เพื่อน

1443 Words
@ร้านอาหาร ย่านอโศก ผู้ชายรูปหน้าหล่อเหลา เรือนกายสูงกำยำ สวมใส่เสื้อผ้าแบรนด์ดังทั้งตัว ก้าวผ่านประตูของร้านเข้ามาด้านใน การมาของเขาทำให้ผู้คนในร้านจ้องมองอย่างสนใจ รวมถึงฉัน และผู้ชายหน้าตาดีที่นั่งตรงข้ามกันอย่างหมอปีร์ พี่หมอจ้องมองเขาคนนั้นตาเขม็ง ต่างจากฉันที่เมื่อเห็นว่าเขาเป็นใคร ก็รีบก้มหน้าลงหลบสายตา “คุณชาร์ลใช่ไหมคะ? ขอถ่ายรูปได้ไหมคะ?” ผู้หญิงใบหน้าสวยเด่น กับท่าทางมั่นอกมั่นใจ เดินเข้าไปขวางทางเขาคนนั้นพร้อมกับเอ่ยปากถาม รวมถึงยกโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมถ่ายรูป ทั้งที่เจ้าตัวยังไม่เอ่ยปากอนุญาต ดวงตาสีฟ้าสวยมองจ้องมาทางฉัน ใบหน้าไม่แสดงออกทางอารมณ์ แต่ดวงตาคู่นั้นของชาร์ล ฉันเห็นแววความโกรธที่อยู่ด้านในชัดเจน ฉันกับเขาเป็นเพื่อนกันมานาน และฉันรู้จักเขาดีถึงดีมาก ‘เขา’ คนที่กำลังเป็นจุดสนใจของผู้คนอยู่ในตอนนี้ มีชื่อว่า ชาร์ล หรือ คาลโล หนุ่มหล่อเชื้อสายไทย อิตาลี (พ่อไทย- แม่อิตาลี) นักศึกษาคณะบริหารชั้นปีที่สี่ ภาคอินเตอร์ มหาวิทยาลัย X หนุ่มหล่อดีกรีเดือนคณะ ที่ความหล่อเหลาของใบหน้า ไม่ได้โด่งดังอยู่แค่ในรั้วมหาวิทยาลัย ด้วยความที่เขาทั้งหล่อ ทั้งรูปร่างดี แถมส่วนสูงยังโดดเด่น บวกกับมีแม่เป็นนางแบบชื่อดัง เขาจึงมีโอกาสไปโลดแล่นอยู่ในวงการนายแบบ ทำงานในวงการนั้น ตั้งแต่ยังไม่เข้าเรียนมหาวิทยาลัย จนตอนนี้เขากลายเป็นนายแบบชื่อดัง ไม่ต่างจากแม่ของเขา ฉันกับชาร์ลเจอกันครั้งแรกตอนขึ้นมัธยมปลาย ตอนนั้นฉันไม่สนิทกับชาร์ลเท่าไหร่ แต่เพราะเขาสนิทสนมกับฟาโรห์ เพื่อนสมัยเด็กของฉัน ไม่นานเขาก็กลายมาเป็นเพื่อนสนิทของฉันอีกคน จนกระทั่งตอนนี้ เราก็ยังเป็นพื่อนกันอยู่เหมือนเดิม พรึ่บ! ชาร์ลเดินหนีจากผู้หญิงคนนั้นมาอย่างไม่ใส่ใจ ย่อนสะโพกลงบนเก้าอี้ว่างข้างๆฉัน การกระทำอันรวดเร็วของเขาทำให้ฉันตกใจมาก ส่วนพี่ปีร์ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า แต่เห็นชัดเลยว่า ฟันของเขากำลังขบกันอยู่ เขาคงข่มอารมณ์อย่างหนัก ไม่ให้พุ่งตัวมาปล่อยหมัดใส่คนที่นั่งอยู่ข้างๆฉัน “ข้าว อร่อยไหมครับคุณหมอ?” ชาร์ลเอ่ยถามพี่ปีร์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ฉันกับพี่ปีร์ที่โดนชาร์ลทำแบบนี้ใส่บ่อยครั้ง ไม่ได้รู้สึกวางใจกับรอยยิ้มนั้นเลย ฉันมองใบหน้าหนุ่มลูกครึ่งอิตาลีด้วยสายตาอ้อนวอน หวังขอความเห็นใจจากเขา ชาร์ลหันมามอง แสยะยิ้มกว้างจนฉันขนลุกไปทั้งตัว “คงจะอร่อยมากเลยสินะ ‘ของ’ ที่มัน ‘เหลือ’ มาจากผมเนี่ย!” ชาร์ลลากเสียงตรงคำว่าของ และคำว่าเหลือ อย่างต้องการยั่วอารมณ์พี่หมอให้โกรธ แต่กลับเป็นฉันมากกว่าที่โกรธ เมื่อโดนเขาตราหน้าว่าเป็นเพียงแค่ของเหลือ “ชาร์ล! มันจะมากไปแล้วนะ!” ฉันกดเสียงต่ำ มือทั้งสองข้างกำแน่น พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อคุมระดับความโกรธไว้ แต่เหมือนมันจะไม่ไหว เพราะคนข้างๆ ยังพยายามยั่วให้โกรธด้วยประโยคต่อมา “ก็พูดความจริง!” ชาร์ลลอยหน้าลอยตาพูด ไม่สนใจเลยว่าคำพูดแบบนั้นของเขา จะทำให้คนที่ได้ยินมัน ตีความหมายไปในแง่ไหนบ้าง หลายคนมองมาที่เรา จ้องหน้าฉันจากนั้นก็หันไปซุบซิบกัน พี่ปีร์ขยับมือเหมือนจะเอื้อมมาจับมือฉัน ฉันส่ายหน้าให้เขาช้าๆ เพื่อบอกเขาว่า ฉันยังทนไหว ของเหลือเหรอ … สำหรับเขา ฉันคงมีค่าแค่นั้น แต่สำหรับคนอื่น อาจจะไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้ โดยเฉพาะกับคนที่เข้าอกเข้าใจฉันดีอย่างพี่ปีร์ “เราย้ายร้านไปทานอย่างอื่นดีไหมคะ?” ฉันถามพี่ปีร์ด้วยรอยยิ้ม พยายามไม่สนใจคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ชาร์ลหัวเราะหึๆในลำคอ ฉันยังคงทำแบบเดิมนั่นก็คือไม่สนใจเขา ขยับตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ ยังไม่ได้เดินไปหาพี่ปีร์ ก็ถูกดึงแขน กระชากลากถูออกไปจากตรงนั้น “ปล่อยนะชาร์ล!/ ปล่อยซีนะ!” “หึ! ก็ลองเข้ามาแย่งไปดูสิครับคุณหมอ” ชาร์ลหยุดการลากถูฉันบริเวณกลางร้าน คำประกาศกร้าวของเขา ดังจนคนทั้งร้านให้ความสนใจมากกว่าเดิม ฉันก้มหน้าลงต่ำ ไม่เพียงแค่รู้สึกอับอาย ยังไม่อยากถูกใครถ่ายรูปหรือวีดีโอไปด้วย แต่มันคงไม่ทันแล้วแหละ เพราะตอนนี้ผู้คนกำลังถือโทรศัพท์บันทึกภาพเหตุการณ์ทั้งหมดไว้ และไม่นานมันคงถูกอัพโหลดลงโซเชี่ยลมีเดีย และอีกไม่นานข่าวของฉันกับนายแบบที่ชื่อชาร์ล คงกระจายไปทั่วประเทศ “พี่ปีร์ไม่จำเป็นต้องเข้ามาแย่งหรอกค่ะ เพราะซีกับชาร์ล เราเป็นแค่เพื่อนสนิทกัน ชาร์ลคงมีเรื่องด่วนจะคุย ซีขอไปคุยกับเขาสักครู่นะคะ” ฉันพยายามคลี่คลายสถานการณ์ตรงหน้า ไม่ให้คนที่กำลังยกมือถือขึ้นถ่าย หรือคนที่จะได้เห็นคลิปหลังจากนี้เข้าใจผิด ส่งยิ้มให้พี่ปีร์ที่ตอนนี้อยู่ในสถานะคนรัก ก่อนจะเงยหน้ามองเพื่อนสนิท เพื่อนที่ครั้งหนึ่งฉันเคยรักเขามาก “หึ! / เดินนำไปสิ มีเรื่องจะคุยไม่ใช่เหรอ” ฉันไม่สนใจเสียงเยาะหยันที่ออกมาจากริมฝีปากกระจับสวย เอ่ยเร่งให้ชาร์ลขยับตัว แต่ดูเหมือนเขายังไม่อยากไปไหน ฉันจึงเลื่อนมือไปจับมืออีกข้างของเขา บีบเบาๆ และออกแรงดึง ใช้เวลาไม่ถึงสิบวิ ชาร์ลก็ก้าวขาตามมา เส้นทางที่ฉันกับชาร์ลเดินผ่าน ได้รับความสนใจจากผู้คนมากมาย ฉันถอนหายใจเบาๆ ก้าวเดินต่อไปแบบไม่หยุดพัก และไม่สนสายตาใครหน้าไหนทั้งนั้น ใครจะเข้าใจแบบไหนก็ช่างสิ เพราะสำหรับฉัน เรื่องที่เกี่ยวกับชาร์ล มันจบลงไปแล้ว “มีอะไร?!” ฉันไม่อยากไปไหนไกล จึงหยุดเท้าลงเมื่อเดินมาถึงบริเวณทางหนีไฟของชั้น ปล่อยมือออกจากมือของเขา กอดอกถาม สายตามองตรงทั้งที่ควรเงยหน้าขึ้นมองคู่สนทนา ฉันเตี้ยด้วยแหละ แต่เมื่อก่อนฉันเงยหน้ามองเขาได้ไม่มีปัญหาอะไร ตอนนี้ระหว่างเรามันไม่เหมือนเดิมแล้ว ฉันจึงเลิกแหงนหน้ามองเขาเป็นอย่างนั้นมาเกือบหนึ่งปี “คบกับมันแล้วเหรอ?” ชาร์ลถามเสียงขุ่น สีหน้าแสดงความไม่พอใจออกมาชัดเจน “อืม ตกลงคบกันเมื่อวาน” ฉันตอบเสียงเรียบ พยายามบอกตัวเองว่าอย่าหวั่นไหว แต่เชื่อไหมว่ามันทำไม่ได้ ท่าทางที่เหมือนกำลังหวงของชาร์ล มันสร้างกระแสบางอย่างในหัวใจ แต่เพียงแค่ไม่นานฉันก็รีบสลัดมันออ “ทำแบบนี้เพื่ออะไรวะ?” “ที่ต้องถามมันฉันนะชาร์ล แกจะมาวุ่นวายกับฉันทำไม จบแล้วก็จบไปสิ” “ฮ่าๆ! จบแล้ว?… พูดง่ายจังเลยนะ!” หมับ! มือใหญ่จับหมับเข้าที่ปลายคางพร้อมกับบีบแน่น “อึก! เจ็บนะ!” “ถ้ามันจบได้ง่ายขนาดนั้น ทำไมมึงไม่จบมันตั้งแต่ทีแรก เข้ามาป่วนชีวิตกู แล้วจะหนีไปมีความสุขคนเดียวงั้นเหรอ มึงอย่าหวัง ไม่มีทางหรอก!” “อึก! ขะ! ขอ / หุบปาก! เก็บคำขอโทษของมึงไว้เลยซี! จำไว้เลยนะ ว่าชีวิตมึง ไม่มีวันได้มีความสุขหรอก!” ดวงตาสีฟ้าสวยเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ซึ่งมันไม่ต่างจากฉันเท่าไหร่ เพียงแต่ฉันซ่อนมันไว้ได้เร็วกว่า เพราะไม่อยากให้เขาเห็นมัน และรู้ว่าฉันยังรู้สึกผิดกับเหตุการณ์นั้นอยู่เสมอ “หึ! ว่าง่ายแบบนี้ให้มันตลอด!” เมื่อเห็นฉันเงียบ ชาร์ลก็ปล่อยมือจากปลายคาง เขาพูดพร้อมกับตบฝ่ามือใหญ่ลงบนแก้มฉันเบาๆ ร่างกำยำที่มีความสูงมากถึง 189 เซนติเมตร ถอยออกไปยืนอยู่ห่างๆ ราวกับว่ารังเกียจ อ่า … ทำไมก่อนหน้านั้น ฉันถึงคิดว่าเขาหวงฉันได้นะ ไอ้นิสัยชอคิดเข้าข้างตัวเอง เมื่อไหร่จะแก้มันได้สักที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD