ช่วยเหลือ2

1398 Words
ด้านจิงอี้เมื่อไม่มีใครอยู่แล้วก็เอ่ยกับบุรุษตรงหน้า "องค์ชายใหญ่ กระหม่อมจิงอี้พะย่ะค่ะทรงจำได้หรือเปล่า" จ้าวเทียนหยางมองหน้าจิงอี้อีกครั้งก็จำได้ทันที "จิงอี้เป็นจิงอี้จริงๆด้วย เสด็จพี่พวกเราในที่สุดก็จะพบเสด็จอาเสียที" "จิงอี้หรือ เจ้าสบายดีหรือไม่ เสด็จอากับพระชายาล่ะ หรงเอ๋อร์ด้วยพวกเขาเป็นเช่นไรบ้าง" จ้าวเทียนเฟยเอ่ยถาม เสียงอ่อนแรงเต็มทีน่าแปลกที่พอล้างแผลแล้วเหมือนพิษที่โดนจะเจือจางลง "ท่านอ๋องกับซื่อจื่อสบายดี แต่พระชายาเหมือนจะถูกคนของหลิวกุ้ยเฟยวางยา กระหม่อมกับแม่นางซ่งที่ช่วยพระองค์จากหมาป่าผู้นั้นจึงขึ้นเขามาเก็บสมุนไพรบางอย่างพะย่ะค่ะ" "นางเป็นสตรีหรอกหรือ" จิงอี้ค่อยๆพยุงจ้าวเทียนเฟยไปยังพื้นที่ปูด้วยใบไม้แล้วให้เขานอนลง "องค์ชายทรงพักผ่อนเถอะพะย่ะค่ะ แม่นางซ่งเก่งมากอีกทั้งยังมีท่านหมอเมิ่งมาด้วย" จ้าวเทียนเฟยพยักหน้าก่อนจะหลับตาจิงอี้จึงถามเรื่องราวจากองค์ชายห้าแทน "ข้าได้ข่าวว่าเสด็จอาจะมาที่อำเภอเป่าซานจึงไปพักแล้วรอที่นั้น มีคนส่งข่าวให้จึงรีบออกมาพบ แต่ถูกคนโจมตีหลังจากนั้นเสด็จพี่ถูกยิง ส่วนฉินลู่กับฉินตงหลอกล่อพวกเขาไปอีกทางให้ข้ากับเสด็จพี่หนีมา จนมาถึงที่นี่ไม่รู้ว่าไกลแค่ไหน ธนูอาบยาพิษ โชคดีข้ามียาแก้พิษอยู่แต่ก็เพียงแค่สองเม็ด หากยังหายาถอนพิษไม่ได้ เสด็จพี่อาจมีอันตราย ตอนนี้ข้าก็เป็นห่วงพวกเขาเช่นกัน" จ้าวเทียนหยางเล่าสิ่งที่เกิดให้จิงอี้ฟัง "อย่าห่วงเลยพะย่ะค่ะสองคนนั้นเป็นองครักษ์เกราะทองของฝ่าบาทที่ประทานให้พระองค์ฝีมือไม่ธรรมดา ทรงพอจะรู้หรือไม่ว่าคนที่ลอบทำร้ายพระองค์กับองค์ชายใหญ่เป็นผู้ใด" "เท่าที่ข้าดูเเหมือนคนของยุทธภพมากกว่า การลงมือไม่เหมือนทหารทั่วไปหรือองครักษ์ แต่ก็ไม่อาจตัดเสนาบดีหลิวกับเสด็จพี่สามออกไปจากผู้ต้องสงสัยได้" มีเสียงฝีเท้าเดินมาดูจากน้ำหนักเท้าน่าจะเป็นเมิ่งหยวนทั้งคู่จึงยุติบทสนทนา แล้วนั่งนิ่งเหมือนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จ้าวเทียนหยางภายนอกดูเป็นองค์ชายเสเพล แต่เบื้องหลังคือเจ้าของหอฮวาเซียงเลื่องชื่อรับซื้อและขายข่าวในยุทธภพ ราชสำนักและแคว้นต่างๆเปิดหอนางโลมก็เพื่อบังหน้า เรื่องนี้นอกจากเขาจิงอี้จิงเสวียนกับซื่อจื่อแม้แต่ท่านอ๋องและองค์ชายใหญ่ก็ยังไม่ทราบ บางทีอาจมีคนรู้ตัวตนขององค์ชายห้าถึงได้ลงมือ ต้องหาทางติดต่อซื่อจื่อให้เร็วที่สุด เมิ่งหยวนเดินเข้ามาในถ้ำก็เห็นทั้งสามคนนั่งอยู่คนละที่จึงไม่ได้สงสัยอะไร ทีแรกเหมือนพวกเขารู้จักกันแต่ดูแล้วคงไม่ใช่ สักพักซ่งจื่อหรูก็หิ้วไก่ที่ถอนขนควักไส้แล้วมาสองตัวกับผลไม้ในตระกร้า ฝนเริ่มลงเม็ด "อย่าแปลกใจเลย ที่นี้เป็นป่าร้อนชื้นต้นไม้หนาแน่นฝนตกก็ไม่แปลกหรอก ดีเหมือนกันจะได้ล้างกลิ่นคาวเลือดและกลบกลิ่นพวกเราจากสัตว์เหล่านั้น พี่จิงอี้ก่อไฟเถอะจะได้ดูว่า ผู้ชายคนนั้นสามารถช่วยได้หรือไม่" จากนั้นจิงอี้ก็ลงมือก่อไฟดีที่เก็บเศษไม้มาได้เยอะจิงอี้จึงก่อไฟ ตอนนี้ฝนตกโชคดีที่บริเวณปากถ้ำมีกิ่งไม้แห้งพอให้ได้ใช้ทำฟืน ทันทีที่ก่อกองไฟทั้งถ้ำก็สว่างซ่งจื่อหรูมองบริเวณรอบๆ แม่เจ้านั่นมันหินหยกนี่ดูจากสายตาทุกคนพวกเขาไม่น่าจะรู้ นี่น่าจะเป็นถ้ำหินหยกแทบทั้งถ้ำเจ๊ไม่รวยคราวนี้จะรวยครวไหนวะ จากนั้นก็ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ จิงอี้นำไก่ไปย่าง ส่วนตัวนางเดินมาดูคนเจ็บ "ท่านหมอเมิ่งท่านมั่นใจแค่ไหนว่าจะถอนลูกธนนูออกได้ โดยที่เขาไม่เสียเลือดมากเกินไป" "เจ้ามีวิธิอื่นหรือไม่พ่อหนุ่มซ่ง หากถอนโดยตรงข้าเองก็ไม่แน่ใจ" เมิ่งหยวนเอ่ยแก่ซ่งจื่อหรู "นี่พี่ชาย ข้าจะใช้มีดค่อยๆผ่าเอาลูกธนูออกมา วิธีนี้จะทำให้พิษจากลูกธนูไม่กระจาย แต่ว่าท่านต้องทนมันเจ็บมากนัก" ซ่งจื่อหรูถามเขา "พี่ใหญ่ หากท่านทนไม่ไหวข้าแบกท่านลงเขาไปหาหมอในเมืองดีหรือไม่" จ้าวเทียนหยางกังวลว่าพี่ชายของเขาทนไม่ไหวจึงเอ่ยถาม "น้องห้า บุรุษต้องมีความกล้าพี่สอนเจ้าเสมอมิใช่หรือ มาเถอะท่านหมอพ่อหนุ่มน้อยข้ายินดี" จ้าวเทียนเฟยเอ่ยกับทั้งคู่ ซ่งจื่อหรูให้จิงอี้นำไม้มาให้จ้าวเทียนเฟยกัดไว้ ก่อนจะนำมีดไปลนไฟ จากนั้นก็ลงมือเฉือนเนื้อที่ถูกพิษออกและค่อยๆกรีดลงไปผ่าเอาลูกธนูออกมา เมิ่งหยวนถึงกับตะลึงลงมือวิธีนี้ต้องใจกล้าเพียงใด เขาเป็นหมอมานานยังไม่กล้าลงมีดกับคนไข้แต่เด็กคนนี้อายุเท่าไหร่กันนึกจะปาดก็ปาดนึกจะเฉือนก็เฉือน อีกอย่างมีดของนางนั้นคมมาก แม้แต่กระบี่หรือดาบสั้นของเหล่าขุนนางเศรษฐีทั้งหลายยังไม่คมเท่ากับของนางสักนิด เมื่อซ่งจื่อหรูกรีดจนถึงเงี่ยงลูกธนูก็ค่อยๆดึงออกมา จ้าวเทียนเฟยนั้นเจ็บมาก แม้ว่าเขาจะไม่ร้องสักแอะแต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหวสลบไป หลังจากดึงลูกธนูออกมาได้ซ่งจื่อหรูก็ล้างแผล นางตัดต้นไผ่มาต้มน้ำแทนกา จากนั้นก็รอจนอุ่นนำมาล้างบาดแผล เมิ่งหยวนใส่ยาเรียบร้อยก็ให้เขาพักผ่อน ด้านนอกฝนหยุดแล้วไก่ย่างสุกแล้วทุกคนนั่งลงกิน ซ่งจื่อหรูปัดมือก่อนจะเอ่ยกับผู้มาใหม่ "พวกข้าต้องขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพร ฟืนนี้อย่าให้ขาดพี่ชายเจ้าอาจมีไข้ในถ้ำหนาวนักเข้าใจหรือไม่" "แล้วพี่ชายข้าจะฟื้นเมื่อไหร่ เจ้าหนูช่วยคนต้องช่วยให้ถึงที่สุดมิใชหรือ" จ้าวเทียนหยางเป็นห่วงพี่ชาย แม้จะห่วงอาสะใภ้ที่ต้องถอนพิษแต่ตอนนี้พี่ชายสำคัญกว่า "ไม่ต้องห่วง ข้าจะรอจนเขาฟื้นจึงค่อยไป อีกอย่างข้าแซ่ซ่งไม่ใช่เจ้าหนู" "อ้อๆ ขอบคุณเจ้ามากนะเจ้าหนูซ่ง" "เอ่อ น้องชายท่านนี้ เจ้าเรียกพ่อหนุ่มนี้ว่าน้องซ่งก็พอ" จิงอี้เห็นว่าองค์ชายกำลังจะทำให้ว่าที่พี่สะใภ้ในอนาคตของตัวเองขุ่นเคืองก็รีบตัดบท เมิ่งหยวนมองดูพวกเขาเป็นระยะก่อนจะเอ่ยปาก "พ่อหนุ่มซ่ง มีดของเจ้าเนื้อดีเสียจริงๆ ได้มาจากไหนหรือหากมีขายข้าเองก็อยากได้สักเล่มจริงๆ" ซ่งจื่อหรูมองมีดในมือก่อนจะเอ่ย "เป็นมีดที่ท่านตาของข้าใช้แกะสลักงานไม้ทั่วไปน่ะขอรับท่านหมอเมิ่ง เนื้อไม้บางอย่างแข็งนัก ลวดลายต้องอ่อนช้อย มีดธรรมดาอาจทำให้ชิ้นงานเสียหาย ส่วนท่านตาได้มาจากที่ใดนั้นข้าน้อยเองก็ไม่ทราบขอรับ" จะให้เหมือนมีดที่พวกเจ้าเคยเจอได้ไง นี่ข้ามมิติมาเชียวนะใบมีดนี้เจ๊ช๊อปมาจากเยอรมันราคาไม่ต้องพูด ถ้าไม่เพราะเจ้าซ่งอวิ่นห่าวชอบกินเสต็กกับแซลม่อนและหม้อไฟที่ต้องแร่เนื้อบางๆล่ะก็ ฉันไม่ยอมจ่ายหรอกย่ะ จะเอาเหล็กเผาไฟยุคโบราณนี้มาเทียบได้เหรอ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD