2ตื่นมาในโลกผู้บำเพ็ญตน

1208 Words
ปลายนิ้วของไป๋โม่เริ่มขยับ เธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่ หญิงสาวค่อยๆ ลุกขึ้นมองสำรวจไปรอบๆ ห้องที่ตนเองอยู่ นี่มันอะไรกัน! โดนรถชนเต็มๆ ขนาดนี้เธอยังมีชีวิตอยู่อีกเหรอ! ในเวลานี้เธอนอนอยู่บนเตียงหินสีขาว เมื่อสังเกตสภาพแวดล้อมโดยรอบ หญิงสาวก็พบว่านี่ไม่ใช่ห้องธรรมดาทั่วไป เธอพบว่าตอนนี้อยู่ในถ้ำอันมืดมิด นอกจากเตียงหินก็ไม่มีการตกแต่งอื่นใด ไม่มีแม้กระทั่งน้ำและอาหาร เมื่อพยายามครุ่นคิดภาพความทรงจำที่ไม่ใช่ของเธอทีละฉากก็แทรกผ่านเข้ามาในศีรษะ ดูเหมือนว่านี่คือโลกแห่งการฝึกตนเป็นเซียนเจ้าของร่างเดิมชื่อไป๋โม่เหมือนกันกับเธอ ตอนนี้หญิงสาวคือศิษย์สายตรงของเจ้าสำนักเมฆาคล้อยซึ่งเป็นสำนักที่ค่อนข้างมีชื่อในโลกแห่งการฝึกตนเป็นเซียนแห่งนี้ "มาอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องปากท้องอีก" ไป๋โม่ยินดีกับชีวิตใหม่นี้มากกว่าโลกเดิม ที่ต้องปากกัดตีนถีบเพื่อดำรงเลี้ยงชีพ เมื่อนึกถึงชื่อของตนเองบวกกับสถานการณ์ในตอนนี้ นางก็คิดขึ้นได้ว่านี่คือโลกของนิยายแนวฝึกบำเพ็ญตนอันยอดฮิตบนเว็บไซต์ที่เคยอ่านเมื่อตอนเรียนสมัยมหาวิทยาลัย เนื้อเรื่องบอกเล่าถึงการผจญภัยของพระเอกที่ชื่อฉางคุนและอุปสรรคในการบำเพ็ญตนจนเขาบรรลุไปเป็นเซียนใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับนางเอกที่เป็นคู่รักเหมยเขียวม้าไม้ไผ่ ตัวละครของนางคือคนที่อยู่ในช่วงเวลาที่พระเอกยังเป็นวัยรุ่น เป็นตัวประกอบที่พระเอกไม่ค่อยชอบหน้า แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ไป๋โม่สนใจ นางเพียงต้องการจะใช้ชีวิตอยู่ในโลกแห่งการฝึกตนนี้ท่องยุทธภพชมธรรมชาติไปเรื่อยๆ อย่างอิสระ เมื่อเขาบรรลุไปเป็นเซียน นางก็จะไม่ได้อยู่ในเศษเสี้ยวความทรงจำของเขาอีกต่อไป ตอนนี้แค่ไม่ทำให้พระเอกมีความเกลียดชังนางเพิ่มขึ้น ในอนาคตชีวิตของนางก็จะราบรื่นสมดังใจ แต่เวลานี้ไป๋โม่ต้องหาทางออกจากถ้ำก่อน เมื่อทบทวนความทรงจำก่อนหน้าดูเหมือนว่าเวลาเปิดประตูถ้ำ นางจะใช้พลังปราณของตัวเองเปิดประตู หญิงสาวทดลองดึงพลังจินตันในร่างของตนเองและพบว่านางสามารถใช้มันได้ ไป๋โม่รู้สึกตื่นเต้นมาก โลกของนิยายมันช่างน่ามหัศจรรย์ยิ่งนัก ประตูหินเคลื่อนออกช้าๆ จากกำลังภายในของนาง เมื่อเปิดปากถ้ำออกมาได้ความร้อนจากแสงแดดภายนอกพุ่งเข้ามากระทบกับใบหน้าของเธอ ด้านนอกของถ้ำมีชายหนุ่มในชุดคลุมสีฟ้าโปร่งพลิ้วไสวไปตามแรงลม เขากำลังขี่กระบี่มุ่งตรงมาหานาง ไป๋โม่ยืนมองด้วยความอัศจรรย์ใจ ชายหนุ่มในชุดคลุมสีฟ้าโปร่งควบคุมกระบี่ร่อนลงตรงหน้านางอย่างสวยงาม เขาพูดทักทายนางด้วยรอยยิ้ม "ศิษย์พี่หญิงท่านออกจากการฝึกตนแล้วหรือ…ช่างโชคดียิ่งนักที่ข้าบังเอิญฝึกกระบี่อยู่ไม่ไกลเลยได้ยินความเคลื่อนไหวที่ปากถ้ำพอดี” ชายหนุ่มตรงหน้าคือศิษย์น้องร่วมสำนักเดียวกันกับนาง เขาชื่อว่าเสิ่นอี้ชายหนุ่มผู้นี้ค่อนข้างที่จะเคารพนับถือนางมาก ไป๋โม่พยักหน้าให้กับเขา "การกักตัวบำเพ็ญครั้งนี้ทำให้พลังวิญญาณของข้าเพิ่มพูนมากขึ้นทีเดียว" เสิ่นอี้พบว่าใบหน้าของศิษย์พี่หญิงดูซีดลงเล็กน้อย เขาจึงคิดว่านางคงเหนื่อยจึงรีบขอตัวจากไปก่อน "เช่นนั้นข้าขอตัวไปฝึกกระบี่ก่อน..ไม่รบกวนเวลาของศิษย์พี่หญิงแล้วขอรับ" ไป๋โม่คิดที่จะขอซ้อนท้ายกระบี่ของเขา เพื่อกลับไปกระท่อมที่พัก เพราะตอนนี้นางยังขี่กระบี่ไม่เป็น และกระท่อมของนางก็อยู่บนยอดเขา ถ้าจะให้เดินขึ้นไป....ขาคงหักก่อนเป็นแน่ แต่เขาก็ไม่เปิดโอกาสให้นางได้พูด รีบหันกายขี่กระบี่กลับไป ทิ้งให้หญิงสาวยืนยกมือค้างอยู่ตรงนั้น… ไป๋โม่จึงจำใจต้องเดินเตร็ดเตร่ไปเรื่อยๆ เพื่อหวังว่าจะมีสิทธิ์ร่วมสำนักคนอื่นๆ เดินผ่านมาบ้าง ขณะที่นางเดินไปเรื่อยๆ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะของหญิงสาวที่ใสราวกับระฆังเงินดังแว่วมาจากระยะไกล ตามด้วยเสียงพูดเจื้อยแจ้วดังมาตามลม "ศิษย์พี่ ดอกไม้ที่ข้าปลูกอยู่ข้างหน้า ข้าจะพาท่านเดินไปดู" "อืม"เสียงชายคนหนึ่งตอบรับหญิงสาว แม้เขาจะตอบรับในลำคอเพียงสั้นๆ แต่น้ำเสียงของเขาก็ทุ้มลึกฟังแล้วรู้สึกผ่อนคลายสบายใจ หญิงสาวคนนั้นหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข และเพราะมัวแต่หันหลังไปพูดกับชายหนุ่ม สาวน้อยจึงไม่ได้มองทางและกำลังเดินเข้ามาชนกับไป๋โม่แล้ว ไป๋โม่เห็นว่าผู้หญิงคนนั้นวิ่งเข้ามาหานางโดยไม่มองทาง ในระยะที่กะโดยสายตาอีกเพียงไม่กี่ก้าวก็จะชนเข้ากับนางแล้ว! ดูจากกิริยะท่าทางของทั้งคู่ และฉากอันคุ้นเคยนี้ ทำให้คาดเดาได้ว่าชายหนุ่มและหญิงสาวทั้งคู่ที่กำลังเดินมุ่งตรงมาทางนี้ คือพระเอกกับนางเอกของเรื่อง ไป๋โม่ไม่ต้องการขัดขวางการพลอดรักของพระเอกและนางเอก จึงรีบถอยหลังหลีกทางให้ "นี่…เจ้าเหยียบดอกไม้ของข้าแล้วนะ " เมื่อผู้หญิงคนนั้นวิ่งมาถึง สิ่งแรกที่นางสังเกตเห็นก็คือดอกไม้ที่ตนเองปลูก ได้อยู่ที่ใต้ฝ่าเท้าของไป๋โม่นางจึงรีบตำหนิออกไป แต่เมื่อนางเงยหน้าขึ้น นางก็รู้ว่าคนที่นางเพิ่งตำหนิคือศิษย์พี่หญิงไป๋โม่ หญิงสาวคนนั้นจึงตกใจมากและก้มหน้าลงด้วยความหวาดกลัว! ไป๋โม่เดาไม่ผิดจริงๆ หญิงสาวตรงหน้าก็คือนางเอกของเรื่องที่ชื่อว่าซูเหมย นางมีภาพลักษณ์ที่เป็นสาวน้อยสดใสมีชีวิตชีวา เป็นแสงสว่างอันอบอุ่นให้กับพระเอกของเรื่อง ไป๋โม่กระแอมไปออกมาอย่างไม่เป็นธรรมชาติ และพูดด้วยเสียงต่ำ "ขอโทษที" หลังจากพูดจบ เธอก็ขยับเท้าออกจากแปลงดอกไม้ของหญิงสาวคนนั้น ไม่ไกลกันนั้นก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาหาพวกนาง เขาสวมชุดเครื่องแบบของสำนักสีฟ้าโปร่งเช่นเดียวกับชายหนุ่มเมื่อสักครู่ แต่รูปร่างหน้าตาดูคมคาย อกผายไหล่ผึ่งมากกว่า ที่เอวของชายหนุ่มมีป้ายหยกขาวแสดงฐานะสถานะห้อยอยู่ข้างเอว ชายหนุ่มผู้มีรูปร่างหน้าตาอันเป็นเลิศเช่นนี้สูงใหญ่ แม้ว่าเขาจะไม่บอกว่าตัวเองเป็นใครแต่ไป๋โม่ก็รู้ดีว่านี่คือพระเอกในนิยาย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD