ภายในห้องทรงอักษรจ้าวเทียนหยูนั่งหลับตา ถอนหายใจแม้ว่าจะไม่ชอบใจเสนาบดีหลิวแต่ก็ไม่อาจทำการสิ่งใดโดยไม่ใตรตรอง
หานกงกงกลับมาแล้ว มีบุรุษแต่งกายด้วยชุดสีดำทะมัดทะแมงเดินตามา จากนั้นก็ปิดประตู
"กระหม่อมเกาฟ่าน ถวายพระพรฝ่าบาท"
"กระหม่อมเกาหม่าถวายพระพรฝ่าบาท"
"อืม ตามสบาย หานกงกงส่งแม่นมเฉินเรียบร้อยแล้วหรือ"
"พะย่ะค่ะ เอ่อฝ่าบาทกระหม่อมมีเรื่องนึงไม่ทราบว่าควรทูลหรือไม่"หานกงกงสีหน้าอึกอัก
"ว่ามาเถอะ เราไม่ว่าท่านหรอก"
"องค์ชายใหญ่กับองค์ชายห้าทรงหนีออกไปเที่ยวข้างนอกนี่ก็ห้าวันแล้วยังไม่กลับวังเลยพะย่ะค่ะ หวังกุ้ยเฟยไปร้องไห้ฟูมฟายกับฮองเฮาอยู่ที่ตำหนักฉางชิง"
"เหลวไหล ส่งคนไปหาพากกลับมาแล้วให้ลงโทษขังในตำหนักหนึ่งเดือนไม่เอาไหนๆจริงๆ เกาหม่าวันนี้มีข่าวอะไรบ้าง?"จ้าวเทียนหยูถึงกับกุมขมับ
"ฝ่าบาท ท่านอ๋องติดต่อมาแล้วพะย่ะค่ะ ยังมีเรื่องอื่นให้นำข่าวมาบอกด้วยพะย่ะค่ะ"
"ทำไมเรารู้สึกว่าองครักษ์ของเราช่างไร้ประโยชน์ ยังสู้คนของเสนาบดีฝ่ายซ้ายไม่ได้"
"กระหม่อมสมควรตาย ขอฝ่าบาทลงโทษด้วย"
"องครักษ์ฟ่าน เมื่อสักครู่พระนางกุ้ยเฟยเพิ่งจะกลับไป นางได้ยินข่าวท่านอ๋องยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่จึงมาเอ่ยถามกับฝ่าบาท" หานกงกงเอ่ยขึ้น
"ช่างเถอะ หลิวต่งหูตามากมายขุนนางอยู่ฝั่งเขามีไม่น้อย ต่อไปทำอะไรให้ระวัง ท่านอ๋องติดต่อมาว่าอย่างไรบ้าง "
เกาฟานและเกาหม่าบอกเล่าถึงสถานการณ์ของจ้าวเฟยหย่ง และเซียวอวี้หรานรวมถึงจ้าวเฟยหรงว่าสบายดี ตอนนี้ได้ข่าวว่าเฟิ่งจื่อหยางอยู่ในเขตมณฑลกวางผิง อีกทั้งยังมีเด็กสาวคนนึง ค้นพบอาหารที่อาจทำให้ราษฎรผ่านวิกฤตช่วงหน้าแล้งไปได้บ้าง
"มันคืออะไร ท่านอ๋องบอกหรือไม่"
"นางเรียกว่ามันเทศกับเกาลัดพะย่ะค่ะ ท่านอ๋องรู้สึกว่านางมีความรู้เรื่องพืชพันธุ์ บางทีอาจมีประโยชน์ต่อต้าเหลียงของเรา นางบอกกับหลี่เจิ้งที่ดุแลต่อรองให้ราชสำนักละเว้นภาษีห้าปี หากตกลงกันไม่ได้อาจจะเขียนวิธีปลูกให้ ส่วนรอดหรือไม่ให้ไปหาทางเองพะย่ะคะ"
"ฝ่าบาท อำเภอสียนหยาง ตงผิง เป่าซาน หนานเป่ย ล้วนอยู่ในเมืองกว่างผิงพะย่ะค่ะ ที่ผ่านมากว่างผิง เป็นเมืองที่แทบเก็บภาษีไม่ได้เลย ราษฎรเพาะปลูกพืชผลไม่ได้ดีนักพะย่ะค่ะ เด็กคนนี้นับว่าพอมีความรู้ "เกาหม่ารายงาน
"นางยังว่าอะไรอีก นอกจากเรื่องละเว้นภาษี"
"นางบอกว่าทรงมีขุนนางมากมายเลี้ยงเสียเบี้ยหวัดไปวันๆ ช่างไร้ประโยชนย์พะย่ะคะ"
"ฮ่าๆๆๆ เด็กคนนี้ช่างกล้าวิจารย์ราชสำนักเสียจริงๆ ได้เราจะเขียนตอบกลับ พวกเจ้าจัดคนกลุ่มนึงไปตามหาองค์ชายใหญ่กับองค์ชายห้าด้วย คาดว่าคงรู้ข่าวหรงเอ๋อร์ถึงแอบหนีออกจากวัง"
เกาฟ่านกับเกาหม่าไปแล้วจ้าวเทียนหยูจึงเอ่ยถามกับหานกงกง
"อาจารย์ แซ่หลี่นี่อยู่เมืองกว่างผิงใช่พวกเขาหรือไม่"
"ฝ่าบาท ตอนนี้อย่าเพิ่งกังวลเรื่องอื่นเลยพะย่ะค่ะ ศัตรูไม่ได้อยู่เพียงนอกวังเท่านั้นทรงระวังไว้หน่อยก็ดี"
ตำหนักซู่ฟาง
ร่างระหงสวมอาภรณ์สีม่วงนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้กลมสลัดลวดลาย ตรงข้ามสตรีอีกคนแม้จะอายุ50แต่ยังกลับดูเหมือนจะสามสิบปลายๆ สวมอาภรณ์สีขาวปล่อยผมสยายข้างกายมีสาวใช้สองคนยืนอยู่
จ้าวเทียนหยูเดินเข้ามาถึงหน้าตำนัก เงยหน้ามองป้ายด้านบนแล้วถอนหายใจ เขาเป็นฮ่องเต้อยู่เหนือคนนับล้าน แต่กลับไม่กล้าเจอหน้ามารดากับฮองเฮาของตนมาเกือบสี่ปีทั้งที่อยู่ห่างกันไม่ได้ไกลแต่กลับไม่กล้าสู้หน้า
"อาจารย์ นางนอนหรือยัง"
"ทูลฝ่าบาท ไทเฮาทรงเรียกฮองเฮามาอยู่เป็นเพื่อนพูดคุย ยังไม่ทรงบรรทมพะย่ะค่ะ"
"อืม...อาจารย์ถ้าเช่นนั้นพวกเรากลับเถอะ"
"จะไม่ทรงเข้าไปจริงๆหรือพะย่ะค่ะ"หานกงกงเอ่ยถาม
"มีฮองเฮาอยู่เสด็จแม่คงไม่เป็นไร อาจารย์เราผิดต่ออวี้หรูจริงๆ ทั้งที่รู้ว่าเซียวอวี้หรานเป็นญาติคนเดียวที่นางมีเราไม่ควรให้นางเดินทางไปด้วย"
"ฝ่าบาท อย่าทรงตำหนิพระองค์เองพะย่ะค่ะ เกาฟ่านบอกแล้วว่าพระชายาสบายดีอีกทั้งยังคลอดท่านหญิงน้อยออกมาอย่างปลอดภัย ที่พระองค์ทรงทำเช่นนั้นก็เพื่อต้าเหลียงเพื่อราษฎรนะพะย่ะค่ะ"
"พวกเรากลับเถอะ เรายังไม่กล้าสู้หน้าพวกนางตอนนี้ รอข่าวจากสองคนนั้นอีกครั้งก่อน"
จ้าวเทียนหยูเดินกลับตำหนัก เซียวฮองเฮาเปิดประตูออกมาพอดีเพื่อจะกลับตำหนักตนเอง สาวใช้ชุ่ยเอ๋อร์เห็นชายเสื้อคนที่เดินจากไปจึงเอ่ยขึ้น
"ฮองเฮา นั่นมิใช่ฝ่าบาทหรอกหรือเพคะ"เถาฮวานางกำนัลคนสนิทอีกคนเห็นเสื้อคลุมสีทองที่เพิ่งเดินพ้นชายคาตำหนักซู่ฟางไปก็เอ่ยกับเซียวอวี้หรู
"เถาฮวา ชุ่ยเอ๋อร์พวกเรากลับเถอะ ข้าเพลียแล้ว"
ทั้งสามคนเดินกลับอีกทาง เซียวอวี้หรูหัวใจหนักอึ้ง เท้าที่ก้าวเดินเหมือนมีหินสักร้อยชั่งถ่วงอยู่ สี่ปีมาแล้วนางไม่เคยเชื่อว่าเซียวอวี้หรานน้องสาวของนางกับจ้าวเฟยหรงหลานชายจะจากไป เพียงแต่พวกเขามีเรื่องจำเป็นปรากฏตัวไม่ได้