เช้าวันถัดมามีศิษย์น้องคนนึงมาแจ้งว่าท่านอาจารย์เรียกให้นางไปหา
อาจารย์ของนางในโลกนี้มีชื่อว่าหลิงซ่ง เขาเป็นผู้ฝึกตนระดับปรมาจารย์ อายุจริงๆ ของเขานับได้เกือบร้อยปี แต่เพราะเขาเป็นผู้ฝึกบำเพ็ญ ด้วยพลังตบะและยาอายุวัฒนะร่างกายจึงยังคงรักษาไว้ได้ราวกับยังเป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบปีเท่านั้น
ไป๋โม่มาพบอาจารย์และยืนฟังเขาสั่งสอนอย่างเงียบๆ ด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
"โม่โม่เอ๋ย…ตอนนี้เจ้าอายุสิบแปดแล้วยังหาคู่ร่วมบำเพ็ญไม่ได้เลย…ลูกศิษย์หญิงคนอื่นๆ ก็มีคู่บำเพ็ญไปแล้วหลายคน แต่เจ้าที่เป็นศิษย์สายตรงของข้า...เหตุใดถึงไม่สนใจเรื่องคู่ครองเลยนะ" หลิงซ่งมองหน้าลูกศิษย์ของตนแล้วก็ถอนหายใจที่ลูกศิษย์ยังคงมีปฏิกิริยาเงียบนิ่ง "หากว่าเจ้ายังทำสีหน้าเช่นนี้...ต่อไปอาจารย์ในอนาคตเจ้าของจะหาคู่บำเพ็ญได้ยากยิ่ง เจ้าอย่าเอาแต่ทำหน้าเคร่งเครียดอยู่ทั้งวัน ดูอย่างศิษย์น้องคนอื่นๆ สิ ทำตัวให้น่ารักน่าทะนุถนอม…ผู้บำเพ็ญชายคนอื่นจะได้สนใจเจ้าบ้าง”
ไป๋โม่ฟังที่อาจารย์สั่งสอนแบบเข้าหูซ้ายแล้วทะลุออกหูขวา จากความทรงจำของร่างเดิมท่านอาจารย์ของนางมักจะพูดเรื่องนี้ทุกครั้งเวลาที่ได้เห็นหน้า ทำตัวเหมือนกับบิดาที่ต้องการให้ลูกสาวออกเรือน
ปรมาจารย์หลิงซ่งหลังจากบ่นจู้จี้ให้กับลูกศิษย์จนพอใจแล้ว เขาก็เปลี่ยนสีหน้าและเริ่มพูดคุยเรื่องจริงจังในสำนักขึ้นมา "วันทดสอบการต่อสู้กับปีศาจใกล้เข้ามาแล้ว ในบรรดาลูกศิษย์รุ่นเดียวกัน...เวลานี้มีเพียงเจ้าและฉางคุนเท่านั้นที่มีระดับการบำเพ็ญสูงที่สุด ฉะนั้นในช่วงเวลาทดสอบพวกเจ้าก็คอยดูแลความปลอดภัยให้กับศิษย์น้องคนอื่นในสำนักก็แล้วกัน"
"ศิษย์น้อมรับคำสั่งเจ้าค่ะ” ไป๋โม่กล่าวตอบรับเสียงเบา
หลิงซ่งแอบถอนหายใจ แล้วโบกมือขึ้นเป็นเชิงไล่นางออกไป "ไปเก็บของแล้วเตรียมตัวให้ดี"
ลูกศิษย์ของเขาคนนี้ช่างเฉยชายิ่งนัก ในบรรดาลูกศิษย์ชายคนอื่นต่างไม่มีใครเข้าตานาง หนึ่งเพราะนางเก่งเกินกว่าเพื่อนร่วมรุ่นเดียวกัน สองใบหน้าของนางสงบนิ่งราวกับแบกโลกเอาไว้ทั้งใบ ในโลกแห่งการฝึกบำเพ็ญนี้ไม่มีใครที่หน้าตาไม่ดี แต่นางเป็นพวกนิ่งเฉยเกินไปทุกคนจึงค่อนข้างหวาดกลัวนาง
ในฐานะอาจารย์เขารู้สึกกังวลกับลูกศิษย์ที่กำพร้าผู้นี้ เขาเห็นนางเป็นเหมือนบุตรีของตน และในอนาคตเขาไม่สามารถปกป้องนางตลอดไปจึงอยากที่จะให้นางมีคู่บำเพ็ญที่ดีและสามารถอยู่ร่วมกันกับนางไปตลอดชีวิต แต่ลูกศิษย์ของเขาดูเหมือนจะยังไม่สนใจในเรื่องนี้เลย…เช่นนั้นก็ช่างเถอะ!...เขายังอยู่บนโลกใบนี้อีกนาน ดังนั้นก็ค่อยๆ หาไปก็แล้วกัน!
ไป๋โม่ที่เพิ่งเดินออกจากห้องโถงนางรู้สึกจิตใจไม่สงบ ในการทดสอบต่อสู้กับปีศาจครั้งนี้มันเป็นบททดสอบที่เหล่าศิษย์ในสำนักต้องผ่านมันไปให้ได้ ปีนี้ผู้นำการทดสอบเป็นนางและฉางคุน เนื่องจากพวกเขาทั้งคู่เป็นคนที่มีพลังตบะสูงที่สุด
หญิงสาวรู้สึกกังวลใจมาก เพราะแม้ว่าตอนนี้นางจะมีความทรงจำของร่างเดิม แต่นางยังควบคุมพลังวิญญาณในร่างได้ไม่คล่องมือนัก การไปต่อสู้กับปีศาจครั้งนี้ก็ไม่รู้ว่าจะรอดหรือไม่
ในขณะที่นางกำลังจะเดินกลับกระท่อมที่พัก ก็ได้เสียงศิษย์น้องคนอื่นๆ ในสำนักกระซิบกระซาบกัน
"ศิษย์พี่หญิงไป๋และศิษย์พี่ฉาง" คำสนทนาของพวกเขาล้วนมีชื่อของนางและฉางคุนอยู่ และด้วยความสงสัยนางจึงเดินเข้าไปใกล้ๆ คอยแอบฟังต่อไป
“เจ้าฟังมาผิดหรือเปล่าศิษย์พี่ทั้งสองต่างชำนาญในการควบคุมกระบี่ เหตุใดจึงต้องใช้กระบี่เล่มเดียวกันด้วย”
“ข้าได้ยินมาจากสหายคนอื่น พวกเขาบอกว่าเห็นศิษย์พี่ทั้งสองกอดกันบนกระบี่ด้วย ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงพวกเจ้าคิดว่าทั้งคู่จะไม่มีความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างกันหรอกหรือ"
"แต่ข้าว่าศิษย์พี่หญิงไป๋กับศิษย์พี่ฉางเป็นคนที่มีความสามารถและหน้าตาดีทั้งคู่ หากพวกเขาอยู่ด้วยกันก็ดูเจริญหูเจริญตาไม่น้อย"
ไป๋โม่และฉางคุนเป็นลูกศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดในสำนัก พวกเขามีความสามารถและรูปลักษณ์อันงดงาม แต่พวกเขามักจะมีใบหน้าที่เย็นชา มีรัศมีน่าเกรงขามจนทำให้ผู้คนไม่อยากเข้าใกล้ ลูกศิษย์หลายคนก็คิดว่าหากพวกเขาอยู่ด้วยกันก็เป็นคู่บำเพ็ญที่เหมาะสมกันดี
ไป๋โม่ฟังการสนทนาของพวกเขา ก็คิดว่าข่าวลือมันเกินเลยไปจากความจริงมาก เมื่อวานพวกนางเพิ่งจะขึ้นกระบี่เล่มเดียวกัน ข่าวลือเรื่องความสัมพันธ์ก็แพร่กระจายไปไกล หากเป็นเช่นนี้มันจะไม่เป็นผลดีสำหรับพระเอกและนางเอกแน่!
นางต้องอธิบายเรื่องราวนี้ให้ทุกคนเขาใจอย่างชัดเจน ขณะที่หญิงสาวกำลังจะก้าวออกไป แขนของนางก็ถูกมือทรงพลังคว้าไว้
ไป๋โม่ตกใจแต่เมื่อนางหันกลับมา นางพบว่าคนที่คว้าแขนนางไว้เป็นหนึ่งในตัวเอกของเหตุการณ์นี้ ซึ่งก็คือฉางคุนนั่นเอง
ดูเหมือนว่าประสาทรับรู้ของหญิงสาวจะต่ำมาก จนนางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขามาปรากฏตัวอยู่ด้านหลังตั้งแต่เมื่อใด เขาดึงนางออกมาจากบริเวณนั้นและพาเดินไปทางอื่น หลังจากเดินออกไปไกลพอสมควร ไป๋โม่ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย "เหตุใดศิษย์น้องถึงไม่ให้ข้าไปอธิบายเล่า"
ฉางคุนนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งอันที่จริงเขากลัวว่าไป๋โม่จะพูดเรื่องไร้สาระออกไปจนทำให้เรื่องราวมันซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ ข่าวลือเช่นนี้ใช้เวลาไม่นานคนก็จะค่อยๆ ลืม อีกอย่างความสัมพันธ์ระหว่างเขากับศิษย์พี่หญิงมันก็ไม่ได้มีอะไร ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้คนอื่นเข้าใจ
ไป๋โม่ไม่รู้ว่าชายหนุ่มคิดอะไรอยู่ในใจ นางเพียงแค่กลัวว่าข่าวนี้จะสร้างปัญหาให้กับเขาและนางเอกของเรื่องเท่านั้น "เจ้าไม่กลัวว่าคนอื่นจะเข้าใจผิดหรือ"
หญิงสาวเหลือบมองฉางคุนและถามอย่างสงสัย คนอื่นที่นางว่าย่อมหมายถึงศิษย์น้องหญิงซูของเขา เนื่องจากในอนาคตทั้งสองจะต้องเป็นคู่รักกัน ในเวลานี้พวกเขาควรจะเริ่มชอบพอกันได้แล้ว ถ้ามีข่าวลือกับผู้หญิงคนอื่นเขาไม่กลัวว่าจะทำให้ศิษย์น้องซูเสียใจหรอกหรือ
"ไม่" ฉางคุนตอบด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง เขาไม่ได้สนใจความคิดของคนอื่น จุดมุ่งหมายของเขาคือการบำเพ็ญเพียรเท่านั้น
แม้ว่าเขาจะพูดเช่นนั้นแต่ไป๋โม่ก็ยังไม่สบายใจ จากที่หญิงสาวเคยอ่านนิยายมาหลายเรื่อง นางพบว่าการแทรกแซงความสัมพันธ์ระหว่างพระเอกและนางเอกเป็นสิ่งที่อันตราย ทางที่ดีหากมีโอกาสควรหาเวลาอธิบายให้กับนางเอกอย่างชัดเจนดีกว่า
หลังจากที่ทั้งสองเดินไปสักพัก ไป๋โม่ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ฉางคุนยังคงเดินตามนางมาเรื่อยๆ โดยไม่มีท่าทีว่าจะจากไป
"ศิษย์น้องมีธุระอะไรอีกหรือ"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของฉางคุนก็มืดลงทันที
"ไม่มี" เขาพูดออกมาแค่นี้จากนั้นก็โยนกระบี่ขึ้นไปในอากาศแล้วก็บินจากไป
ไป๋โม่ตกอยู่ในความงุนงง ดูเหมือนว่าเขาจะเค้นเสียงพูดออกมาในตอนท้าย น้ำเสียงฟังดูเหมือนกับว่ากำลังโกรธ หญิงสาวไม่เข้าใจว่าฉางคุนโกรธนางด้วยเรื่องใดกันแน่...
❤️ถ้าชอบฝากกดใจ กดเข้าชั้น แล้วคอมเม้นท์เข้ามาเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะคะ❤️