ในทัณฑสถานแห่งนึงมีบุรุษแต่งกายด้วยชุดนักโทษนั่งอยู่ด้านใน ด้านนอกมีชายหนุ่มแต่งกายด้วยชุดสูทราคาแพง สวมแว่นตาสีดำแบรนด์ดัง เขายกหูโทรศัพท์เพื่อเจรจากับคนด้านใน
"ทำไม แกเอาฉันเข้าคุกแล้วนึกใจดีมาเยี่ยมงั้นเหรอ ซ่งอวิ่นห่าว เรื่องไม่ได้ง่ายอย่าแกคิดหรอก แกนึกว่าพี่สาวแกตายแล้วทุกอย่างจะจบเหรอ นี่มันเพิ่งเริ่มต้น"
ซ่งอู่เยาะเย้ยซ่งอวิ่นห่าว อย่าคิดว่าเขาอยู่ในนี้แล้วทุกอย่างจะจบคนพวกนั้นเลวร้ายกว่าที่คิด
"ผมยังมีโอกาสที่จะจัดการเรื่องราวต่าง แต่ดูเหมือนว่าคุณอามากกว่าที่ไม่มีโอกาสนั้น"
ซ่งอวิ่นห่าวยกยิ้มมุมปากหลังจากเอ่ยจบ ซ่งอู่หัวเราะเย้ยเขา
"งั้นแกมาที่นี่ทำไม มาเยาะเย้ยฉันที่เห็นฉันเป็นแบบนี้เพราะฝีมือแกงั้นสิ ฮ่าๆๆแกมันก็แค่เด็กเมื่อวานซืน ถ้าไม่มีพี่สาวแกสักคนแกมันก็แค่ขยะชิ้นนึง"
"เจ้าหนี้ที่บ่อนกำลังตามหาลูกกับเมียอาอยู่ ผมเป็นคนซ่อนพวกเขาไว้เอง อาอยากให้ใครเป็นคนเจอพวกเขาคนแรกดี"
"แกคิดจะทำอะไร ไอ้สารเลวเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเขา มีอะไรแกก็มาทำกับฉันสิวะ"
"ผมไม่รู้มาก่อนว่าอาเป็นคนรักครอบครัว อาติดหนี้พนันหลายสิบล้าน หากว่าอาเป็นคนรักครอบครัวจริงๆคงไม่ทำ"
ซ่งอวิ่นห่าวเยาะเย้ยทั้งคำพูดและสายตา
ซ่งอู่ถึงกับขาอ่อนแรง ลูกชายเขาเพิ่งจะสามขวบ ลูกสาวเขาเพิ่งขวบเดียว ไม่เขาไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น คนพวกนั้นโหดเหี้ยม จึงเอ่ยปากขอร้องคนตรงหน้า
"อวิ่นห่าว อาขอร้องช่วยพวกเขาด้วย อย่าให้คนเหล่านั้นเจอเขา ต้องการให้อาทำอะไรอายินดี จำได้ไหมตอนเด็กๆอาพาหลานไปเที่ยว หลานอยากกินอะไรอาก็ตามใจ หลานอยากขี่คออาก็ไม่เคยขัดใจ ช่วยอาเหมี่ยนกับลูกๆด้วยเห็นแก่ที่เราเคยเป็นอาหลานกัน"
ซ่งอู่วิงวอน ขุดคุ้ยความสัมพันธ์ใอดีตต่างๆซ่งอวิ่นห่าวพูดกับเขาด้วยท่าทีเฉยชา
"อาของผมคนนั้นตายไปนานแล้ว ซ่งอวิ่ห่าวที่อาเคยรู้จักก็ถูกฝั่งไปกับซ่งเหลียนฮวาพี่สาวของเขาเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงซ่งอวิ่นห่าวคนนี้ คนที่ต้องการรู้ให้ได้ว่าใครคือคนบงการทุกอย่าง ตั้งแต่อุบัติเหตุของพ่อกับแม่จนมาถึงพี่สาวผม แค่อาบอกทุกอย่างที่รู้ ผมรับรองว่าจะไม่มีใครหาพวกเขาเจอ"
ซ่งอู่น้ำตาไหล วันนั้นเขาไม่ควรตัดสินใจรับเงินสิบล้านนั้นแต่แรก ไม่เช่นนั้นเรื่องคงไม่เป็นเช่นนี้ ก่อนจะสบตาซ่งอวิ่นห่าวพูดแค่ประโยคเดียว
"สุสานของตระกูล"
เจ้าหน้าที่พาเขาเข้าไปแล้วร่างสูงยืนขึ้นก่อนจะเดินออกมาขึ้นรถลีมูซีนของตนออกไป พรุ่งนี้เช้าจะบินกลับไปเพื่อไหว้บรรพบุรุษ บางทีคำตอบอาจอยู่ที่นั่น
ภายในตึกหรูซ่งอวิ่นห่าวนั่งอ่านเอกสารรายงานการประชุมของวันนี้ มีเสียงเรียกจากอินเตอร์คอมเข้ามา
"ท่านประธาน ผู้จัดการใหญ่แห่งเจียงหม่ากรุ๊ป คุณเหลียงเฉินมาขอเข้าพบค่ะ"
"เชิญเข้ามา"
ชายวัยกลางคนแต่งตัวภูมิฐานเดินหัวเราะเข้ามา บุคคลคนนี้เขาเจอบ่อยครั้งสมัยที่พี่สาวพาไปที่ทำงานด้วย เขาเป็นลูกน้องในทีมของพี่สาวเขานั่นเอง
"โอ้ สวัสดีน้องชายอ้อไม่ใช่สิตอนนี้ต้องเรียกประธานซ่งฮ่าๆๆ"เหลียงเฉินพูดไปพร้อมกับหัวเราะ
"ยินดีที่ได้พบครับผู้จัดการเหลียง"
"อั๊ยย่ะ ห่างเหินทำไมเราคนกันเองแท้ๆ รู้จักกันตั้งแต่สมัยนายยังเรียนมัธยม ข่าวพาดหัวฉันยังจำได้เลย ผู้จัดการบริษัทใหญ่จับครูพละทุ่มกลางโรงยิมเนื่องจากดูถูกน้องชาย ตอนนั้นผู้จัดการซ่งถูกพักงานต้องหนึ่งอาทิตย์แหนะ"
"ครับ ว่าแต่คุณเหลียงมาหาผมมีธุระอะไรหรือเปล่า"
"นี่นายไม่รู้เหรอ อาของนายถูกคนข้างในซ้อมตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าฝีมือใคร"
"แล้วเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับที่คุณเหลียงมาหามาหาผมกัน หรือคุณเหลียงคิดว่าเรื่องนี้ผมอยู่เบื้องหลัง"
"ไม่ๆ อั๊ยย่ะผมแค่ผ่านมาพอดีพาภรรยามาเที่ยวเมืองไทย เห็นว่าคุณมาเปิดบริษัทกับเพื่อนคนไทยที่นี่เลยแค่แวะมาเยี่ยม จริงสิภรรยาผมรออยู่ด้านล่าง ผมต้องไปแล้ว"
เหลียงเฉินไปแล้ว สายตาซ่งอวิ่นห่าวที่มองตามไปราวกับธนูที่เล็งยิงศัตรูให้ทะลุ บรรยากาศรอบกายเย็นจนคนใกล ๆขนลุก เลขาของเขากำลังเก็บแก้วกาแฟ อยู่ๆเขาก็เอ่ยถาม
"คุณเลขา คุณมีพี่น้องหรือไม่? "
"คะ? อ้อมีค่ะคนนึงเป็นผู้ชาย ปีนี้ก็จบแล้วค่ะท่าน"
"ครอบครัวคุณล่ะ ดูแล้วคงอบอุ่น"
"พ่อแม่จากไปตอนฉันเพิ่งเรียนจบ พอดีได้งานสอนพิเศษ ส่งน้องชายเรียนต่อจนมาได้งานที่นี่ค่ะท่าน"
"คุณชื่ออะไรคุณเลขา"
"เอ่อ ปวริศาค่ะ เรียกสั้นๆว่าบัวก็ได้ค่ะ "
"บัวเหรอ? ผมกับพี่ก็มีกันแค่สองคนพี่น้องพี่ผมก็ชื่อบัวเช่นกัน เหลียนฮวาที่แปลว่าดอกบัว คุณไปทำงานเถอะขอบคุณที่คุยเป็นเพื่อน"
"ค่ะท่านประธาน"
เลขาเดินออกไปแล้ว ซ่งอวิ่นห่าวมองตามหลัง เห็นเงาของอีกคนทาบทับเธอ แค่เพียงมีชีวิตที่คล้ายกันแต่นั่นไม่ใช่พี่สาวของเขาอยู่ดี