"ท่านอ๋อง ลูกเราโตแล้วพระองค์เองก็อย่าทรงชักสีหน้าใส่เด็กคนนั้นเลยเพคะ หม่อมฉันเองก็แปลกใจเหตุใดจึงรู้สึกผุกพันกับนางนักก็ไม่รู้"
"เจ้าต้องลมหนาวไม่ได้นางยังเอาเด็กสองคนมาฝากให้ดูแลจนเจ้าต้องออกมานั่งเฝ้าพวกเขาด้านนอกจะไม่ให้โมโหนางบ้างเกรงว่าจะไม่ได้ จริงสิเมื่อคืนไม่ได้ยินเสียงเจ้าไอเลยขอโทษนะหรานเอ๋อร์ข้าละเลยเจ้าจริงๆดูท่าข้าควรรีบสะสางเรื่องราวแล้วพาเจ้ากลับเมืองหลวงสักที"
"เมื่อคืนไม่มีอาการไอแถมยังรู้สึกอุ่นด้วยเพคะ อาจเพราะหรงเอ๋อร์ทำมันต้มน้ำขิงให้กินเห็นบอกว่าอาหรูบอกมาว่ากินน้ำขิงร่างกายจะอุ่นขึ้น ท่านอ๋องถ้าไม่ได้บิดาของเด็กสามคนนั้นยอมเดินฝ่าหิมะไปตามหมอในตำบล ยอมทิ้งศักดิ์ศรีบุรุษให้หมอตำแยขึ้นหลังมาหม่อมฉันกับลูกหญิงก็อาจไม่รอดแล้ว ต่อไปเจอหน้าพวกนางทรงทำดีสักหน่อยเถอะเพคะอย่าให้ใครว่าได้ว่าพวกเราเป็นถึงเชื้อพระวงศ์แต่ไร้คุณธรรมไม่รู้คุณคน"
"ได้ๆหรานเอ๋อร์ทุกอย่างล้วนฟังเจ้า นอนพักอีกหน่อยเถอะเซียนเอ๋อร์ยังไม่ตื่นเลยอีกอย่างฟ้าก็ยังไม่สว่าง"
"ไม่แล้วเพคะเมื่อคืนหลับสบายนัก หม่อมฉันไม่ได้นอนหลับสนิทเช่นนี้มานานแล้วทุกคืนพออากาศเย็นต้องลุกขึ้นมาไอ"
"ถ้าเช่นนั้น ข้าจะให้คนไปขุดมันเทศเหล่านั้นมาต้มให้เจ้ากินเยอะๆดีหรือไม่"
"อย่าลำบากเลยเพคะเห็นหรงเอ๋อณบอกว่าชายรั้วบ้านอาหรูมีต้นขิงไม่น้อยนางบอกว่าหากที่บ้านหมดให้ไปขุดเองได้เลย พูดก็พูดเมื่อก่อนนางไม่คุยไม่สูงสิงหม่อมฉันยังกังวลว่าจะตอบแทนพวกเขาอย่างไร หลังจากหรงเอ๋อร์ขึ้นเขากับนางลูกบอกหม่อมฉันว่านางเพียงแค่ไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว นั่นก็เป็นเพราะอาหญิงของนางเด็กคนนั้นเลยไม่อยากเข้าใกล้หรงเอ๋อร์กับพวกเรา"
"แม่หนูแซ่หลี่คนนั้น กิริยามารยาทน่าเกลียดนักมาถูกใจซื่อจื่อของเรานางคู่ควรที่ไหน พระชายาหากไม่ใช่เพราะนางไปฟ้องมารดาแม่หนูซ่งคงไม่ถูกแม่เฒ่าปีศาจคนนั้นทุบตีจนสลบหรอกพะย่ะค่ะ"จิงอี้ไม่ชอบหลี่อ้ายเสิ่นเท่าไหร่เจอหน้ากันมักปะทะคารมกันเสมอ
"แม่เฒ่าปีศาจเหมือนข้าจะได้ยินซ่งจื่อห่าวพูดอยู่ครั้งนึง หมายถึงหญิงชราแซ่หลี่คนนั้นหรือ
"นางคือย่าของเด็กสามคนพะย่ะค่ะ หลี่อ้ายเสิ่นคนนั้นไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร อายุยังไม่เพิ่งจะสิบสี่ดีกลับหมายตายั่วยวนบุรุษ ช่างน่ารังเกียจเสียจริงๆ"
"จิงอี้ จิงเสียนจำไว้อย่าให้คนประเภทนี้เข้าใกล้ซื่อจื่อมากเกินไป "
"พะย่ะค่ะท่านอ๋อง"
ทั้งสองรับบัญชาจากนั้นก็หายไปในความมืด ฮั่วหรานเดินย่ำน้ำค้างหน้าบ้านสีหน้าดูดีขึ้นนางไม่ได้ออกนอกบ้านยามเช้าตรู่มานานแล้ว หลังจากให้กำเนิดฮั่วเฟยเซียนมักถูกอากาศเย็นไม่ได้ บ้านเชิงเขามักจะอากาศเย็นแต่เช้านี่ทุกอย่างช่างสดชื่นยิ่งนัก ฮั่วหย่งเห็นพระชายาของตนมีควาสุขไม่รู้ตัวเลยว่าได้รับเอาบุญคุณซ่งจื่อหรูวางไว้ในใจแล้ว
ปลายยามเหมาซ่งจื่อหรูก็มาถึงประตูทางเข้าตำบล นางนั่งรอสักพักพอฟ้าสว่างทหารที่ประจำป้อมก็เปิดประตู
ซ่งจื่อหรูจ่ายค่าผ่านทาง3อีแปะ มิน่าฮั่วเฟยหรงจึงบอกว่าไก่สองตัวนั้นไม่คุ้มให้เดินทางมา ทั้งเสียเวลาทั้งยังต้องจ่ายค่าเข้าเมือง หากวางขายต้องจ่ายค่าเช่าแผงด้วย ร้านค้าเริ่มทยอยเปิดแล้วซาลาเปาหอมกรุ่นยั่วน้ำลายเสียจริงๆ เดินไปจนเจอเข้ากับร้านขายหมูมีเขียงหมูอยู่สองเขียง มีร้านของแห้ง ร้านธัญพืช ร้านผักดอง ไม่มีผักสดสักอย่าง ร้านเครื่องเขียนกับร้านขายผ้านั้นอยู่อีกตรอกนึง
"เร็วๆเข้าขืนชักช้า เจ้ากลับไปไม่ทันก็ไม่ต้องกินข้าว"
"อาสี่ ท่านเลิกทำเช่นนี้เถอะขอรับหากอาจารย์รู้เข้าพวกเราจะถูกไล่ออก เด็กๆที่หมู่บ้านจะลำบากไปด้วย"
"เหอะคนทำคือเจ้าไม่ใช่ข้าสักหน่อย รีบๆเอาไปส่งแล้วรับเงินมาแม่นางกุ้ยฮวายังรอข้าอยู่ที่หอจันทรา"
ซ่งจื่อหรูหลบอยู่อีกมุมเสียงนั่นไม่ผิดแน่ๆนั่นคือหลี่เหิงพี่ใหญ่ของนางกับหลี่ต้าเหวินอาสี่ชั่วร้ายคนนั้น นั่นเป็นร้านหนังสือแต่ทำไมพวกเขาต้องแอบมาหลังร้านกัน สักพักหลี่เหิงก็เดินออกมาหลี่ต้าเหวินแย่งเงินพวงในมือหลี่เหิงครั้งนี้ได้ถึง2พวง
"เหอะนี่อาเหิง ในเมื่อเจ้ารังเกียจเงินที่ได้มานี่งั้นก็อย่าเอา"
"อาสี่ ข้าไม่อยากวาดภาพลามกอีกแล้วข้าไม่ได้ต้องการเรียนแล้วด้วย ข้าอยากไปเป็นช่างไม้ช่วยที่บ้าน"
"ถุย..พูดอะไรของเจ้าถ้าเจ้าไม่วาดแล้วใครจะหาเงินให้ข้า อ้อบอกให้เจ้ารู้ก่อนท่านแม่จะขายเจ้าห้ากับเจ้าสามให้บ้านเศรษฐีในอำเภอ รวมถึงให้เจ้ารองให้ไปเป็นคนงานเถ้าแก่จูด้วย เงินที่ได้นางจะให้ข้าไปสอบ หึ"
"ท่านย่าทำเกินไปแล้ว น้องห้ากับน้องสามเป็นผู้หญิงขายนางไปชีวิตจะเป็นเช่นไร น้องรองไปทำงานกับเถ้าแก่จูเขาเป็นคนเช่นไรใช่ว่าท่านไม่รู้ อาสี่ขายคนมีทะเบียนราษฎร์ย่อมผิดกฎหมายเหตุใดท่านเห็นดีเห็นงามไปด้วย เพียงแค่ขับไล่ครอบครัวอาสามที่กำลังลำบากช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ก็ไร้คุณธรรมพอแล้ว เงินที่ท่านปู่ส่งมาเดือนนึงไม่ต่ำกว่า7-8ตำลึง ท่านย่ายังต้องการอะไร"
"ผิดกฎหมายเหรอเหอะ แค่เอาชื่อนางออกจากทะเบียนบ้านก็ได้แล้วมั้ง อีกอย่างครอบครัวพี่สามเป็นตัวซวยไล่ไปก็มีเหตุผล ข้าไปล่ะตอนนี้ที่โรงครัวของสำนักศึกษาคงมีอาเหลือเจ้ารีบเดินหน่อยก็พอ จะได้ทันมื้อเช้า"
"ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าไม่ต้องการศึกษาเล่าเรียนอีกแล้วฮือๆๆๆๆ"
หลี่ต้าเหวินจากไปแล้วหลี่เหิงนั่งก้มหน้าร้องไห้ ตรอกนี้อยู่ลึกนักผู้คนที่ผ่านไปมาจึงมองไม่เห็นเด็กหนุ่มคนนึงที่กำลังก้มหน้าร้องไห้อย่างสิ้นหวัง
"ถ้าไม่เรียนแล้วท่านจะทำอะไรหรือพี่ใหญ่"
เสียงเด็กผู้หญิงคนนึงร้องเรียกจึงทำให้สติเขากลับมา เมื่อลืมตาก็เห็นเพียงเท้าเล็กๆที่สวมรองเท้าฟางขาดๆจนลูกเจี๊ยบโผล่ออกมาทักทาย(หมายถึงนิ้วเท้า)ไล่สายตาขึ้นไปก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย
"น้องสี่ เป็นเจ้าจริงๆหรือเจ้ามาได้อย่างไร แล้วน้องๆอีกสองคนเล่าพวกเจ้าๆสบายดีนะ "
"พี่ใหญ่ข้าสบายดีแต่คนที่ไม่สบายน่าจะเป็นท่านนะ ท่านไม่กลับบ้านมาตั้งเกือบสองปีตรุษจีนปีที่แล้วท่านก็ไม่กลับ ชาวบ้านต่างร่ำลือว่าบัณฑิตเช่นท่านร่ำเรียนแล้วหลงลืมบรรพบุรุษมีแค่อาสี่ที่ยังรู้จักกตัญญู จากที่ข้าเห็นดูเหมือนความกตัญญูของอาสี่จะมากเกินไปหน่อยถึงขนาดคิดขายหลานๆตัวเองไต่เต้าเป็นขุนนางเพื่อให้ท่านย่านางได้เป็นฮูหยิน"
"ข้าเองก็อยากกลับแต่อาสี่บอกว่าไม่ให้กลับ ท่านแม่แต่ก่อนยังมาหาบ้างแต่ท่านพ่อกลับมิเคยมาเลย"
"เฮ้อ พูดก็พูดบิดาท่านถ้าไม่เมาก็หลับอยู่บ้านแม่หม้ายคนใดคนนึงในหมู่บ้านนั่นแหละ วันไหนจะถูกสามีหญิงเหล่านั้นทุบจนตายใครจะรู้เฮ้อป้าสะใภ้ใหญ่ถึงจะร้ายกาจไปบ้างแต่ก็ยังมีใจคิดถึงบุตรช่างเถอะๆ วันนี้จะมีท่านอากับท่าลุงในหมู่บ้านมาช่วยซ่อมรั้วกับกำแพงบ้านให้ข้าๆเลยต้องเข้ามาหาซื้อของเลี้ยงพวกเขาสักมื้อ"
"งั้นข้าไม่รบกวนเวลาเจ้าแล้ว น้องสี่ข้าไปก่อนนะเดี๋ยวจะเข้าเรียนแล้ว"
"ไปกับข้าก่อนเถอะ ข้าขายสัตว์ป่าพอมีเงินบ้างวันนี้ข้าเลี้ยงข้าวท่านเอง เงินจากการคัดตำราต้องห้ามนั้นดูท่าอาสี่คงไม่เหลือให้ท่านสักอีแปะ ต่อให้กลับไปที่สำนักศึกษาโรงครัวยังจะเหลืออาหารอีกหรือ พวกท่านมาเรียนในตำบลคนนึงแต่งตัวเช่นคุณชาย อีกคนแต่งตัวเหมือนเด็กรับใช้ถ้าข้าไม่รู้ว่าท่านแอบสอนพี่รองอ่านเขียนข้าคงนึกว่าท่านมาเป็นคนติดตามอาสี่มากกว่ามาเรียนหนังสือ"
"เจ้ารู้...เรื่องที่ข้าสอนน้องรอง น้องสี่เรื่องนี้"
"มีแค่ข้าที่รู้ ส่วนถิงถิงนางคิดว่าเขาแอบลักจำตอนที่อยู่กับท่าน วางใจเถอะข้าไม่ใช่คนพูดมากท่านย่ากับอาสี่ไม่รู้หรอก"
จากนั้นสองพี่น้องก็พากันเดินออกจากตรอก ตรงไปร้านบะหมี่