอยออกไปยืนยิ้ม ฉันยิ้มตอบกลับไป ขยับตัวอย่างเก้อเขิน เพราะยังไม่ชินกับการกระทำของพี่ปีร์
“พี่กลับแล้วนะ”
พูดจบร่างสูงโปร่งก็ขยับเดิน เมื่อเขาสอดร่างเข้าไปนั่งในรถ ฉันก็รีบขยับตัวไปยืนตรงหน้าประตู ยกมือขึ้นโบกไปมา ยืนมองจนกระทั่งไม่เห็นไฟท้ายของรถยนต์ ค่อยหมุนตัวเดินไปเปิดประตูบ้าน ก้าวขาผ่านเข้าไปด้านใน ขยับเดินอย่างเกียจคร้านเข้าไปในบริเวณบ้านกว้างใหญ่
ใช้เวลาเดินกว่าสิบนาทีจากประตูหน้าบ้านมาถึงด้านใน ฉันปลีกตัวขึ้นข้างบนทันที ทั้งที่เห็นว่าพ่อกับแม่นั่งอยู่ในห้องโถง ถึงฉันจะบอกพวกท่านเรื่องตกลงคบหากับพี่ปีร์แล้ว แต่เหมือนพวกท่านยังรู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่ คงเป็นเพราะพวกท่าน คิดว่าฉันยังลืมชาร์ลไม่ได้นั่นแหละ
ซึ่งมันก็เป็นความจริง ฉันยังลืมผู้ชายชื่อชาร์ลไม่ได้ ยังคงรักเขาอยู่ แต่รักเขาต่อไม่ได้แล้ว หลังจากเหตุการณ์นั้นเมื่อต้นปี ฉันก็พยายามหลอกตัวเอง และหลอกทุกคน ว่าเขาเป็นแค่คนที่ฉันเคยรัก
แก๊ก! ปึ่ง!
เมื่อเข้ามาในห้องส่วนตัว ฉันก็เดินดิ่งไปที่เตียงนอนขนาดใหญ่ ทิ้งตัวลงไปในท่าคว่ำหน้า ทิ้งร่างกายไว้แบบนั้น พลางคิดถึงเรื่องของตัวเอง เรื่องที่มันจบลงไปแล้ว เรื่องที่ไม่ควรคิดถึง แต่มันทำไม่เคยได้ เจอชาร์ลทีไร เรื่องราวของเรามักจะผุดขึ้นมาหลอกหลอนทุกที
‘อ๊ะ! อื้อ! เจ็บ!’
‘อืม ทนหน่อยสิวะ!’
คำพูดของคนเมาที่กำลังโถมทับอยู่ด้านบน บ่งบอกถึงความไม่ใส่ใจ แม้ว่าร่างกายขนาดใหญ่ที่เชื่อมอยู่กับจุดอ่อนไหว กำลังช่วงชิงครั้งแรกของฉันอยู่ ชาร์ลยังคงสอบเอวเข้าออกรุนแรง ส่วนฉันได้แต่เม้มปากแน่น อดทนต่อความเจ็บปวดที่ได้รับจากแท่งเนื้อใหญ่
สาเหตุที่ทำให้ฉันมาอยู่แบบนี้ มันเป็นเพราะชาร์ลเมาหนัก เขาอกหักจากผู้หญิงคนอื่น ส่วนฉันก็รักเขาจนหักห้ามใจไม่ได้ เมื่อเห็นว่ามันเป็นโอกาสให้ตัวเองได้เป็นเจ้าของเขา ก็ฉกฉวยครอบครองมันแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง
‘อ๊ะ จะ เจ็บ! ชาร์ล เบาหน่อยได้ไหม มันเจ็บ แสบด้วย’
ฉันเอ่ยปากขอร้องคนเมาให้เบาแรงหน่อย เขาชักสีหน้าแสดงอารมณ์หงุดหงิด หยัดลำตัวตั้งตรง มองจุดที่เชื่อมกันอยู่นิ่งๆ มองเพียงไม่นานก็เลื่อนมือที่ขย้ำอยู่บนหน้าอกลงต่ำ ลากผ่านหน้าท้องเร็วๆ หยุดวนบนกลุ่มขนบางๆ เลื่อนต่ำลงอีกนิด หมุนปลายนิ้ววนบนตุ่มเนื้อสีแดงสด
‘อ๊ะ! อื้อ!’
ร่างกายบิดเร้าเพราะสัมผัสจากฝ่ามือ ความเสียวซ่านแทรกเข้ามาแทนความเจ็บปวด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรู้สึกว่ามันเจ็บอยู่ แต่ไม่มากเท่าตอนที่เขาทำเฉยๆ
‘อืม! พอใจยัง!?’
เสียงถามห้วนจัด พ่นลมหายใจออกมาฟึดฟัดจนได้ยิน น้ำตาแห่งความน้อยใจไหลคลอรอบหน่วย บดบังภาพตรงหน้าจนพร่าเลือน
ที่ฉันต้องเจ็บตัวอยู่แบบนี้ ส่วนหนึ่งมันเป็นเพราะเขานะ ทำไมถึงพูดและทำราวกับว่า ฉันเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ที่ทำอยู่ตอนนี้ มันเป็นเพราะคำขอร้องของเขาเถอะ เขาเสนอ ฉันก็แค่สนอง
‘อึก! ถ้าไม่เต็มใจ ก็ลุกออกไปสิ!’
ฉันเองก็เมาไม่น้อยเลย เพราะปาร์ตี้ฉลองหลังสอบปิดภาคเรียนเสร็จ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังมีสติมากกว่าเขา ถ้าไม่พอใจก็ลุกออกไปซะสิ จะทำหน้างออยู่แบบนี้เพื่ออะไร
‘อืม! แม่งเหนื่อย! ง่วงด้วย! ทำดิ!’
พรึ่บ!
พูดจบคนตัวโตก็พลิกร่างกายอย่างรวดเร็ว ลงไปนอนหงายอวดร่างเปลือยเปล่าอยู่บนเตียง พลิกฉันที่เคยนอนเจ็บอยู่ด้านล่าง ขึ้นมานั่งหน้าเหวออยู่ด้านบน ตัวตนที่เคยเคลื่อนไหวอยู่ในร่าง ตั้งผงาดท้าทายสายตา ผงกหัวไปมาราวกับกำลังยั่ว
“O.O”
‘ใส่มันเข้าไปแล้วโยกดิ!’ คนสั่งทำหน้าดุ
‘ทะ ทำไม่เป็นหรอก!’ ฉันตอบเสียงสั่นเพราะทำแบบนั้นไม่เป็นจริงๆ
พรึ่บ!
‘อ๊าย! อย่าสิ อื้อ!’
สะโพกถูกยกขึ้นสูงด้วยมือเพียงข้างเดียว จากนั้นก็ถูกเขากดลงแรงๆ แท่งเนื้อใหญ่ที่ทั้งนุ่ม ทั้งแข็ง แทรกเข้ามาในจุดอ่อนไหวอีกครั้ง ครั้งนี้รู้สึกทรมานมาก เพราะมันเข้ามาลึกจนรู้สึกได้ว่ากำลังชนเข้ากับบางอย่าง
‘อืม! แม่ง! ชนเลยเหรอวะ! ของกูมันยาว หรือของมึงมันอยู่ต่ำ?’
คำตอบมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว ว่าที่มันชนนั้น มันเป็นเพราะว่าของเขามันยาว ไม่ได้เป็นเพราะมดลูกฉันอยู่ต่ำอย่างที่ชาร์ลว่าหรอก เขาเป็นลูกครึ่งไทย อิตาลีเลยนะ ถึงฉันจะไม่รู้เรื่องขนาดไอ้นั่นของผู้ชาย แต่ฉันรู้ว่าของชาร์ล มันทั้งใหญ่ ทั้งยาว
‘…’
‘อื้ม! จุกจนพูดไม่ออกเลยเหรอ?’
‘…’
ฉันไม่ตอบ เพราะมัวแต่หอบเอาอากาศไปใช้ในการหายใจ แท่งเนื้อใหญ่ด้านในเหมือนมันจะขยายตัวใหญ่ขึ้นมาอีก กล้ามเนื้อที่รัดรอบตัวตนใหญ่จนแน่น ก็รู้สึกเหมือนว่า มันกำลังขยายออกไปมากกว่าเดิม เพื่อปรับให้พอดีกับสิ่งที่เชื่อมอยู่ด้านใน
‘อ่า! แม่ง! ตอดโคตรดีเลยว่ะ!’
‘อึก! อยะ อย่า! อย่าเพิ่งขยับสิ อ๊า!’
‘ไม่โยกเมื่อไหร่จะเสร็จล่ะ! ทำดิ! โยกเร็วๆ!’
ชาร์ลออกคำสั่งไปพร้อมกับการบังคับให้ฉันโยกสะโพกขึ้นลง ฝ่ามือทั้งสองข้างบีบเคล้นบั้นท้ายแรงๆ แรงขับเคลื่อนที่เขาเป็นคนชักนำ ไม่นานก็กลายเป็นการกระทำของฉันเอง เมื่อร่างกายเริ่มปรับตัวได้ ฉันก็เคลื่อนไหวมันไปตามสัญชาตญาณ เคลื่อนไหวขึ้นลงถี่ยิบ ก่อนจะสะดุดลงเพราะคำถามคนใต้ร่าง
‘อือ แม่ง! เสียวสัด! มึงเสียวไหมวะซี?’
ฉันหลุดรอยยิ้มจางๆออกไป ตอนแรกเข้าใจว่าเขาเมา จนจำไม่ได้ว่ากำลังเอากับใครอยู่ ก็นะ! ตอนเขาขอมีอะไรด้วย เขาดูเหมือนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นฉัน พอได้ยินเขาเรียกชื่อ มันก็รู้สึกดีใจ ที่อย่างน้อยวินาทีหนึ่งที่เรากำลังเอากันอยู่ เขาก็รู้ว่านั่น มันคือฉัน ไซซี ผู้หญิงที่เขาไม่เคยรัก