Chapter 6 Mild fragrance

2086 Words
Chapter 6 Mild fragrance วันนี้ทั้งวันฉันไม่มีเรียนแต่ที่ต้องมามหาลัยเพราะน้อง ๆ นิเทศเขานัดให้ฉันมาซ้อมละครเวที เรามีเวลาทั้งหมดเดือนกว่า ๆ ซึ่งสำหรับฉันมองว่าเวลามันน้อยมากถ้าเทียบกับการทำงาน ละครเวทีครั้งนี้เรียกได้ว่าเปิดโอกาสให้นักศึกษาหลากหลายคณะได้เข้ามามีส่วนร่วม ต่างคนต่างมีหน้าที่ที่ตัวเองต้องรับผิดชอบตามความเหมาะสมและความสามารถของตัวเอง “พี่ปังเหนื่อยไหมครับเดี๋ยวแบล็คไปหยิบน้ำมาให้” “ก็ดีเหมือนกัน ขอบคุณนะคะ” ฉันยิ้มให้แบล็คน้องนิเทศศาสาตร์ปี 2 แบล็ครับบทเป็นพระเอกของเรื่องนี้ เรียกได้ว่าเป็นม้ามืดจริง ๆ เพราะตอนคัดเลือกตัวนักแสดง ฉันคิดว่าน้องอีกคนที่หล่อเซอร์ ๆ อยู่สถาปัตย์ปี 2 จะได้ สุดท้ายดันเป็นเด็กหน้าตี๋ใส่แว่นทรงเหมือนคุณหมอซะงั้น แต่ขอบอกไว้เลยนะ ว่าตอนแบล็คถอดแว่นคือหล่อมาก เห็นครั้งแรกใจเต้นผิดไปหลายจังหวะเหมือนกัน “น้ำครับพี่ปัง” แบล็คเปิดขวดน้ำเปล่าพร้อมกับใส่หลอดให้ฉันเรียบร้อย “บริการดีไปไหมครับคุณพระเอก5555” ฉันรับขวดน้ำจากแบล็คมาดื่มเพื่อดับกระหาย เราใช้เวลาพักแค่ 10นาที แล้วเริ่มซ้อมบทกันต่อเพราะเวลามีไม่มากนัก “ขอโทษนะครับพี่ปัง” “ไม่เป็นไร ๆ พี่รู้มันเป็นอุบัติเหตุ” ฉันโบกมือไปมาเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไรจริง ๆ เมื่อกี้มันผิดพลาดนิดหน่อย ในบทตอนที่นางเอกพูดประโยคนี้จบ พระเอกต้องดึงนางเอกเข้ามาใกล้ ๆ แต่จังหวะมันพลาด เพราะปากแบล็คชนเข้าที่หน้าผากฉันเต็ม ๆ เหมือนตั้งใจจับวาง “ว่าแต่พี่ปังใช้ยาสระฉันอะไรเหรอครับกลิ่นหอมดี ผมว่าจะไปซื้อมาใช้บ้าง” “หอมเหรอ พี่ว่ามันก็ปกตินะ” ฉันอยากจะถอดหัวตัวเองออกมาดมบ้าง ใช้มาเป็นปี ๆ พึ่งรู้ว่ามันหอมขนาดนั้น “หอมสิครับ กลิ่นแบบนี้หอมมาก..." แบล็คขยับเข้ามาใกล้ฉันอีกนิดแล้วโน้มหน้าลงมาให้อยู่ระหว่างศีรษะของฉัน สงสัยแบล็คคงจะชอบกลิ่นนี้จริง ๆ “อ่า...ได้เวลาพักเที่ยงแล้วเราไปกินข้าวกันเถอะ” ฉันถอยหลังให้ห่างจากแบล็คเล็กน้อย แล้วเอ่ยชวนเจ้าตัวไปกินข้าวด้วยกัน เพราะนี่มันก็เที่ยงกว่า ๆ แล้ว เห็นฝ่ายสวัสดิการตะโกนบอกให้พักแล้วด้วย ฉันนั่งมองกล่องข้าวผัดในมือก็รู้สึกเอียน ๆ มันเบื่อยังไงไม่รู้ ตักกินไปได้ไม่กี่คำก็ปิดฝากล่องแล้วยกน้ำขึ้นดื่มตาม “ไม่อร่อยเหรอครับ ผมเห็นพี่ปังกินไปนิดเดียวเอง” แบล็คที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เอ่ยถามฉัน จะบอกว่าพี่ไม่อยากกินข้าวผัดแต่อยากกินกะเพราหมูสับในมือเรามากกว่า จะดูเป็นการเสียมารยาทไปไหม ตอนแรกที่เขาให้หยิบกล่องข้าว ฉันก็ไม่ได้ฟังเหมือนกันว่ามีอะไรบ้าง ไปถึงก็หยิบ ๆ อย่างเดียวเพราะคิดว่ากล่องไหนก็เหมือนกัน “เรามาแลกกันไหมพี่ปัง ผมอยากกินข้าวผัดของพี่อะ” ฟ้าเต็มใจส่งเทพบุตรหน้าตี๋มาโปรดฉันแล้ว ปังรักฟ้า รักน้ำ รักปลา รักซากุระ “จะดีเหรอ คือพี่กินไปแล้วนะ” ปากพูดว่าจะดีเหรอ แต่มือคือกำลังยื่นข้าวกล่องของตัวเองให้น้องแล้ว เธอมันใจง่ายนังปัง! “พี่ปังนี่ตลกดีนะครับ5555 แถมยัง...น่ารักด้วย” “เมื่อกี้เราพูดว่าอะไรนะ พอดีพี่ได้ยินไม่ชัด” ฉันถามแบล็คออกไปคือได้ยินแต่ประโยคแรกอะ ประโยคหลังเหมือนแบล็คบ่นกับตัวเองมากกว่า หรือไม่ก็เป็นเพราะความหูตึงของฉันเอง “เปล่าครับไม่มีอะไร พี่กินไปก่อนนะครับ ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่ง” “โอเค ขอบใจสำหรับกะเพรากล่องนี้นะ” ฉันยิ้มจนตาปิดเป็นการขอบคุณแบล็ค คนอะไรจะใจดีขนาดนี้ ภาพคุณหมอใส่แว่นหน้าตาเป็นมิตรกำลังยิ้มให้คนไข้นี่ลอยมาเลย เสียดายที่ แบล็คเรียนนิเทศ ไม่งั้นฉันคงเรียกแบล็คว่าคุณหมอไปแล้ว ***** วันนี้เปอร์บอกให้ผมมารับน้องที่มหาลัย เนื่องจากมันติดงาน ส่วนผมเหรอ...โยนงานให้คริสตินจัดการเรียบร้อย บอกเลยว่าเรื่องน้องถึงไหนถึงกัน ผมถามนักศึกษาแถวนี้ว่าเขาซ้อมละครเวทีกันที่ไหน โชคดีที่เจอรุ่นน้องที่รู้จักมันเลยพาผมมาส่งถึงที่ แถมยังเป็นคนเขียนบทสำหรับละครเวทีครั้งนี้ด้วย โรงละครขนาดใหญ่ที่บรรจุคนได้หลายร้อยคน บนเวทีมีผ้าม่าน สีแดงเป็นฉากหลัง เป็นครั้งแรกที่เข้ามาที่นี่ ถึงผมจะจบมาจากมหาลัย แห่งนี้แต่ไม่เคยมาดูละครเวทีของมหาลัยเลยสักครั้ง ที่รู้จักคนเยอะก็อาศัยหน้าตาและความอัธยาศัยดีเข้าช่วยทั้งนั้น อย่านะครับผมรู้ว่าทุกคนกำลังคิดอะไรกันอยู่ ผมเป็นผู้ชาย เรื่องอย่างว่ามันก็มีบ้าง แต่ไม่ค่อยนิยมกินคนในมหาลัยเดียวกันเท่าไหร่ รู้สึกว่ามันมีปัญหาเยอะ ถ้ามีก็แบบคุยเล่น ๆ ไปกินข้าวดูหนังมันก็พอมีบ้าง แต่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งอะไร ก็ใจผมน่ะมันยกให้น้องคนนั้นไปหมดแล้ว น้องคนที่ตอนนี้นั่งแจกยิ้มให้คนอื่นเขาไปทั่ว ใครพูดด้วยก็ดูจะอารมณ์ดีมีความสุขไปหมด หลายคนที่เห็นผมเดินมาก็เริ่มหันไปซุบซิบนินทากัน บ้างก็หันมายิ้มหวานให้ผมโดยเฉพาะน้องผู้หญิง ที่ดูจะทำหน้าเคลิ้มเหมือนเจอดาราที่ตัวเองชื่นชอบ บอกแล้วว่าความหล่อผมมันไม่ได้มาเล่น ๆ “พี่ปังครับ วันนี้ให้ผมไปส่งนะ” ไอ้เด็กหน้าตี๋นั่นใคร ทำไมถึงดูสนิทสนมกับน้องขนมปังนุ่มฟูของผมขนาดนี้ แล้วที่มันบอกว่าจะไปส่งนั่นคืออะไร? อีกแค่ไม่กี่ก้าวผมก็จะเดินไปถึงน้องอยู่แล้ว แต่พอเห็นไอ้หน้าตี๋ที่ยืนคุยกับน้องอยู่ตรงนั้น ขาผมมันก็ก้าวไม่ไปเสียดื้อ ๆ “เดี๋ยวพี่มีคนมารับอะ” ผมมองน้องที่กำลังคุยกับไอ้เด็กหน้าตี๋ คนอื่น ๆ เขารู้กันหมดแล้วว่าผมยืนอยู่ตรงนี้ เว้นเสียแต่น้องนั่นแหละ เคยรู้อะไรบ้างไหมครับคุณเขมินท์! “แฟนพี่ปังเหรอครับ” “ไม่ใช่แฟน แต่เป็นพี่ชายต่างหาก” ผมรู้สึกเหมือนกำลังจมน้ำทั้งที่ตัวเองก็ว่ายน้ำเป็น พี่น้องโซนนี่มันเข้าแล้วออกยากเหมือนกันนะ “น้องปัง พี่มารับแล้วครับ” ผมเดินเข้าไปแทรกบทสนทนาของทั้งคู่ ไม่รอให้น้องได้ทักท้วงอะไรผมก็ดึงมือน้องให้เดินตามออกมา “อ้าว...แล้วพี่เปอร์ไปไหนล่ะคะ ทำไมวันนี้พี่อิทถึงมารับปังได้” น้องเอียงคอถามเหมือนที่ชอบทำ ผมเปิดประตูรถให้น้องแล้วเดินอ้อมมานั่งที่ประจำคนขับ “เปอร์ติดงานครับ วันนี้พี่ว่างเลยมารับเรา” “แบบนี้น่าจะบอกกันซักหน่อย พี่อิทก็ไม่น่าลำบากเลย ถ้าปังรู้ก่อนว่าพี่เปอร์ไม่ว่าง จะได้ขอติดรถรุ่นน้องกลับบ้านเห็นว่าไปทางเดียวกันพอดี” น้องพูดพร้อมกับเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์เล่นไปด้วย ผมแอบเห็นว่าน้องเข้าไลน์ไปบ่นเปอร์ที่ทิ้งตัวเองอีกแล้ว “พี่ไม่ลำบากอะไรเลย แถมยังเต็มใจอีกด้วย แล้วก็นะ...เมื่อวานเราคุยกันว่าไงครับ” ผมประคองใบหน้าหวานให้หันกลับมามองที่ผมแก้มนิ่ม ๆ ที่เคยได้จับคราวที่แล้ว สัมผัสของน้องฉันไม่เคยลืม “พี่อิทบอกว่าอย่าไว้ใจใครง่าย ๆ ค่ะ” น้องพยายามก้มหน้า แต่ติดมือผมที่จับหน้าน้องไว้อยู่ ผมรู้ว่าน้องกำลังงอนที่โดนดุ สงสัยเมื่อกี้น้ำเสียงผมจะแข็งกระด้างไปหน่อย “ดีมากครับคนเก่ง เดี๋ยววันนี้พี่พาไปกินขนมแล้วค่อยกลับบ้านกันนะครับ” ผมเกลี่ยแก้มนิ่มช้า ๆ อย่างเอ็นดู เหมือนโลกกำลังหยุดหมุนอีกครั้ง...ผมกำลังคิดไปเองใช่ไหมว่าใบหน้าน่ารัก ๆ ของน้องนั้นกำลังเลื่อนเข้ามาใกล้ฉันทีละนิด มันผิดคาดตรงที่อยู่ ๆ ผมก็เกิดปอดแหกหลับตาเพราะความตื่นเต้น กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่คุ้นเคย ทำให้รู้ว่าน้องไม่ได้ขยับออกไปไหนแถมมันยังใกล้ขึ้นกว่าเดิมมาก ๆ ฟู่วว~ ลมเบา ๆ สัมผัสเข้าที่บริเวณดวงตาที่กำลังปิดสนิท “มีอะไรติดขนตาพี่อิทก็ไม่รู้ ปังเอาออกให้แล้วนะคะ” น้องยิ้มให้ผมแล้วถอยหลังกลับไปที่เดิม มือขาว ๆ ดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดที่เอวแล้วฮัมเพลงเบา ๆ เป็นทำนองที่น้องชื่นชอบ “งั้น..เดี๋ยวพี่พาแวะร้านเค้กแถวมหาลัยนะ” จบแล้วชีวิตผู้ชายแมน ๆ ความหงุดหงิดในโรงละครหลายไปทันทีเมื่อเจอน้องทำแบบนี้ใส่ผม แพ้ทางน้องไปหมดทุกอย่างแล้วว่ะอิท ไม่รู้จะน่ารักไปเพื่อใคร... ใจพี่ก็มีแค่นี้ เราช่วยน่ารักให้น้อยลงกว่านี้ได้ไหมครับ... ***** “วนิลาชิ้นหนึ่งค่ะ เครื่องดื่มขอเป็นน้ำเปล่ากับกาแฟดำ แค่นี้แหละค่ะ” น้องใช้สายตามองเมนูอยู่สักพักก็เอ่ยสั่งพนักงานที่กำลังยืนรอรับออเดอร์ วนิลาของโปรดน้อง ส่วนกาแฟดำ...ของผมองครับ เวลานี้ก็ยังไม่หยุดน่ารัก...น้องครับ พี่อิทคนนี้จะไม่ไหวแล้วนะ “มองดูแล้วที่นี่ไม่มีดาร์กช็อคเข้ม ๆ เลย ผังเลยสั่งกาแฟดำให้พี่อิทแทน” ความใส่ใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ของคนตัวเล็กตรงหน้า ทำให้ผมต้องยกมือขึ้นไปยีผมนุ่ม ๆ ของน้อง เค้กและเครื่องดื่มเริ่มถยอยมาส่งที่โต๊ะ บรรยากาศในร้านตอนนี้ดูวุ่นวายไปหมด เพราะเป็นเวลาที่นักศึกษาเลิกเรียนกันแล้ว ส่วนน้องก็คอยเล่าเรื่องราวที่ซ้อมละครเวทีวันนี้ให้ผมฟัง ทุกครั้งที่น้องยิ้มผมก็มักจะยิ้มตามไปด้วยเสมอ เว้นเสียแต่เรื่องเดียวคือไอ้เด็กหน้าตี๋นั่น! แบล็คนิเทศปี 2 พระเอกที่เล่นคู่กับน้อง เวลาน้องพูดถึงมันก็มักจะยิ้มไม่ก็ขำออกมา และเรื่องที่ทำให้ผมโมโหที่สุดก็คือเรื่องที่มันกล้ามาดมผมของน้อง! ถึงน้องจะบอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุก็เถอะ แต่มองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่าไอ้ตี๋นั่นมันตั้งใจชัด ๆ ไม่พอยังมีหน้ามาชมด้วยว่าผมน้องหอม ไอ้ตี๋นี่มันวอนไม่รู้เลยหรือไง ว่าของใครเป็นของใคร “พี่ว่าวันนี้เราหัวเหม็นนะปัง” น้องตาโตมองผมที่อยู่ ๆ ฉันก็พูดออกไปแบบนั้น เป็นใครได้ฟังคงจะอายไม่น้อยที่มีคนมาบอกว่าเราหัวเหม็น “จริงเหรอพี่อิท แต่ปังพึ่งสระฉันมาเมื่อวานเองนะ แงงงแล้วนี่คือแบล็คหลอกปังเหรอ” ปากเล็ก ๆ สีเชอร์รี่เริ่มเบะออก มือที่เคยถือช้อนตักขนมอยู่ก็เอามาลูบ ๆ หัวตัวพยายามที่จะดมกลิ่นมัน “เราทำแบบนั้นจะไปได้กลิ่นได้ไง เดี๋ยวพี่พิสูจน์ให้อีกรอบดีกว่า” ผมลุกขึ้นโน้มตัวไปหาน้องที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม กลิ่นผลไม้อะไรสักอย่างที่คาดว่าน่าจะเป็นแตงโมมันหอมจนเตะจมูกมาจากเส้นฉันของน้อง ผมสูดดมจนพอใจแล้วถึงกลับมานั่งที่ตำแหน่งเดิมของตัวเอง “หื้มม...หอมอยู่นะครับสงสัยพี่จะจำผิด5555” ขอโทษที่พี่อดใจไม่ไหวนะครับน้องขนมปัง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD