“อ๊าาาาาา นุช อื้ม อ๊า ดีมาก อื้อ อ๊าาาาาา”
เสียงครวญครางเริ่มดังขึ้นเมื่อปากเล็กอันแสนช่ำชองทั้งดูดทั้งเลียแท่งรักอย่างกับว่ามันเป็นขนมหวานชิ้นโปรดจนร่างใหญ่เริ่มหดเกร็งเมื่ออีกไม่นานจะปลดปล่อยออกมาถ้าเธอยังไม่หยุดทำ
“พะ...พอแล้วนุช อ๊า นุช ผม...ผมจะไม่ อ๊ะ ไม่ไหวแล้ววววว กึด! อ๊า!”
ยิ่งได้ยินเสียงครางของเขา นีรนุชยิ่งทำเร็วขึ้นเรื่อยๆจนวาคินทานทนต่อไปไม่ไหวปลดปล่อยออกมาเต็มปากเล็กของเธอ นีรนุชกลืนกินมันจนหมดทุกหยาดหยดก่อนจะเลื่อนตัวขึ้นยืนมองคนตรงหน้าอย่างเสน่หา
“อร่อย”
เธอบอกขึ้น ก่อนที่ปากร้อนของวาคินจะกดจูบลงมาบนปากเล็กอย่างรุนแรง เรียวลิ้นสากตวัดดูดดึงด้วยแรงจากราคะทั้งหมดที่มี เมื่อทั้งสีหน้า คำพูดและการกระทำของเธอนั้นสามารถดึงความดิบเถื่อนภายใต้จิตใจของเขาออกมาได้จนหมด มือใหญ่เอื้อมลงไปกระชากแพนตี้น้อยจนขาดวิ่นพร้อมกับกดเอ็นร้อนสอดใส่เข้าไปในร่องรักสาวอย่างไม่ปราณี
“อื้อออออ อ๊าาาาาา คินคะ อ๊า ที่รัก เร็ว อื้อ นุชต้องการคุณ อ๊า คิน...”
จากนั้นวาคินก็ไม่รีรออีกต่อไป เขามอบบทรักหนักหน่วงรุนแรงใส่นีรนุชไม่ยั้ง ชายหนุ่มนั้นเป็นพวกที่มีความต้องการทางเพศเข้าขั้นสูงมาก ตลอดเวลาที่คบกับมิรันเขาแทบไม่อยากรอให้ถึงวันแต่งงานตามที่เธอขอไว้จนในที่สุดนีรนุชก็เดินเข้ามาเสนอทางเลือกนี้ให้กับเขา คนแก้ขัดเวลาที่เขาต้องการ เขาคิดว่าหลังจากแต่งงานแล้วจะขอยุติความสัมพันธ์กับเธอแท้ๆ ทั้งสองเฝ้าเริงรักกันจนกระทั่งถึงเวลาต้องไปทำงานต่อ นีรนุชที่อิ่มเอมรีบจัดเสื้อผ้าให้กลับเข้าที่ ก่อนจะมองไปที่แพนตี้ตัวจิ๋วของตัวเอง ที่นอนหมดอายุการใช้งานอยู่บนพื้น
“นุชรบกวนให้คุณหมอเก็บให้ด้วยนะคะ คงใช้งานไม่ได้แล้ว...”
พยาบาลสาวพูดขึ้นพร้อมกับช้อนตามองไปที่ร่างใหญ่ของวาคิน ที่นอนหอบหมดแรงอยู่บนเก้าอี้ทำงานก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานของเขาไปทั้งๆที่ไม่ได้ใส่ซับในอย่างไม่คิดอายใครเมื่อเธอยังมีกระโปรงปกคลุมอยู่
“อ๊ะ! อ๊าย! นี่ทำอะไรของพี่ห๊ะ อ๊ะ อยะ...อย่านะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
พอเดินออกจากห้องทำงานของวาคินมาได้สักพัก ร่างบางของนีรนุชก็ถูกกระชากหลบเข้าไปที่ใต้บันไดหนีไฟ ก่อนปากเล็กที่กำลังจะอ้าร้องถูกปิดลงด้วยปากร้อนที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นบุหรี่
“อื้อๆๆๆ อ๊ะ อ๊า หยุดนะ พี่จะทำอะไรน่ะ ไม่นะ พี่ชัช อื้อออออ”
“ฮึ่ม พี่รู้นะว่านุชไปทำอะไรมา อื้ม ยังแฉะอยู่เลย แล้วไม่ใส่กางเกงในรึไง ฮึ่มมมมมม อื้มมมม”
เสียงแหบกระสันของ ชัชวาล บุรุษพยาบาล แฟนหนุ่มของนีรนุชเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งดูดเลียไปตามซอกคอขาวอย่างตะกละตะกลาม มือใหญ่เอื้อมเข้าไปลูบไล้กลางกายสาวอย่างหนักมือก่อนจะพบว่ามันไร้สิ่งกีดขวาง เขาถึงกับครางออกมาอย่างพึงพอใจ นิ้วยาวเลื่อนไล้สอดใส่เข้าไปในร่องรักที่ยังอ้าหลวมของแฟนสาวอย่างต้องการพร้อมกับยกขาเรียวขึ้นสูง ส่วนอีกมือร้อนรนดึงกางเกงที่ใส่อยู่ของตัวเองลงเพื่อปลดปล่อยความต้องการออกมา
“อ๊ะ! อ๊า พี่ชัช อื้มมมมม นุช อ๊ะ นุชไม่ไหวแล้ว....อ๊า พี่ชัช...”
“อ๊าาาาา ทำไม ไปอ้าให้มันเอามาแล้ว พอผัวจะเอาบ้างทำไมจะไม่ได้ห๊ะ พี่เป็นผัวเธอนะ หรือว่าอยากเอามันมาแทนห๊ะ! ฮึ่มมมม”
ชัชวาลกระซิบชิดหน้าสวยของนีรนุชพร้อมกับยกมือขึ้นกอบกำไปที่ลำคอระหง แก่นกายใหญ่ที่สอดใส่เข้าไปกระแทกสุดแรงที่มีไม่ยั้งจนนีรนุชแทบพูดอะไรไม่ออก เมื่อทั้งจุกทั้งเสียวจากแรงรักของแฟนหนุ่ม
“อ๊ะ! อ๊ะ! อ๊ะ! อื้อออ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า อ๊า พี่ชัช อื้อ อ๊า อู้ว พี่ชัช...”
“พี่ให้เธอไปเอากับมันไม่ใช่ให้ไปรักมันเข้าใจไหม เธอจะเอากับมันมากขนาดไหนก็ได้แต่เธอไม่มีวันหนีพี่ไปหามันได้ จำเอาไว้ ถ้าเอากับมันตอนไหนพี่ก็จะเอากับเธอหลังจากที่เธอเอากับมันมาอย่างนี้ เข้าใจไหม”
ชัชวาลบอกขึ้นอย่างไม่ได้ลดแรงกระแทกสอดใส่ลงเลยสักนิดแถมยังหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆจนนีรนุชแทบอยากสลบลงตรงนี้เมื่อแค่เอากับวาคินเธอก็แทบไม่มีแรงเหลือแล้ว แล้วยังมาเจอกับคนอย่างชัชวาลที่มีความต้องการมากมายและหนักหน่วงอีก มีหวังวันนี้เธอได้แกล้งป่วยอีกเป็นแน่แท้ เธอกับชัชวาลนั้นคบกันมาก่อนที่จะไปมีความสัมพันธ์กับวาคินเสียอีก เธอไปแอบมีความสัมพันธ์ลับๆกับคุณหมอหนุ่มและโดนแฟนจับได้คาหนังคาเขาจนโดนทำโทษเกือบตายมาแล้วรอบนึง แต่สุดท้ายชัชวาลก็ต้องยอมให้เธอมีอะไรกับวาคินเพื่อผลประโยชน์ของเขาและเธอเอง แต่มีข้อแม้ว่าเธอจะให้แค่ร่างกายแต่ห้ามให้หัวใจกับคุณหมอหนุ่มเด็ดขาด และนีรนุชก็คิดว่าทำได้แน่นอน ทุกอย่างจึงไม่มีปัญหานานนับสองปีแล้ว
“แกว่ายังไงนะ! ตาคิน...ตาคินเนี่ยนะนอกใจแก นี่แกคิดไปเองรึเปล่า”
พอเริ่มได้สติ มิรันเลยตัดสินใจบอกความจริงกับคุณเนตรา ทำเอาคุณเนตราที่เห็นว่าที่ลูกเขยเป็นสุภาพบุรุษแถมยังเป็นคุณหมอหนุ่มหล่อมาตลอดถึงกับไม่อยากเชื่อ
“แต่รันได้ยินมากับหูเห็นมากับตา ฮึก รันก็ไม่อยากเชื่อ เขาทำอย่างนั้นกับรันได้ยังไง”
“โธ่ ถ้ามันเป็นเรื่องจริงแกก็ควรจะบอกแม่สิ แม่จะได้จัดการให้ เอาเก็บไปคิดคนเดียวแล้วยังหนีไปแบบนั้น รู้ไหมว่าแม่เป็นห่วงขนาดไหน”
“รันขอโทษ ตอนนั้นรันแค่อยากจะแก้แค้นคนเลวๆแบบนั้นจนลืมถึงคุณแม่ไปเลย...”
“เฮ้อ แกคิดถูกแล้วที่ไม่อยู่แต่งงานกับคนแบบนั้น ขืนแต่งไปก็คงมีแต่ทุกข์เปล่าๆ โธ่เอ้ยยัยรัน”
สองแม่ลูกนั่งปรับทุกข์กันอยู่นานสองนาน ก่อนที่มิรันจะขอตัวไปพักผ่อน เมื่อเธอนั่งทนฝืนร่างกายมานานจนตอนนี้แทบอยากล้มตัวลงนอนเสียตรงทางขึ้นบันไดของชั้นสอง ปัญหาแรกมารดารู้เรื่องแล้วแต่อีกปัญหาที่เธอพึ่งสร้างขึ้นนั้น เธอคิดว่าจะไม่มีวันบอกคุณเนตราอย่างเด็ดขาด
และก็เป็นเวลากว่าสองอาทิตย์ที่มิรันขอหยุดงานไป ก่อนที่วันนี้เธอตัดสินใจที่จะกลับไปทำงานและเผชิญหน้ากับปัญหาทุกอย่าง
“นั่นพยาบาลรันนี่ ฉันนึกว่าลาออกไปแล้วซะอีก”
“จะบ้าเหรอ เห็นว่าแค่ลาพักร้อน”
“แล้วสรุปเรื่องแต่งงานมันเป็นยังงะ...”
ทันทีที่เดินเข้ามาในห้องพักพยาบาล เสียงซุบซิบของเพื่อนร่วมงานก็ดังแว่วเข้าหูของมิรันไม่หยุด หญิงสาวตัดสินใจที่จะไม่พูดและไม่อธิบายอะไรออกมาทั้งนั้น ก่อนจะสนใจแค่งานที่ทำ
“ถ้ายังมัวแต่เอาเวลามานั่งซุบซิบกันอยู่อย่างนี้ ไปทำงานเอกสารที่ตึกหนึ่งกันดีกว่าไหม?”
ทันทีที่ได้ยินเสียงเตือนของ เตือนใจ หัวหน้านางพยาบาลของแผนกนี้ พวกนางพยาบาลที่เอาแต่พูดถึงเรื่องของมิรันถึงกับรีบเงียบเสียงแล้วแยกย้ายกันออกไปทำงานทันที เตือนใจจึงหันมาหาตัวต้นเหตุในครั้งนี้
“อย่าไปสนใจเลยนะ เดี๋ยวก็คงเงียบไปเอง”
“ขอบคุณนะคะพี่เตือน...”
มิรันเอ่ยขึ้นจากใจจริง ก่อนจะหันไปกลั้นน้ำตาเพื่อไม่ให้หลั่งรินออกมา เตือนใจเดินเข้าไปใกล้ๆพร้อมกับยกมือขึ้นลูบไหล่เล็ก
“อันที่จริงรันไม่ต้องทำงานก็อยู่ได้สบายแล้ว ถ้าคิดจะออกพี่ก็ไม่ว่าอะไรเราหรอกนะ คนมีความสามารถแบบรัน หางานใหม่หรือทำงานที่อื่นได้สบายๆเลย”
“ไม่ค่ะ รันไม่ได้ทำอะไรผิด รันจะไม่ไปไหนคะ”
“อื้ม ถ้าอย่างนั้นก็ไปทำงานและก็ไม่ต้องใส่ใจพวกนั้น เข้าใจไหม”
“ค่ะ”
พูดจบมิรันก็เดินออกไปโดยมีสายตาเห็นใจของเตือนใจมองตามไม่วางตา ทีแรกเธอไม่เข้าใจว่าลูกสาวเศรษฐีอย่างมิรันทำไมต้องมาทนทำงานหนักแทบไม่ได้พักอยู่ที่โรงพยาบาลด้วย จนกระทั่งได้ร่วมงานกันเธอถึงได้เข้าใจ รูปร่างบอบบาง ผิวขาวซีดราวน้ำนมบวกกับหน้าหวานๆนั้น กลับทำงานได้อย่างน่าทึ่ง มิรันไม่เคยบ่นหรือเกี่ยงงานที่ได้รับแถมยังช่วยคนอื่นทำงานไปทั่วจนเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงานมาตลอด แต่พอมีเรื่องหนีงานแต่งงานเข้ามาเลยทำให้ทุกคนที่ยังข้องใจและสงสัยอดที่จะพากันตั้งคำถามกับเธอไม่ได้ก็เท่านั้นเอง
“คุณลุง...เรียกรัน มีอะไรรึเปล่าคะ”
ช่วงบ่าย เลขาของคุณทรงยศก็โทรไปแจ้งมิรันให้ขึ้นมาพบคุณทรงยศที่ห้องทำงาน ทำเอามิรันที่คิดว่าพร้อมเผชิญหน้ากับทุกอย่างแล้วนั้นกลับไม่เป็นอย่างที่คิดเมื่อเธอลืมไปเลยว่าบิดาของวาคินคือผู้บริหารของโรงพยาบาลแห่งนี้
“อ่าว นั่งก่อนสิ พอดีลุงมีเรื่องจะคุยด้วย”
มิรันเดินเข้ามานั่งลงที่โซฟารับแขก ก่อนที่คุณทรงยศจะเดินมานั่งลงอีกฝั่ง
“เอ่อ ลุงขอเข้าเรื่องเลยแล้วกันนะ เรื่องหนูกับลูกชายลุง มันมีทางที่จะ...”
“เราจบกันแล้วค่ะ และหนูก็ไม่ได้คิดจะกลับไปคบกับลูกชายของคุณลุงอีกแล้ว”
“เฮ้อ โอเค ถ้าหนูพูดออกมาถึงขนาดนี้แล้ว งั้นลุงขอเข้าเรื่องจริงๆเลยแล้วกันนะ ลุงคิดว่ามันจะดีกว่าที่หนูจะย้ายไปทำงาน...ที่อื่น”
มิรันถึงกับเงยหน้ามองคุณทรงยศนิ่ง เธอเคยเคารพนับถือเขามาได้อย่างไรตั้งนานสองนาน ไม่นึกเลยว่าคนที่อาวุโสอย่างคุณทรงยศจะแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ออกขนาดนี้
“รันไม่ได้ทำอะไรผิด ถ้ามีคนควรไปก็ควรเป็นลูกชายของคุณลุงไม่ใช่รัน! รันขอตัวกับไปทำงานต่อนะคะ”
มิรันสะกดความโกรธเอาไว้ก่อนจะเอ่ยขอตัวแล้วลุกเดินออกไปทันที โดยมีคุณทรงยศมองอย่างหมดหนทาง เขาอุตส่าเห็นแก่ที่เคยรู้จักกันดีเลยให้โอกาสเธอแล้วแท้ๆกลับปฏิเสธเสียงแข็งขนาดนั้น เขาคงไม่มีทางเลือก เพราะถ้าเธอยังอยู่มันก็เหมือนเป็นการตอกย้ำเรื่องงานแต่งอยู่อย่างนี้
“คุณจี ให้หัวหน้าฝ่ายบุคคลเข้ามาพบผมที ด่วนเลยนะเดี๋ยวผมจะออกไปข้างนอก”
คุณทรงยศเดินมาหยิบโทรศัพท์โทรออกไปหาเลขาหน้าห้องทันที เมื่อคิดว่ามิรันออกไปเร็วได้เท่าไหร่ยิ่งดี
“เดี๋ยวไปเตรียมห้องผ่าตัดเลยนะ เคสนี้คงต้องผ่าตัดด่วน”
“ค่ะคุณหมอ ว่าแต่หมอผู้ช่วย...”
“ไม่ต้อง ไม่มีประโยชน์...เดี๋ยวก่อนนะ...”
ทางด้านไบรอันที่กำลังสั่งงานพวกพยาบาลอยู่ถึงกับชะงัก เมื่อเห็นร่างบอบบางคุ้นตาเดินผ่านหน้าไปราวกับพายุหมุน เพราะมันรวดเร็วจนตอนนี้เธอเดินลับหายไปเรียบร้อยแล้ว
“คะ? คุณหมอ เอ่อ มีอะไรรึเปล่าคะ”
“หืม? อ้อ เปล่าๆ ไปทำตามที่ผมสั่งได้แล้วไป”
ไบรอันจบการสนทนาเพียงเท่านั้นก่อนจะตัดสินใจเดินตามทางที่ร่างบางที่เขารู้สึกคุ้นตาไป แต่กลับไม่พบใครเลยเดินกลับห้องทำงานแทน
“รัน! แกเป็นยังไงบ้าง ฉันพึ่งได้ยินเรื่องของแก”
ทางด้านมิรันที่เดินออกไปสงบสติอารมณ์ในสวนหลังโรงพยาบาลหันไปมองตามเสียงเรียกที่คุ้นเคยของ นิรดา เพื่อนสนิทอดีตนางพยาบาลของที่นี่กำลังเดินเข้ามาหาเธออย่างรีบร้อนหลังจากพึ่งบินกลับมาจากต่างประเทศ จากที่ก่อนหน้านี้เธอไม่สามารถมาร่วมงานแต่งงานของมิรันได้เพราะแพ้ท้องหนักมาก แต่พอได้ข่าวว่างานแต่งล่ม เธอก็ทิ้งผู้เป็นสามีไว้ที่โน่นแล้วบินกลับมาที่นี่อย่างไม่สนใจอาการแพ้ท้องของตัวเองเลยสักนิด
“ยัยดา! ฮึก! ทำไมแกพึ่งมา”
มิรันลุกขึ้นพร้อมกับวิ่งเข้าไปกอดร่างบอบบางของเพื่อนอย่างขอที่พึ่ง เพราะนิรดาเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่เธอมี ทั้งสองเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เล็ก นิรดานั้นเป็นเด็กกำพร้าที่คุณเนตราและสามีรับมาเลี้ยงดูเหมือนบุตรสาวอีกคน คู่กับมิรันที่เป็นลูกแท้ๆ แต่ตอนนี้เธอกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆสามีผู้หวงแหนเธอดั่งชีวิตจึงไม่ยอมให้นั่งเครื่องบินกลับมาที่นี่ แต่ครั้งนี้เธอไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เพราะโทรมาหามิรันก็ไม่รับสายมีแต่คุณเนตราที่คุยกับเธอ
“ไม่เป็นไรนะ ฉันอยู่นี่แล้ว”
“ฮึก แล้วอดัม...”
“ฉันก็ปล่อยไว้โน่นคนเดียว ตอนนี้คงกำลังบินตามมาแน่นอน ว่าแต่แกเถอะ ทำไมยังมาทำงาน ลาออกไปเลยดีกว่า”
“แต่ฉันไม่ผิด ฮึก ฉันไม่ผิดยัยดา”
“ฉันรู้ แต่มาอยู่ใกล้ๆพวกเลวพวกนั้นมีแต่จะทำให้แกไม่สบายใจนะ”
มิรันไม่ได้พูดอะไรขึ้นมาอีก เมื่อมีแต่คนแนะนำให้เธอลาออกทั้งๆที่เธอไม่ได้ทำอะไรผิด คนผิดคือพวกนั้นต่างหากยิ่งคิดเธอก็ยิ่งแค้นใจ ก่อนจะปลดปล่อยจนพอใจ แล้วกลับไปทำงานต่อ ส่วนนิรดาก็กลับบ้านไปไหว้คุณเนตรา
“อะไรนะครับ รันกลับมาทำงานแล้ว!”
“นี่แกไปอยู่ไหนมาถึงไม่รู้ คนเขาพูดกันทั่วโรงพยาบาลแล้ว”
“เอ่อ ผมพึ่งเข้ามา”
ทางด้านวาคินที่มาทำงานสาย เนื่องจากเมื่อคืนไปนอนกับนีรนุชที่คอนโดมาเลยทำให้แทบลุกจากที่นอนไม่ไหวพึ่งมารู้ว่าอดีตคู่หมั้นสาวอย่างมิรันกลับมาทำงานแล้วหลังจากหายหน้าไปเกือบสองอาทิตย์
“ฉันคิดว่าจะเอาเธอออก คงไม่เหมาะสมที่เธอกับแกจะยังทำงานที่เดียวกัน”
“นี่คุณพ่อพูดจริงเหรอครับ!...คือว่าให้ผมลองคุยกับรันดูก่อนได้ไหม เผื่อว่าเธอจะเข้าใจผิดอะไรบางอย่าง”
“นี่แกยังจะเสียดายอยู่อีกเหรอ”
“ผมคิดว่าผมยังรักเธออยู่...”
“เฮ้อ จะทำอะไรก็รีบทำ ถ้ามันไม่ได้ผลก็ตัดทิ้งซะ อนาคตของแกยังอีกยาวไกลอย่ามาเสียเวลากับอะไรที่มันไม่ใช่”
วาคินตอบรับออกมาก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานของบิดาไป เมื่อตลอดเวลาสองอาทิตย์ที่มิรันหายไปเขาเริ่มรู้สึกว่าเธอมีความสำคัญกับเขาขึ้นเรื่อยๆ เมื่อก่อนหน้านั้นแทบไม่มีวันไหนที่เขาและเธอไม่ได้เจอกัน แต่พอมาหายไปแบบนั้น เขาเอาแต่คิดและเป็นห่วงถึงแม้แรกๆเขาจะทั้งโกรธและแค้นกับสิ่งที่เธอทำก็ตามที
“รัน...”
“..............”
วาคินตัดสินใจไปหามิรันที่ห้องพักพยาบาล ทำเอาพวกเพื่อนร่วมงานพากันมองมาที่นายแพทย์หนุ่มนิ่งก่อนจะรีบพากันลุกออกไปจากห้องนี้
“คุณเป็นยังไงบ้าง...”
“...............”
มิรันไม่ได้ตอบอะไรออกมา และไม่ได้แม้แต่จะหันไปมองวาคินด้วยซ้ำ เธอคิดแล้วว่าจะอโหสิกรรมและปล่อยวางจากเรื่องของเขาทั้งหมดแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ ถือว่ายังดีที่เธอรู้ตัวก่อนแต่งงาน เพราะสวรรค์ยังเมตตาเธออยู่
“ผมทำอะไรผิดไปรึเปล่า ทำไมคุณถึง...”
มิรันหันมามองคนที่เคยรักและรู้สึกดีด้วยอย่างไม่อยากเชื่อ เธอเคยเห็นว่าเขาคือคนที่ดีที่สุดที่เธอจะฝากชีวิตไว้ทั้งๆที่ไม่รู้เลยว่าเขาหักหลังเธอเอาไว้มากมายขนาดไหน ขนาดเกิดเรื่องขนาดนี้แล้วเขายังมาทำหน้าตาใสซื่อเหมือนกับว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิด นี่น่ะเหรอคนที่เธอเคยรัก ยิ่งคิดหญิงสาวยิ่งรู้สึกว่าตัวเองโง่เง่าสิ้นดี
“กลับไปเถอะ ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับคุณ”
“ทำไม ผมไปทำอะไรผิดนักหนาคุณบอกผมมาได้ไหม ผมอาจแก้ไขหรือคุณอาจเข้าใจผิดอะไร...นะรัน บอกผมมาเถอะ”
“หึ! ทำอะไรก็ย่อมรู้อยู่แก่ใจ อย่าทำให้ฉันรู้สึกแย่กับคุณไปมากกว่านี้เลย แล้วก็ออกไป ฉันต้องทำงาน”
“คุณพ่อจะไล่คุณออก...กลับมาหาผมเถอะนะรัน เรายังเริ่มใหม่กันได้”
มิรันที่กำลังจะเดินออกจากห้องไปถึงกับหยุดชะงักแล้วค่อยๆหันมามองหน้าวาคิน นี่เป็นครั้งแรกหลังจากงานแต่งงานที่เธอได้มองหน้าเขาตรงๆแบบนี้
“มีเหตุผลอะไรฉันถึงต้องออก เป็นคุณมากกว่าที่ต้องออกหลังจากทำเรื่องเลวๆพวกนั้น”
“เรื่องเลวอะไรบอกผมมาสิ นี่ผมไม่รู้ว่าไปทำเลวอะไรขนาดที่ทำให้คุณกล้าทิ้งผมไว้กลางงานแต่งแบบนั้น!”
วาคินยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ เพราะคิดว่ามิรันต้องโกรธเขาในวันแต่งงานแน่นอน แต่วันนั้นเขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักนิดโดยที่ไม่รู้เลยว่าเรื่องเลวที่ทำนั้นมิรันรู้ก่อนวันแต่งงานแล้ว และที่เธอยังทำให้วันแต่งงานเกิดขึ้นก็เพื่อแก้แค้นเขาเท่านั้น
“มีเรื่องเลวอะไรที่คุณทำลับหลังฉันบ้างละวาคิน หรือมันมีมากกว่าที่ฉันรู้มา หึ!”
วาคินมองคนตรงหน้าอย่างเริ่มแปลกใจ ก่อนจะคิดไปถึงนีรนุช หรือว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นเป็นนีรนุชที่บอกมิรันเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับเธอ พอคิดมาถึงตรงนี้ ชายหนุ่มเริ่มไม่แน่ใจกับสิ่งที่เคยมั่นใจเสียแล้ว
“หึ! เริ่มคิดได้แล้วสินะ อย่ามายุ่งกับฉันอีกถ้าไม่อยากให้เรื่องเลวๆพวกนั้นหลุดออกไป”
มิรันบอกขึ้นก่อนจะเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้วาคินคิดหนักถึงเรื่องที่มิรันรู้มา เพราะคงมีแค่เรื่องเดียวที่เขาทำผิดต่อเธอ นั่นคือแอบมีความสัมพันธ์กับนีรนุช