Chapter 5 Soft kiss
เสียงเพลงสากลที่เปิดคลอเบา ๆ อยู่ตอนนี้ไม่ได้ช่วยคลายความ อึดอัดในรถได้เลย พี่อิทยังคงทำหน้าที่คนขับรถได้เป็นอย่างดี ตาคมจับจ้องไปยังถนนเบื้องหน้า ไม่มีแม้สักเสี้ยววินาทีที่จะหันมามองฉัน
เฮ้อออ...
ได้แต่ถอนหายใจทิ้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า คิดจะลากคนอื่นมาด้วย ก็ช่วยพูดอะไรสักหน่อยเถอะ ไม่ใช่เอาแต่เงียบอยู่แบบนี้ รู้ไหมว่าคนที่มาด้วยอึดอัดจนจะเป็นบ้าตายแล้ว
“พี่โกรธอะไรปังหรือเปล่า มีอะไรก็พูดออกมาเถอะ เงียบแบบนี้รู้ไหมว่าปังอึดอัด”
ฉันมองน้องที่ถอนหายใจทิ้งนับครั้งไม่ถ้วน สุดท้ายก็เป็นคนเอ่ยปากพูดออกมา
“เรามากับใคร”
ฉันถามสิ่งที่ค้างคาใจออกไป ตอนแรกว่าจะกลับไปคุยที่บ้านแต่ในเมื่อน้องพูดออกมาแบบนี้ มันก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไป
“เพื่อนปังเอง”
ฉันสบตากับน้องวูบหนึ่งก่อนจะหันกลับมาสนใจถนนเบื้องหน้า อีกครั้ง
เกิดความเงียบขึ้นระหว่างเราสองคน ฉันเพียงให้ความเงียบนั้นทำหน้าที่มันต่อไป เพราะอีกไม่กี่ซอยก็ถึงบ้านน้องแล้ว ถ้าคุยตอนนี้ คงจะไม่รู้เรื่องแน่ ๆ
น้องลงไปเปิดประตูรั้วบ้านให้ฉันขับรถเข้าไปจอด วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่เปอร์มันไม่อยู่บ้าน ถึงว่าแหละ ไม่งั้นน้องจะออกไปกับผู้ชายแปลกหน้าคนนั้นได้ยังไง ในเมื่อน้องเองก็ขับรถไม่เป็น แถมยังไม่ชอบนั่งแท็กซี่อีกด้วย
“พี่อิทนั่งรอก่อนแล้วกัน เดี๋ยวปังไปหยิบน้ำมาให้”
ฉันปล่อยให้น้องทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดี ก่อนที่เราจะเริ่มพูดคุยกันอย่างจริงจัง
น้องนั่งลงบนโซฟาตรงข้ามฉัน มือบางยกขึ้นเสยหน้าม้าที่เริ่มยาวมาปิดดวงตา ฉันพึ่งสังเกตได้อีกอย่างหนึ่งว่าวันนี้น้องใส่ต่างหูอักษรรูปตัวA อันเล็ก ๆ สีเงินไว้ข้างขวา ฉันไม่รู้ว่ามันย่อมาจากคำว่าอะไร เพราะทั้ง ชื่อจริงและชื่อเล่นของน้อง ต่างขึ้นต้นด้วยตัว K
“ตกลงพี่อิทมีเรื่องอะไรจะคุยกับปังเเหรอครับ”
ฉันเลื่อนสายตากลับมาที่หน้าน้องอีกครั้ง นั่นสินะ...ฉันมีเรื่องจะคุยกับน้องไม่ใช่เเหรอ...
“คนที่เราไปด้วยวันนี้ พี่ไม่เคยเห็นหน้าเลยนะ เราไปรู้จักกับเพื่อนคนนี้ตอนไหน แล้วทำไมถึงต้องถึงเนื้อต้องตัวกันขนาดนั้น”
ฉันรู้ว่าตัวเองไม่ควรยุ่งเรื่องส่วนตัวของน้อง แต่ฉันเป็นห่วง
และใช่....ฉันกำลังหึง
“รู้จักกันตั้งแต่ปี 1 ตอนที่ปังทะเลาะกับพี่เปอร์แล้วหนีไปทะเล คนเดียว ส่วนเรื่องที่พี่อิทไม่เคยเจอเรนก็ไม่แปลก เพราะเรนพึ่งกลับมาจากอเมริกา”
วันที่ทะเลาะกับเปอร์งั้นเหรอ สาเหตุหลัก ๆ ก็คงมาจากฉัน นั่นแหละ วันนั้นฉันพาน้องไปเที่ยวแล้วกลับดึก โทรศัพท์น้องก็แบตหมด พอกลับมาถึงบ้าน น้องมันเลยทะเลาะกับเปอร์เพราะไปไหนไม่ยอมบอกแถมยังกลับบ้านมืดค่ำ ตอนแรกฉันไม่รู้ว่าเปอร์กับน้องทะเลาะกัน มารู้อีกทีก็ตอนที่น้องหายไปแล้ว จำได้ว่าวันนั้นทุกคนตามหาน้องกันจนวุ่นวายไปหมด น้องขับรถไม่เป็น แถมยังไม่ค่อยไปไหนมาไหนด้วยตัวเองบ่อย ๆ สุดท้ายน้องก็กลับมา แถมยังหิ้วขนมมาฝากอีกต่างหาก อารมณ์ในตอนนั้นทั้งฉันและคนอื่นต่างมึนงงกันไปหมด คิดว่าจะมีซีนดราม่า แต่มันไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากที่เปอร์มันวิ่งเข้าไปกอดน้องแล้วก็ร้องไห้น้ำตาแตก จนโดนพวกฉันล้อไปทั้งอาทิตย์
ย้อนกันไปไกลแล้วกลับมาที่ปัจจุบันกันดีกว่า แม้จะเริ่มเข้าใจว่า คนนั้นเป็นเพื่อนน้อง แต่ทำไมต้องไปออเซาะซบอกกันขนาดนั้นล่ะ
“แล้วทำไมถึงต้องซบกันขนาดนั้น พี่ไม่เข้าใจ”
คำถามนี้บอกเลยว่าสำคัญมาก ถ้าตอบไม่เคลียร์ ฉันคงไม่ยอมให้น้องลุกไปไหนเด็ดขาด
“พี่อิทกำลังทำตัวเหมือนพี่เปอร์เลยนะครับ นิสัยพี่ชายหวงน้องนี่มันติดต่อกันได้แล้วเหรอ”
ประโยคที่ถามน้องไม่ตอบ แต่ประโยคที่น้องตอบมันโคตรจุกเลย
พี่ชาย คำนี้เน้น ๆ ชัด ๆ เต็มสองรูหู ถ้าน้องหยิบปากกามาไฮไลท์ด้วยนี่ ฉันคงตรอมใจตายตรงหน้าน้องไปแล้ว
“พี่เป็นห่วงเรา กลัวเราเจอคนไม่ดี สมัยนี้รู้หน้าไม่รู้ใจหรอก ถึงเป็นเพื่อนกันยังไงก็ต้องระวังไว้บ้าง เราน่ะไว้ใจคนง่ายเกินไปแล้ว รู้ไหม”
ได้ทีฉันก็สถาปนาตัวเองเป็นคุณพ่อที่กำลังสอนลูกสาวตัวเล็ก ๆ ที่กำลังเติบโตไปใช้ชีวิตในโลกกว้าง
“แล้วพี่อิทไว้ใจได้หรือปล่าคะ”
คำถามของน้องมันเป็นเพียงประโยคธรรมดา แต่ทำไมฉันกลับรู้สึกว่ามันตอบยากยิ่งกว่าข้อสอบเสียอีก
“ไม่ว่าใครก็ไว้ใจไม่ได้ทั้งนั้นแหละครับ รวมถึงตัวพี่ด้วย ยิ่งเราโตขึ้นเรายิ่งเจอคนที่หลากหลายรูปแบบ พี่อยากให้เราดูแลตัวเองดี ๆ อย่าไว้ใจใครง่าย ๆ เข้าใจไหมครับ”
ถ้าถามว่าใครที่มันไว้ใจไม่ได้มากที่สุด คำตอบก็คือฉันนั่นเองครับ คิดไม่ซื่อกับน้องขนาดนี้ จะบอกให้น้องไว้ใจฉันอีก ก็คงกระดากปากอยู่เหมือนกัน
“แต่ทำไมปังถึงไว้ใจพี่อิทล่ะคะ ถ้าไม่รังเกลียดกัน รบกวนพี่อิทช่วยดูแลปังได้ไหม”
น้องยิ้มให้ฉันจนตาปิดทั้งสองข้าง ความน่ารักของน้องที่ดูจะเพิ่มมากขึ้นทุกวัน มันทำให้ฉันใกล้หมดความอดทน ทำไมน้องถึงได้ยิ้มน่ารักขนาดนี้ เจ้าขนมปังนุ่มฟูของพี่
“นะคะพี่อิท...ช่วยดูแลน้องขนมปังคนนี้หน่อยนะคะ”
น้ำเสียงออดอ้อนกับมือนิ่ม ๆ ที่กำลังจับมือฉันอยู่ตอนนี้ มันทำให้ฉันแทบคลั่ง แค่นี้พี่ก็ใจเหลวแล้วค่ะ น้องช่วยหยุดน่ารักสักสามนาทีได้ไหม
“แล้วแบบนี้พี่จะไปไหนได้ล่ะหื้ม” ฉันยกมือขึ้นขยี้หัวน้องเบา ๆ อย่างหมั่นเขี้ยว
“น้อง..."
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก สัมผัสเบา ๆ เมื่อกี้ที่คาง...
“ฝากปิดบ้านด้วยนะคะ ปังขอขึ้นไปอาบน้ำนอนก่อน ฝันดีนะคะพี่อิท”
น้องไม่รอให้ฉันได้พูดอะไร ก็รีบชิ่งหนีไปก่อน ฉันยกมือขึ้นมาลูบคางตัวเองอย่างเหม่อลอย ปากที่อยู่ ๆ ก็ยกยิ้มเหมือนคนบ้า เมื่อกี้น้องจูบที่คางฉัน....ใครก็ได้ช่วยฉันด้วยครับ ฉันว่าตัวเองกำลังเป็นโรคหัวใจ...
*****
ฉันรีบวิ่งขึ้นมาบนห้องแล้วกระโดดขึ้นเตียงคว้าเจ้าตุ๊กตาไข่ขี้เกียจสีเหลืองตัวโปรดขึ้นมาปิดหน้า
อ้ากกกก!!
ใช่ค่ะ ฉันกำลังกรี๊ดอัดตุ๊กตา...
มือกอดตุ๊กตาไว้แน่นแล้วเริ่มดิ้นไปดิ้นมาเหมือนคนคลุ้มคลั่ง ฉันตั้งใจจะอ่อยพี่อิท แต่ทำไมตัวเองกลับมานอนดิ้นเขินจนตัวบิดตัวงอแบบนี้
ฉันไม่ค่อยแน่ใจว่าที่พี่อิทลากฉันกลับบ้าน มันเป็นอาการของคนที่กำลังหวงน้องสาว หรือว่าอาการของคนกำลังหึงกันแน่ ถ้าเป็นแบบแรกบอกเลยว่าเฟลมาก เพราะฉันลงทุนคล้องคอซบอกแฟนเรน จนโดนพี่แกด่าไม่รู้กี่ประโยค ตอนนั้นความมั่นใจมันก็ครึ่ง ๆ แบบ 50-50 แต่ก็อยากลองเสี่ยงดู ว่าพี่อิทจะเลือกใคร ระหว่างฉันกับผู้หญิงหน้าหวานคนนั้น ตอนที่เปิดประตูห้องน้ำออกมา บอกเลยว่าปากฉันมันแทบฉีกยิ้มไปถึงใบหู แต่ก็ต้องคีพคาเรกเตอร์ไว้ แล้วล่าสุดที่ลงทุนไปจูบคางพี่อิท..
.ฮืออเขินมาก แบบพี่อิทฉีดน้ำหอมที่ซอกคอกับหลังใบหูด้วย แงงงง...ไม่ไหวอะ อยากไปดม ๆ แล้วงับคอซักที
“น้องปังครับ”
“พี่อิทมีอะไรรึเปล่าคะ”
ฉันรีบดีดตัวลุกขึ้นมานั่งบนเตียงดี ๆ ก่อนจะตะโกนตอบกลับพี่อิทไป
“พี่อุ่นนมร้อนมาให้เรา เปิดประตูให้พี่หน่อยสิครับ”
“เอ่อ...แป๊บนะคะ พอดีปังอาบน้ำอยู่”
ฉันรีบกระโดดลงเตียงแล้วกวาดรูปถ่ายของพี่อิทที่วางอยู่บนโต๊ะ ใส่ลงลิ้นชักไปให้หมด ไหนจะไดอารี่ที่เขียนค้างไว้อีก ใช้เวลาเก็บของสักพักก็ถอดเสื้อออกแล้ววิ่งไปคว้าเสื้อคลุมมาสวมใส่ ฉันสูดลมหายใจเข้าปอด ลึก ๆ ก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้พี่อิท
“พี่เข้าไปได้ไหมครับ”
“อ่า...เชิญค่ะ”
ฉันหลีกทางให้พี่อิทเดินเข้ามาในห้องนอนของตัวเอง ส่วนพี่อิทก็เดินไปวางแก้วนมร้อนบนโต๊ะที่ฉันพึ่งกวาดรูปเจ้าตัวเขาลงลิ้นชักไปเมื่อครู่
“ตุ๊กตาเยอะกว่าเดิมหรือเปล่าเนี่ย เรากับตุ๊กตาอะไรมันจะน่ารักกว่ากันน้า”
ตุ๊กตาไข่ขี้เกียจในท่านั่งกินขนม ถูกยกขึ้นมาเทียบกับหน้าฉันที่ตอนนี้กำลังยืนอ้าปากเหว๋อ
“พี่ลืมไปว่าไม่มีอะไรน่ารักเท่าเราอีกแล้ว เจ้าขนมปังแก้มนิ่มของพี่”
แก้มฉันถูกพี่อิทดึงจนยืด เหมือนกำลังโดนเอาคืนยังไงไม่รู้
“ปังเจ็บนะพี่อิท ตกลงพี่ตั้งใจเอานมมาให้ หรือว่าตั้งใจจะมาแกล้งปังกันแน่” ฉันเบะปากใส่พี่อิทที่กำลังยืนขำอยู่ พี่อิทวางตุ๊กตาลงที่เดิมแล้วหยิบแก้วนมร้อนยื่นมาให้ฉัน
“ตั้งใจเอานมมาให้เรานั่นแหละ แต่มันยังร้อนอยู่ พี่กลัวมันลวกลิ้นเราไปก่อน555”
“ขอบคุณนะคะ” ฉันรับนมมาดื่มแล้วยื่นแก้วเปล่ากลับไปให้พี่อิท
“กินนมเสร็จแล้วก็รีบนอนรู้ไหม อ๋อ...แล้วก็อย่าลืมถอดคอนแทคเลนส์นะครับ เวลาอาบน้ำเขาไม่ให้ใส่คอนแทคเลนส์อาบน้ำนะ เรารู้รึเปล่า”
พี่อิทยกยิ้มกวน ๆ ส่งมาให้ฉัน โดนทักขนาดนี้ บอกเลยว่าเขินมาก! ฮือออ....ทำไมพี่ต้องมาจับผิดปังด้วย! รู้จักมองข้ามบ้างจะได้ไหม!
“เดี๋ยวปังไปถอดออก ขอบคุณที่เตือนนะคะ”
แม้จะอายจนหน้าแดงที่ถูกจับได้ว่าโกหก แต้ก็ต้องตีหน้านิ่งกลบเกลื่อนความเขินต่อไป โอเคค่ะ ยอมรับตรง ๆ เลยว่าไม่เนียน
“งั้นพี่ไม่กวนแล้ว คืนนี้ฝันดีนะครับน้องแก้มนิ่มของพี่อิท อย่าลืมฝันถึงพี่ด้วยนะ”
อยากจะสบถคำหยาบออกมามาก แงงงไอ้ต้าวบ้า ทำไมต้องทำให้เขินขนาดนี้ด้วย แล้วนั่นจะยิ้มอะไรนักหนา!!
“ปังง่วงแล้ว ฝันดีเหมือนกันนะคะพี่อิท”
คืนนี้คงเป็นอีกหนึ่งวันที่ฉันนอนหลับฝันดี แต่ก่อนจะนอน ฉันลืมว่าตัวเองยังไม่ได้อาบน้ำเลย ไอ้บ้าเอ๊ย! และก่อนอาบน้ำยังต้องมาจัดการไอ้เจ้าคอนแทคเลนส์ตัวที่ทำให้ฉันโป๊ะแตกก่อน เห็นแล้วหงุดหงิดรู้ แบบนี้ซื้อคอนแทคเลนส์แบบใสมาใส่ดีกว่า