Chapter 3 Love articles
-If you love someone tell them, don’t wait or else you will lose the chance.-
ถ้าคุณรักใคร บอกเค้าซะ อย่ารีรออยู่เลย ไม่งั้นคุณจะเสียโอกาสนะ
เสียงหวานเปล่งออกมาจากบทความรักที่พึ่งได้อ่าน แอบเลี่ยนเหมือนกันนะ
หน้าจอโน๊คบุ๊คถูกปิดลงหลังจากที่ได้อ่านบทละครคราว ๆ จบ ด้วยความที่ฉันรู้จักคนเยอะ ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้อง ต่างก็มักจะแวะเวียนทักทายฉันอยู่เป็นประจำเวลาที่เราบังเอิญเดินสวนกัน เพราะเหตุนี้เองทำให้ฉันโดนรุ่นน้องคณะนิเทศศาสตร์ ชักชวนให้มาเล่นละครเวทีของทางมหาลัย ปกติแล้วเด็กปี 4 แบบฉัน ไม่รับงานช่วยเหลือแบบนี้กันหรอก เพราะหลายคนต่างก็เตรียมตัวหาที่ฝึกงานกันหมดแล้ว
แต่ด้วยความขนมปังอะค่ะ...ไม่ใช่ใจดีนะ แค่ฉันเบื่อกับการอยู่เฉย ๆ มากกว่า ถึงแม้งานจะท่วมหัว แต่ก็สามารถทำตัวเหมือนว่างรับเล่นละครเวทีท่ามกลางเสียงรุมด่าของกลุ่มเพื่อนตัวเอง
“พี่เปอร์จะไปไหนอีกอะ”
ฉันเงยหน้ามองพี่ชายแท้ ๆ ของตัวเอง ที่ดูยังไงก็ไม่เหมือนกันเลยสักนิด ฉันมันหน้าหวานได้แม่มาเต็ม ๆ มีแค่ผิวที่ขาวเหมือนพ่อ ส่วนพี่เปอร์หน้าคมหล่อเหมือนพ่อ แต่ดันได้ผิวสีน้ำผึ้งแบบแม่มาแทน
“ไปหาเมียสิครับ ไอ้ลูกหมา”
พี่เปอร์ยกมือขึ้นมาขยี้หัวฉันแรง ๆ หลังจากที่พึ่งสวมรองเท้าเสร็จ มันไม่ได้เอ็นดูฉันเลยสักนิด พี่เปอร์มันหลอกใช้หัวฉันเช็ดมือตั้งหาก!
“วันนี้กลับบ้านมาช่วยน้องซ้อมบทละครด้วย”
ฉันตะโกนไล่หลังพี่เปอร์ที่อารมณ์ดีดี้ด๊าเกินเหตุ
“ไม่รับปาก แล้วก็ไม่พยายามด้วย เจอกันพรุ่งนี้ครับน้องรัก ไม่สิ..อาจจะมะรืนหรือไม่ก็อีก2-3วัน”
“ขนาดนั้นไม่ต้องกลับมาแล้ว!”
ไม่ใช่ครั้งแรกที่พี่เปอร์ไม่ยอมกลับบ้าน แล้วก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่พี่ชายฉันมันหายไปติดกัน 3 วัน จะบอกว่าชินก็คงใช่...ส่วนฉันไม่มีเรียนอยู่แล้วช่วงนี้ แล้วก็ไม่สามารถไปไหนได้ด้วย ถ้าไม่มีคนมารับมาส่ง เพราะฉันขับรถไม่เป็น นอกจากจักรยานแล้วฉันก็ล้มเหลวทุกอย่างที่เกี่ยวกับการทรงตัว
ฉันใช้เวลาทั้งวันอยู่กับบ้านตื่นมานอนดูซีรี่ย์ เข้าครัวทำอาหาร แล้วก็กลับมานอนท่องบท อ่า...ฉันลืมบอกว่าบทละครนี้ฉันเล่นเป็นนางเอกค่ะ... มันไม่ใช่บทละครความรักของชายหญิงคู่หนึ่ง
เสียงรถยนต์ดังมาจากหน้าบ้าน ดึงสติที่หลุดลอยไปให้กลับเข้าตัว ไม่ใช่เสียงรถพี่เปอร์หรือรถของเพื่อน ๆ ฉันอย่างแน่นอน แต่มันเป็นเสียงของรถพี่อิท...
ตอนนี้ฉันคิดวิธีอ่อยไม่ออกหรอกนะ จะมาทำไมตอนนี้ก็ไม่รู้ สภาพฉันเวลาอยู่บ้านคนเดียวมันดูได้ที่ไหน
“เปอร์ให้พี่มาอยู่เป็นเพื่อนเรา”
ผมมองน้องที่เดินมาเปิดประตูรั้วพร้อมกับตุ๊กตาไข่ขี้เกียจในมือ ไม่รู้ว่าน้องลืมรึเปล่า ว่าตัวเองเผลอหยิบตุ๊กตาติดมือมาด้วย
“สรุปพี่เปอร์หรือพี่อิทกันแน่ ที่เป็นพี่ชายปัง”
น้องพูดออกมาอย่างเซ็ง ๆ แล้วแนบหน้าลงกับตุ๊กตา อยากจะคว้าตัวน้องมากอดแน่น ๆ ตอนนี้แล้วกระซิบข้างหูเหลือเกินว่าพี่อยากเป็น แฟนหนูใจจะขาด
“อยู่กับพี่ไม่ดีเเหรอครับ”
ผมแกล้งถามน้องออกไปเล่น ๆ แต่ในใจคาดหวังไว้แล้ว ถ้าน้องตอบว่าไม่ดี ผมนี่แทบหันหลังกลับไปสตาร์ทรถไม่ทันเลย กลัวหน้าแตกเหลือเกิน
“ปังชอบอยู่กับพี่อิทมากกว่า ตอนนี้จะรักพี่อิทมากกว่าพี่เปอร์แล้วด้วย”
น้องจะรู้ไหมว่าประโยคที่พูดออกมา มันทำให้คนที่ฟังเกือบตายเพราะหยุดหายใจกะทันหัน
“ตอนนี้เปอร์มันคงกำลังร้องไห้อยู่แน่ ๆ 5555”
“คนอย่างพี่เปอร์นี่นะจะร้อง ตอนนี้คงกำลังอ้อนพี่ฟิวส์อยู่มากกว่า เราเข้าบ้านกันเถอะพี่อิท ปังร้อนแล้ว”
มือเล็ก ๆ กำเข้าที่ชายเสื้อผม ส่วนอีกข้างก็กอดตุ๊กตาตัวโปรดไว้แนบอก น่ารัก....ทำไมน่ารักได้ขนาดนี้นะ
“พี่อิทจะกลับตอนไหนอะ”
แก้มตุ่ย ๆ ที่กำลังเคี้ยวข้าวเอ่ยถามผม ว่าจะไม่มองแล้วนะ แต่คอเสื้อน้องมันจะลึกไปไหน แค่ก้มนิดเดียวก็เห็นไปถึงไหนต่อไหน อยากจะขอซื้อต่อแล้วเอาไปเผาทิ้งจริง ๆ ไอ้เสื้อยืดคอย้วย ๆ เนี่ย รู้ว่าใส่สบาย แต่ก็ควรระวังตัวหน่อยไหม ถ้าเกิดคนที่อยู่ตรงหน้าน้องไม่ใช่ผม ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“คอเสื้อเรามันกว้างไปไหมครับ”
ผมเมินคำถามน้อง แต่เลือกที่จะถามกลับในสิ่งที่ตัวเองอยากรู้
น้องชะงักนิดหนึ่งก่อนจะนั่งตัวตรงแล้วคว้าเจ้าตุ๊กตาตัวเดิมที่วางอยู่ข้าง ๆ ขึ้นมากอด ริมฝีปากบางเม้นเข้าหากันเหมือนคนที่กำลังใช้ความคิดกับอะไรสักอย่าง
“เดี๋ยวปังขึ้นไปเปลี่ยนใหม่ค่ะ”
“ไม่เป็นไร พี่แค่เตือนเฉย ๆ เราจะได้ระวังตัวให้มากกว่านี้”
จะบอกว่าหวงก็พูดออกมาไม่ได้เต็มปาก ความจริงแล้วมันก็คือสิทธิ์ของน้องที่จะใส่อะไรก็ได้ แถมที่นี่มันก็ยังเป็นบ้านของน้องอีก แต่แค่คิดว่าถ้าเพื่อนน้องหรือคนอื่น ๆ มาเห็นน้องในสภาพแบบนี้ จิตใจผมมันก็ร้อนรุ่มกังวลไปต่าง ๆ นานา
ผิวขาว ๆ ของน้อง ใบหน้าน่ารัก ๆ แถมยังนิสัยเด็ก ๆ ที่ดูเป็นธรรมชาติ มันอยากทำให้ผมเก็บน้องไว้กับตัวเองเพียงคนเดียว อยากจะจับน้องมาขังไว้ให้อยู่แต่ในห้อง ให้น้องมองแค่ผม น่ารักแค่กับผม อ้อนแค่กับผม ทุกคนว่าผมเหมือนคนโรคจิตไหม 5555 นี่แหละครับตัวผม เพราะผมน่ะมันพวกคลั่งรักอยู่แล้ว
“พี่อิทคิดอะไรอยู่คะ ทำไมทำหน้าแปลก ๆ ”
มือเล็ก ๆ โบกไปมาตรงหน้าผม และไม่รู้อะไรดลใจให้ผมอ้าปากงับไปที่มือเล็ก ๆ นั่น
น้องสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะชักมือออก แต่กลับเป็นผมเองที่คว้ามือน้องมาจับไว้ ความคิดด้านสว่างกับด้านมืดกำลังตีกันอย่างหนัก
“พี่ขอโทษครับ”
สุดท้ายผมก็ต้องปล่อยมือน้องเพราะเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมาขัดจังหวะไม่รู้เวล่ำเวลา ผมเดินเลี่ยงออกมาคุยโทรศัพท์กับคริสตินสักพัก ไม่นานนักก็มีสายใหม่โทรเข้ามา
“น้องปังครับ เปอร์ขอคุยด้วย”
น้องเงยหน้าขึ้นมาจากตุ๊กตาแล้วรับโทรศัพท์จากผมไปคุยกับพี่ชายตัวเอง
“วันนี้พี่อิทจะค้างที่นี่ใช่ไหมคะ”
น้องคงรู้มาจากเปอร์แล้วว่าผมจะค้างกับน้องที่บ้านจนกว่าเปอร์มันจะกลับมา “ครับพี่จะค้างกับเรา”
“งั้นพี่ช่วยมาต่อบทซ้อมละครกับปังได้ไหม”
“หื้ม...ได้สิครับ”
หลังจากที่เรากินข้าวเย็นกันเสร็จ ผมก็มาทำหน้าที่เป็นคู่ซ้อมละครให้กับน้องที่บริเวณโซฟาห้องรับแขก
-If you love someone tell them, don’t wait or else you will lose the chance.-
เป็นประโยคที่นางเอกพูดกับพระเอกหลังจากที่พระเอกมาปรึกษาตัวเองว่าแอบชอบใครสักคนแต่ไม่กล้าบอก
น้ำเสียงหวาน ๆ ของน้องกับสำเนียงภาษาอังกฤษที่พูดออกมามันดูน่าฟังราวกับเสียงดนตรีแสนไพเราะ
ผมกำลังตกลงไปในหลุมพรางรักขนาดใหญ่ที่มันลึกเกินไป จนผม ไม่สามารถปีนมันออกมาได้ น้องกำลังล่อลวงผมให้พูดประโยคนั้น...
ประโยคที่ผมได้แต่พูดอยู่ในใจเป็นล้าน ๆ ครั้ง
ประโยคที่อยากให้น้องได้ฟัง ว่าผมรู้สึกกับมันมากแค่ไหน
Я тебя люблю
(ยา ทีเบีย ลูบลู)
ผมเอ่ยตอบประโยคของน้องเมื่อครู่ ภาษารัสเชียที่ถ้าคนไม่เคยพูดหรือไม่เคยฟัง คงมองว่ามันแปลก ๆ แต่สำหรับผมมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยในเมื่อลูกค้าของผมบางส่วน ก็เป็นคนรัสเชียเหมือนกัน
“สำเนียงพี่อิทฟังดูลื่นหูมาก ไม่ติดขัดอะไรเลยไม่เหมือนพี่เปอร์ ปังมีบทให้อ่านแต่ก็พูดไม่ถูกสักที”
เคยเห็นเด็กน้อยหน้ามุ่ยเวลาพูดถึงพี่ชายไหมครับ...แต่พอสักพักก็เปลี่ยนมาอมยิ้มเล็ก ๆ เวลาเจอของที่ถูกใจแต่ไม่กล้าแสดงออกมา
“งั้นเหรอครับ...แล้วนี่เราจะต่อบทอะไรกันต่อดี”
“อืมม...พอแค่นี้ดีกว่าค่ะ นอกนั้นมันต้องใช้ภาษาร่างกาย ไว้ปังค่อยซ้อมกับพี่เปอร์ต่อก็ได้”
นั่นสินะ...เท่าที่ผมเปิดอ่านบทดู มันค่อนข้างดีเลยล่ะ แต่ติดที่มีภาษากายมากไปหน่อย แบบนี้ก็แย่เหมือนกันนะ ถ้าผมจบช้ากว่านี้อีกสัก สามปี ผมคงขอเล่นละครเวทีคู่กับน้องไปแล้ว
“ซ้อมกับพี่ก็ได้ครับ ถ้ารอเปอร์ ปังคงได้ซ้อมอีกทีอาทิตย์หน้า”
“เอาแบบนั้นก็ได้ค่ะ”
เหมือนมีแรงดึงดูดมหาศาลให้หน้าของเราทั้งสองเคลื่อนเข้าหากันช้า ๆ จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน ช่องว่างเริ่มลดลงทีละนิด.... ทีละนิด....ริมฝีปากของผมแตะลงบนอวัยวะเดียวกันของน้อง...เพียงแค่เสี้ยววินาที น้องก็เด้งตัวออก แล้วขยับเข้าไปจนติดกับโซฟาด้านใน
ใบหน้าขาว ๆ เริ่มขึ้นสี เหมือนน้องจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ผมกับชิงพูดขึ้นมาก่อน
Я люблю тебя (ยา ทีเบีย ลูบลู)
ตามบทมันไม่มีส่วนฉากจูบเมื่อสักครู่ ทางบทที่ส่งมา เขาบอกว่าจะใช้มุมและไฟช่วย ไม่จำเป็นต้องจูบกันจริง ๆ เหมือนที่ผมทำกับน้อง
“เอ่อ..ปังง่วงแล้ว ฝากพี่อิทปิดบ้านด้วยนะคะ”
“ได้ครับ เราขึ้นไปนอนเถอะ”
“ฝะ..ฝันดีนะคะ พี่อิท”
ก่อนที่น้องจะเดินขึ้นห้องไป ก็ยังมีกระจิตกระใจหันมาบอกฝันดีผมอีก น่ารักจังเลยนะครับ ตัวเล็กของพี่
“ฝันดีครับน้องปัง”
ผมมองน้องเดินขึ้นห้องไปจนลับสายตา วันนี้ฉวยโอกาสไปหลายครั้งอยู่เหมือนกัน หลัก ๆ เลยต้องขอขอบคุณผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการแบบเปเปอร์ พี่ชายที่รักน้องแบบจงอางหวงไข่ เห็นแบบนี้ถ้าใครมาจีบน้อง ก็โดนเปอร์มันไล่กระทืบหนีหายไปหมด แต่ใครจะรู้ว่าตอนนี้มันกำลังฝาก ปลาย่างไว้กับแมวขโมยอย่างผม
ใช่ครับ...เปอร์ไม่รู้ว่าผมชอบน้องสาวของมัน
แล้วก็จะไม่มีทางรู้ด้วยว่า วันนี้ผมแอบฉวยโอกาสน้องไปหลายรอบแล้ว
แม้วันนี้คำบอกรักของผมจะเป็นแค่เพียงส่วนหนึ่งในบทละคร แต่ สักวันผมจะเป็นคนบอกน้องอีกครั้ง ด้วยความรู้สึกของผมที่มอบให้กับน้องเอง
Я люблю тебя (ยา ทีเบีย ลูบลู)