Chapter 4 Dinner

1917 Words
Chapter 4 Dinner “ยินดีที่ได้ร่วมทำธุรกิจกันอีกครั้งนะครับ” อิทธิพลยื่นมือไปจับกับนายพิทักษ์ อัศวะ เมื่อทำสัญญาสั่งซื้อสินค้าล็อตใหม่จบ รถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดที่มีความเร็ว 484 km/h เจาะกลุ่มลูกค้าพวกชอบความเร็วและกระเป๋าหนัก เพราะราคาหลักร้อยล้าน แถมยังผลิตขึ้นมาเพียง 100 คันเท่านั้น “เช่นกันครับคุณอิท” “งั้นฉันขอตัว..." “วันนี้ฉันมีธุระที่อื่นต่อ ฉันอยากจะฝากลูกสาวไว้กับคุณอิทสักพัก ได้ไหมครับ ช่วยอยู่ทานข้าวเป็นเพื่อนพอใจที” ยังไม่ทันที่อิทธิพลจะพูดจบ ชายวัยกลางคนอายุราว ๆ 40 ปี ก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน พิทักษ์ อัศวะ ชายรูปร่างสูงโปร่งผิวสีแทน แม้อายุจะขึ้นเลข 4 แต่ยังคงความหล่อไว้เสมอ “ครับ” ฉันเพียงตอบรับไปตามมารยาท เป็นใครก็คงดูออกว่านายพิทักษ์ต้องการให้ลูกสาวของตัวเองเป็นทองแผ่นเดียวกับบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง AT “ทานให้อร่อยนะลูก พ่อไปก่อนนะ ขอบคุณนะครับคุณอิท หวังว่าคุณจะช่วยดูแลลูกสาวฉันเป็นอย่างดี” มือหยาบกรานลูกศีรษะลูกสาวตัวเองอย่างทะนุถนอม ก่อนจะหันมาพูดกับอิทธิพลที่ยังคงยืนนิ่งแผ่รังสีของอำนาจออกมา แต่แล้วยังไง.ในเมื่อถ้าไม่มีเขา บริษัท AT ก็ไม่มีวันประสบความสำเร็จได้อย่างทุกวันนี้หรอก “พ่อไม่ต้องห่วงค่ะ คุณอิทจะดูแลพอใจอย่างดีแน่นอน ใช่ไหมคะคุณอิท” พอใจตอบผู้เป็นพ่อก่อนจะหันมาทางอิทธิพล แต่ประโยคที่พูดออกมานั้นมันเหมือนมีคำขู่อยู่ในตัว “ครับ คุณพิทักษ์ไม่ต้องเป็นห่วง” หลังจากที่พิทักษ์ออกไป บนโต๊ะอาหารก็เหลือเพียงแค่อิทธิพลกับพอใจ เด็กสาวหน้าหวานคอยเอาอกเอาใจตักอาหารให้ชายหนุ่มที่ตัวเองชอบอยู่ตลอดเวลา ใบหน้ายิ้มแย้มที่ใครผ่านมาเห็นก็ต้องมองเหลียวหลัง แต่สำหรับอิทธิพลนั้นมีแต่ความเบื่อหน่ายกับอาหารค่ำมื้อนี้ นิ้วเรียวเคาะเบา ๆ กับขาตัวเอง ซึ่งเป็นเฉพาะเวลาที่ร่างสูงต้องการใช้ความคิด อาหารหวานหน้าตาน่าทานเริ่มถยอยออกมาเสิร์ฟ แค่เห็นหน้าตาขนมหลากหลายสี ก็ทำเอาเลี่ยนทั้งทียังไม่ทันได้ทาน คิดถึงดาร์กช็อกโกแลตของใครบางคนจัง... “ทานสิคะคุณอิท พอใจตั้งใจสั่งมาเพื่อคุณเลยนะ” พอใจยิ้มหวานที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ มือบางใช้ช้อนตักชีสเค้กขึ้นมาป้อนอิทธิพล “ฉันไม่ชอบทานของหวาน” “อย่าปฏิเสธพอใจสิคะ คุณจำไม่ได้เเหรอว่าตัวเองรับปากอะไรไว้ อ้าปากนะคะ..." "...." “คุณอิทนี่น่ารักจังเลยนะคะ” พอใจเอ่ยชมอิทธิพลที่ยอมทำตามตัวเองอย่างว่าง่าย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกลัวหรือเริ่มให้ความสนใจในตัวเองกันแน่ แต่นั่นไม่จำเป็นต้องหาคำตอบ เพราะสุดท้ายผลลัพธ์มันก็เป็นไปอย่างที่ตั้งใจไว้ ไม่ได้ทำตามเพราะกลัวในอำนาจ แต่รำคาญที่คนตรงหน้าเอาแต่ใจไม่เลิก ถ้ายอมตอนนี้จะได้รีบกินรีบกลับ นั่นคือสิ่งที่ฉันคิด แต่ดูท่าแล้วพอใจจะคิดไปอีกแง่มุมมากกว่า “มองตาไม่กะพริบเลยนะปัง” เรนโบว์ ผู้ชายตัวเล็กหน้าหวานเอ่ยแซวเพื่อนตัวเองที่มองไปที่โต๊ะอาหารฝั่งตรงข้าม “โทษทีลืมตัว ว่าแต่เรนเถอะ จะอยู่ไทยกี่วัน” ฉันละสายตาจากภาพตรงหน้าแล้วหันกับมาสนใจคู่สนทนาของตัวเอง เรนโบว์เพื่อนที่บังเอิญรู้จักกันตอนไปเที่ยวทะเล เรนเป็นสาวสวย ตัวเล็กผิวขาวหน้าตาน่ารัก แต่เพราะเกิดอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อนทำให้ต้องเรียนช้ากว่าเพื่อนคนอื่น ๆ ตอนนี้เจ้าตัวก็ไปเรียนที่อเมริกามีแวะมาไทยบ้างนาน ๆ ที ฉันกับเรนมักจะแลกเปลี่ยนเรื่องราวในชีวิตประจำวันของกันและกันผ่านทางอีเมลเสมอรวมถึงเรื่องของพี่อิทด้วยเช่นกัน “ประมาณอาทิตย์กว่า ๆ แหละ แล้วเป็นยังไงบ้าง กับรุ่นพี่คนนั้น” “เหมือนเดิม” ไม่รู้ว่าจะใช้คำนี้ได้หรือเปล่า เพราะอย่างน้อยตอนนี้มันก็มีความคืบหน้าไปบ้างแล้ว ก็ไอ้วันที่ฉันซ้อมบทละครกับพี่อิทนั่นแหละ ตอนที่ปากเราสัมผัสกัน แม้มันจะเป็นแค่เสี้ยววินาทีก็ตาม “ปากแตะกันแล้ว จะเรียกเหมือนเดิมได้ยังไง ว่าแต่พี่คนนั้นเขามากับใคร น้องสาวเเหรอ?” ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมเรนถึงรู้เรื่องนี้ เพราะฉันมักจะมาปรึกษา เรนอยู่ตลอด ถ้าถามว่าทำไมไม่ไปถามพวกไมล์กับนาย คำตอบก็คือถ้าพวกมันสองตัวรู้ เท่ากับว่าพี่อิทก็จะรู้ไปด้วย เพื่อนฉันสองตัวนั้นมันทีมพี่อิทกันหมดแหละ “แฟนเขามั้ง” “หื้ม?” ฉันตอบคำตอบอย่างไม่ใส่ใจจนเรนต้องขมวดคิ้ว ไม่ใช่จำไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ภาพกล้องวงจรปิดในห้องทำงานมันชัดขนาดนั้นทำไมฉันจะไม่รู้ ว่าคนที่นั่งป้อนข้าวป้อนขนมพี่อิทตอนนี้ คือคนเดียวกันกับคนที่เอาขนมมาให้พี่อิทวันนั้น “เอาดี ๆ สิปัง แบบนี้ยอมไม่ได้แล้วหรือเปล่า เดินไปถามให้รู้เรื่องไปเลย” เรนยู่ปากไปทางโต๊ะของพี่อิท คำแนะนำของเรนโดนปัดตกทันทีแบบไม่ต้องคิดอะไรให้มากความ “ไร้สาระน่าเรน เรากับพี่เขาไม่ใช่แฟนกันซักหน่อย พี่เขาจะไปไหนหรือทำอะไรมันก็สิทธิ์ของเขา” “นี่ไม่ใช่ปังที่เรนรู้จัก คิดจะทำอะไรบอกเรนมาเดี๋ยวนี้เลยนะ” เรนมองฉันอย่างจับผิด แต่ยังไม่ทันได้ไล่บี้ถามอะไร เพราะแฟนเข้ามาตามเสียก่อน “เรนกลับได้แล้ว” บุคคลที่เข้ามาใหม่อยู่ในชุดสูทสีดำเต็มยศ ฉันที่จัดทรงมาเข้า กับใบหน้าหล่อ ๆ ได้เป็นอย่างดี ร่างสูงเดินมานั่งข้าง ๆ เรน พร้อมกับโอบไหล่บางของคนตัวเล็กไว้หลวม ๆ รู้น่าว่าขี้หวง แต่ไม่จำเป็นต้องแสดงออกเวอร์ขนาดนี้ก็ได้ไหม เห็นแบบนี้แล้วแอบหมั่นไส้เหมือนกัน “เรนคุยกับปังอยู่ ซีแลคอย่าเสียมารยาท กลับไปนั่งที่ตัวเองก่อนเลย” คนตัวเล็กกว่าดุให้คนที่นั่งข้าง ๆ เบา ๆ มันเป็นภาพที่ชินตาของฉันไปแล้ว เวลานัดเจอเรนทุกครั้ง ก็มักจะมีแฟนเรนมาด้วยเสมอ แต่เราจะนั่งแยกโต๊ะกัน เนื่องจากเรนอยากคุยกับฉันฉันแบบส่วนตัว แต่ก็นะ ในเมื่อแฟนขี้หวงขนาดนี้ คงไม่ปล่อยให้ห่างกายนานหรอก ดูอย่างตอนนี้สิ ฉันนั่งคุยกับเรนมาแค่ชั่วโมงกว่า ๆ ก็มีคนมาตามเรนกลับบ้านแล้ว “คุยนานไปแล้วนะเรน” “พี่อย่าขี้เวอร์ไปหน่อยเลย น้ำหน้าอย่างปังไม่ใช่สเปคเรนหรอก ถ้าคบกัน คงสับสนน่าดูว่าใครจะรุกใครจะรับ” อดจะหมั่นไส้ไม่ได้ ฉันเลยพูดเหน็บแนบแฟนเรนไปสักหน่อย พอให้แสบ ๆ คัน ๆ ส่วนเรนที่ได้ฟังก็นั่งยิ้มขำ ต่างจากพี่กาแล็กซีที่ทำหน้าเหมือนอยากจะยกปืนขึ้นมายิงจ่อหัวฉันให้รู้แล้วรู้รอด แต่ขอโทษนะคะ พอดีฉันไม่กลัว “น่ารำคาญ” โดนผู้ชายหล่อด่าใครว่าไม่เจ็บ นอกเหนือจะความเจ็บ ก็คงมีแต่คำว่าชิน เพราะโดนด่าคำนี้ทุกครั้งที่เจอหน้า “เราขอยืมตัวแฟนเรนหน่อยได้ไหม พอดีรู้สึกอย่างเต้นรำอะ” “ไม่..." “หื้ม..เอาสิ เราอนุญาต5555” เรนกับฉันมองหน้ากันอย่างรู้ความหมาย ซึ่งต่างจากแฟนของเรนที่ทำหน้าเบื่อหน่ายอยู่ตลอด ไม่ต้องรอให้แฟนเรนปฏิเสธซ้ำ ในเมื่อเรน อนุญาตแล้ว ฉันก็ใช้สายตาบีบบังคับให้พี่กาแล็กลุกตามฉันมา ตอนแรกพี่แกจะไม่ยอม แต่เหมือนเรนจะกระซิบอะไรสักอย่าง ทำให้พี่แกยิ้มออกมาแล้วก็ลุกขึ้นจับมือฉันเดินไปกลางฟอร์มเต้นรำ “พี่ช่วยยิ้มเหมือนเต็มใจมากับปังหน่อยสิคะ” ฉันมองหน้านิ่ง ๆ ของแฟนเรนก็ต้องกลอกตามองบน พี่แกทำหน้าเหมือนอมทุกข์เวลาอยู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่เรน แต่ฉันขอเถอะ พี่มีอารมณ์ร่วมไปกับการเต้นรำครั้งนี้ได้ไหม! “น่ารำคาญ” “ขอบคุณที่ชมนะคะ” มือหนาแตะเบา ๆ ลงที่เอวฉันใบหน้านิ่ง ๆ เริ่มยิ้มออกมาเล็กน้อย ไม่ค่ะ พี่แกไม่ได้พิศวาสอะไรในตัวฉันเลย เพราะเขามองข้ามหัวฉันไปโฟกัสที่เมียตัวเองยังไงล่ะ! เสียงเพลงจากไวโอลินในจังหวะช้า ๆ ฉันยกมือขึ้นคล้องคอพี่กาแล็กซีพลางซบลงที่อก เสียงหายใจฮึกฮักเหมือนคนหงุดหงิดเต็มทน ทำให้ฉันอดที่จะขำไม่ได้ แต่ก็ต้องพยายามกลั้นไว้อย่างสุดความสามารถ “เลิกประชดสักที ฉันเบื่อเธอเต็มทนแล้ว อยากกลับไปหาเรนแล้ว” สงสัยพี่แกเริ่มจะหมดความอดทนกับฉันแล้ว งั้นฉันจะเลิกประชดแล้วปล่อยเขาไปอ้อนแฟนตัวเองต่อแล้วกัน “งั้นปังไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ บอกเรนให้ด้วยว่าไม่ต้องรอ วันนี้ ปังมีคนไปส่งแล้ว” ฉันผละตัวออกจากร่างสูงตรงหน้า แล้วปลีกตัวไปทางห้องน้ำ หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จ ก็นับถอยหลังในใจก่อนจะเปิดประตูออกมา สาม สอง หนึ่ง “ปัง กลับบ้านกับพี่เดี๋ยวนี้” ร่างสูงในชุดสูทสีเบสผูกเนกไทสีอ่อน ใบหน้าที่ดูเอ่อ...ออกจะเคร่งเครียดไปหน่อย แต่ก็ไม่สามารถทำให้ความหล่อนั้นดูน้อยลงเลย “พี่อิทมาได้ยังไงคะ” น้องเอียงคอถามฉันอย่างสงสัย ถ้าในเวลาปกติ ฉันคงมองว่าเป็นการกระทำที่น่ารักมากแน่ ๆ แต่ตอนนี้ฉันกำลังหงุดหงิด ใจมันร้อนรุ่มเหมือนถูกไฟเผา ฉันมองน้องมาตั้งแต่เริ่มเปิดฟอร์มเต้นรำ น้องมากับใครสักคนที่ฉันไม่เคยรู้จัก ฉันว่าตัวเองรู้จักเพื่อนน้องทุกคน แต่สำหรับคนนี้ไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้าด้วยซ้ำ แค่เห็นน้องยิ้มให้มัน พูดคุยพร้อมกับส่งยิ้มหวาน และที่สำคัญ น้องกอดมัน! อย่างที่ฉันเคยบอกว่า ตัวเองสามารถจัดการได้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องเดียวคือเรื่องของน้อง ตอนนี้ฉันกำลังเป็นบ้าเพราะความหึง หวง ทำให้ฉันแทบอยากเดินไปกระชากสองคนนั้นออกจากกัน ฉันต้องรีบสลัดพอใจทิ้ง โดยการโทรเรียกคริสตินมารับพอใจไปส่งถึงบ้าน ส่วนตัวเองก็รอจังหวะที่จะพาน้องกลับไปกับฉัน “ไว้ค่อยคุยได้ไหมครับตอนนี้เรากลับบ้านกับพี่ก่อน พี่มีเรื่องจะคุยกับเราพอดี” “แต่เพื่อนปังรออยู่ข้างนอก” จะเชื่อได้มากน้อยแค่ไหนว่าเป็นแค่เพื่อน! ฉันอยากตะโกนถามออกไปมาก ว่าเพื่อนที่ไหนเขากอดกันขนาดนั้น! แต่ฉันคงลืมตัวไปว่า ไม่มีพี่คนไหนเขาใช้ปากแตะปากน้องตัวเองเหมือนกัน... “ไม่มีแต่ครับ ปังต้องกลับกับพี่เดี๋ยวนี้”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD