หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ณ ท่าอากาศสุวรรณภูมิ
ปองธรรมลุกขึ้นยืนเมื่อคนที่เขารอเดินออกมาจากห้องโถงของผู้โดยสารขาเข้า หลังจากเขารับตำแหน่งรองประธานบริษัทอินฟินิตี้ ควอลิตี้ เอ็นจิเนียริ่งได้ไม่กี่วัน
โชติกาเดินทางไปดูความคืบหน้าของงานที่ฮ่องกง ซึ่งทางบริษัทรับออกแบบและตกแต่งภายในเอาไว้ อีกทั้งเจ้าของโรงแรมที่โชติกาเดินทางไปดูแลและควบคุมการออกแบบและตกแต่งภายในด้วยตัวเองก็เป็นโรงแรมของเพื่อนสนิทของเธอเอง
“เป็นไงบ้างครับพี่ใบเตย” ปองธรรมถามขึ้นอย่างเป็นห่วง เมื่อโชติกามีท่าทางแปลกไป หรือว่างานที่ฮ่องกงมีปัญหา แต่จากข้อมูลที่เขาได้รับเมื่อวาน งานที่ฮ่องกงก็คืบหน้าไปเกือบเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์
“ไม่มีปัญหา การตกแต่งโรงแรมคืบหน้าไปเยอะเลย ว่าแต่ป้องเถอะ ที่บริษัทมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“เอ่อ...ก็นิดหน่อยครับ” ปองธรรมตอบ รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ปัญหาที่เกิดขึ้นในบริษัทช่วงนี้ ส่วนใหญ่มาจากมารดาและพี่สาวของเขา ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับพนักงานในบริษัทเลย ถ้าเขาบอกโชติกา ไม่รู้ว่ามารดากับพี่สาวจะเจอกับอะไรบ้าง
“คุณนลินีกับปาลินีเข้าไปวุ่นวายในบริษัทใช่ไหม” ถึงปองธรรมไม่พูด เธอก็รู้เรื่องที่สองแม่ลูกคู่นี้บุกเข้าไปก่อปัญหาในบริษัท ที่เธอกลับมาจากฮ่องกงก่อนกำหนดเพราะเรื่องนี้แหละ เพราะเธอไม่นึกว่าคุณนลินีจะพาลูกสาวบุกไปหาเรื่องปองธรรมที่บริษัทด้วยตัวเอง
“ครับ พี่ใบเตยรู้เรื่องนี้แล้วหรือครับ”
“ฉันรู้ตั้งแต่ชั่วโมงแรกที่สองแม่ลูกนั่นบุกไปหาเรื่องนายแล้วล่ะ”
“ขอโทษนะครับพี่ใบเตย ที่คุณแม่กับพี่นีของผมเข้าไปก่อปัญหาที่บริษัท จนทำให้พี่ใบเตยต้องกลับมาก่อนกำหนด”
“มันไม่ใช่ความผิดของนายหรอกป้อง สองคนนั้นไม่รู้จักความพอดีมากกว่า อยากได้อยากมีจนไม่สนใจว่าใครจะเดือดร้อน”
“พี่นีก็แค่อยากเข้ามาทำงานในบริษัทเท่านั้นแหละครับพี่ใบเตย”
“ปาลินีเรียนไม่จบอะไรมาสักอย่าง แล้วนายจะให้ฉันรับพี่สาวของนายเข้ามาทำงานในบริษัทได้ยังไงกันล่ะป้อง” โชติกาบอกถึงสาเหตุที่เธอไม่รับปาลินีเข้ามาทำงานในบริษัท เรียนไม่จบอะไรสักอย่าง แต่ดันสะเออะอยากทำงานอีก คิดว่าเป็นลูกเลี้ยงของเจ้าของบริษัทแล้วจะเข้ามาทำงานได้ง่ายๆ สินะ เรื่องแบบนั้นจะไม่มีวันเกิดขึ้นกับบริษัทที่เธอเป็นเจ้าของโดยเด็ดขาด
“ผมเข้าใจเรื่องนั้นดีครับ แต่พี่นีไม่ได้คิดเหมือนผมนะครับ อะไรก็ตามที่พี่นีเล็งเอาไว้ พี่นีก็จะต้องเอามันมาให้ได้”
“เลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะป้อง ฉันอยากกลับบ้านไปอาบน้ำจะแย่แล้ว”
“ครับ ส่งกระเป๋ามาสิครับ เดี๋ยวผมถือให้” ปองธรรมบอก
“ขอบใจนะ” โชติกาเอ่ยขอบคุณแล้วยื่นกระเป๋าเดินทางให้ปองธรรม ก่อนจะชวนกันกลับบ้าน ตอนนี้เธอเหนื่อยและต้องการพักผ่อนยิ่งกว่าสิ่งไหน ส่วนเรื่องของคุณนลินีกับปาลินี เอาไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้ก็ได้
////////
ชายหนุ่มร่างสูงกำยำ หยุดเดินอยู่กลางห้องโถงใหญ่ภายในห้องผู้โดยสารขาเข้า กวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อหาเพื่อนสนิทที่เขานัดเอาไว้ หลังจากเขาได้รับสายจากเพื่อนต่างแดน เขาก็รีบเคลียร์งานและขับรถมารอรับเพื่อนสนิทคนนี้ทันที กี่ปีแล้วนะที่เขาไม่ได้เจอกับแฟรงค์ คารุสโซ่ คงประมาณสามปีได้ที่พวกเขาไม่ได้เจอกัน ครั้งสุดท้ายที่ได้คุยกัน ก็ตอนงานวันเกิดของแฟรงค์เมื่อหลายปีก่อน จากนั้นไม่นานแฟรงค์ก็ถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจในประเทศอัฟกานิสถาน
เมื่อสองเดือนก่อนแฟรงค์ก็โทรศัพท์มาหาพร้อมกับบอกว่าจะเดินทางมาพักผ่อนที่เมืองไทย เขาก็รออยู่หลายวันก็ยังไม่เห็นแฟรงค์เดินทางมาเมืองไทยอย่างที่บอก พอโทรศัพท์ไปหา จึงได้รู้ว่าแฟรงค์อยู่ที่ญี่ปุ่น จนกระทั้งเมื่อวาน เขาก็ได้รับโทรศัพท์อีกครั้ง และบอกว่าจะมาถึงเมืองไทยในวันนี้ ให้เขามารอรับที่สนามบินด้วย
พีรวิทย์กำลังตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง ก่อนตื่นจากภวังค์เพราะเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือของเขา แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นดูว่าเจ้าของเบอร์ที่โชว์อยู่บนหน้าจอว่าเป็นใคร
“ยัยภัทรโทร. มาทำไม หรือมีปัญหาเรื่องเงินอีก” ชายหนุ่มพึมพำ ขณะกดรับสายจากภัทริยา แล้วถามถึงสาเหตุที่หญิงสาวโทรศัพท์มาหาเขา
“ว่าไงยัยภัทร มีปัญหาอะไรอีกล่ะ ถึงโทร.หาอา”
“ภัทรอยากทำงานค่ะอาพีท”
“ก็ทำสิภัทร โรงแรมของอามีตำแหน่งว่างอยู่หลายตำแหน่ง ภัทรอยากทำงานตำแหน่งอะไรล่ะ” ไม่บ่อยนักหรอกที่หลานสาวคนนี้ของเขา เกิดคิดอยากทำงานขึ้น ถึงตอนนี้โรงแรมของเขาจะไม่มีตำแหน่งว่างก็เถอะ แต่ถ้าภัทริยาต้องการทำงานจริงๆ เขาก็มีตำแหน่งในโรงแรมให้ทำอยู่แล้ว
“ภัทรไม่ได้อยากทำงานที่โรงแรมของอาพีท แต่ภัทรอยากทำงานที่บริษัทอินฟินิตี้ ควอลิตี้ เอ็นจิเนียริ่งนะคะอาพีท”
“อานึกว่าภัทรอยากทำงานที่โรงแรมของอาเสียอีก”
“อาพีทช่วยภัทรหน่อยสิค่ะ” ภัทริยาทำเสียงอ้อนบอกปลายสาย
“ภัทรจะให้อาช่วยอะไรล่ะ” พีรวิทย์ถามหลานสาวอย่างแปลกใจ นึกว่าภัทริยาอยากทำงานที่โรงแรมของเขาเสียอีก ที่ไหนได้...ดันอยากทำงานที่บริษัท อินฟินิตี้ ควอลิตี้ เอ็นจิเนียริ่งเสียได้ ทั้งที่สนิทกับเจ้าของบริษัท แล้วทำไมต้องให้เขาช่วย
“อาพีทสนิทกับคุณพ่อของใบเตยใช่ไหมค่ะ”
“ก็ไม่สนิทไม่เท่าไรหรอก แต่ก็พอคุยกันได้ ทำไมภัทรไม่คุยกับเพื่อนของภัทรเองล่ะ อาว่าภัทรคุยกับเพื่อนจะง่ายกว่าให้อาคุยกับคุณเทิดนะ” แทนที่จะให้เขาไปคุยกับคุณเทิด ให้ภัทริยาไปคุยกับโชติกาไม่ดีกว่าหรือ ยังไงก็เป็นเพื่อนสนิทกันอยู่แล้ว คงจะคุยได้ง่ายกว่า
“เพราะใบเตยไม่รับภัทรเข้าทำงานไงค่ะอาพีท”
“อ้าว” คิ้วเรียวเข้มของพีรวิทย์ขมวดเข้าหากันฉับพลัน เมื่อฟังคำอธิบายจากปากของหลานสาว ถ้าโชติกาไม่ยอมรับภัทริยาเข้าทำงาน บิดาของโชติกาก็คงไม่สามารถช่วยให้หลานสาวของเขาเข้าทำงานในบริษัท อินฟินิตี้ ควอลิตี้ เอ็นจิเนียริ่งได้เช่นกัน
“ถ้าโชติกาไม่รับภัทรเข้าทำงาน แล้วอาจะช่วยให้ภัทรทำงานในบริษัทของโชติกาได้ยังไงล่ะ”
“ไม่รู้ล่ะ ยังไงอาพีทก็ต้องภัทร”
“แค่นี้ก่อนนะยัยภัทร”
“เดี๋ยวสิค่ะอาพีท เรายังคุยกันไม่จบเลยนะคะ”
“ไว้ค่อยคุยกันที่หลังนะภัทร เพื่อนอามาแล้ว” พีรวิทย์ตัดสายจากหลานสาว เมื่อเห็นเพื่อนสนิทเดินตรงเข้ามาหาเขา มือเรียวยาวพับเก็บโทรศัพท์มือถือลงในกระเป๋า ขณะเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่อยู่ในสภาพหนุ่มเซอร์สุดๆ
“เกิดอะไรขึ้นกับนายนะแฟรงค์”
“เปล่า”
“เปล่าอะไรของนาย สภาพที่ฉันเห็น นี่มันอะไรกัน จากหนุ่มฮอต ติดอันดับของนิตยสาร People กลายมาเป็นหนุ่มเซอร์ติดดินแถมยังดูเถื่อนอีก เกิดอะไรขึ้นกับนายนะแฟรงค์”
“ไม่มีอะไรหรอกพีท ไปกันได้หรือยัง ฉันอยากอาบน้ำ”
“ก็ได้” พีรวิทย์รับคำอย่างช่วยไม่ได้ เห็นสภาพดูไม่ได้ของแฟรงค์แล้ว ก็ชักรู้สึกเป็นห่วง เกิดอะไรขึ้นในช่วงสามปีที่ไม่ได้เจอกัน แล้วผู้หญิงที่แฟรงค์แนะนำให้เขารู้จักในวันเกิดเมื่อหลายปีก่อนอยู่ที่ไหน ทำไมถึงไม่มาด้วยกัน หรือทั้งคู่จะเลิกกันไปแล้ว หากเทียบกับเมื่อสามปีก่อน เขาคิดว่าแฟรงค์เปลี่ยนไปมากทีเดียวจากหนุ่มหล่อ เจ้าสเน่ห์ สุขุมและเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง หนุ่มที่สาวๆ ทั้งประเทศหลงใหล ด้วยฐานะ ชาติตระกูล การศึกษาและตำแหน่งหน้าที่การงานที่กำลังรุ่งจนฉุดไม่อยู่เมื่อสามปีก่อนหายไปไหน
////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...