บทที่ 3 ลืม

1844 Words
ว่ากันว่ามนุษย์อยู่เพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ไม่ต่างจากสัตว์ ผู้ชายหาผู้หญิงสืบทอดเผ่าพันธุ์นั้นก็เป็นเรื่องปกติ ผู้ชายเจ้าชู้มักมากหลายใจก็ไม่ผิดถ้าไม่ได้แต่งงานแล้วอย่างเขา “เรียบร้อยแล้วครับ” เสียงของเลขาฯรุ่นใหญ่เอ่ยปากบอกคนเป็นนาย หลังจากสั่งให้คนไปจัดการผู้หญิงที่นายเขี่ยทิ้ง แต่เธอก็ไม่ยอมไป “เท่าไรล่ะ” “สามล้านครับ เธอบอก” เขากลอกตามองบน หัวสูงไม่ใช่น้อย “เธอขอห้องที่อยู่ด้วยครับ ถ้าไม่ให้ก็จะตามรังครวญครับ” “อือ ก็ให้ตามนั้น” “_” เมฆาพยักหน้ารับ เจ้านายของเขาหมดเงินไปกับผู้หญิงเป็นจำนวนมากแทบนับไม่ถ้วน “ขู่ไปด้วยว่าถ้าไม่หยุดก็คงต้องมีทำร้ายร่างกายกันเกิดขึ้น” เขาแค่ขู่ ชนินทร์ไม่เคยทำร้ายร่างกายผู้หญิง แม้แต่ผู้หญิงที่เขาเกลียดอย่างญาตา แต่การทำร้ายจิตใจนั้นเขาไม่นับ “ครับ” ร่างหนาออกจากห้องประชุมภายในตึกสำนักงานบริษัทของเขา เขาเป็นผู้บริหารที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด ไม่ว่าจะหยิบจับธุรกิจอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปเสียหมดทุกอย่างหมด สายตาคมนั้นมองตรงไม่ได้สนใจพนักงานที่ค้อมศีรษะให้ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาถูกขึ้นนิตยสารบ่อยครั้ง ชนินทร์ตัดผมรองทรงต่ำ ทางด้านหน้าแสกข้างหวีเสยผมแนวสลิคแบค ก่อนจะเซตผมขึ้นตามสไตล์หนุ่มมาดธุรกิจ ทางด้านบนนั้นยาวพอประมาณ เผยโครงหน้าสมบูรณ์แบบ สันกรามทางด้านข้างนั้นคม จุดเด่นอีกจุดคงไม่พ้นสันจมูกที่โด่งคมรับริมฝีปากหน้าหยักได้รูป “วันเสาร์นี้ คุณใหญ่ยังไปเที่ยวญี่ปุ่นไหมครับ” เขาชะงักเล็กน้อย เกือบลืมว่าได้บอกผู้หญิงของเขาว่าจะไปเที่ยวญี่ปุ่น “กับใครนะ” “คุณยาหยีครับ” “ยาหยี อ่อ ไปสิ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ เสาร์อาทิตย์หรือวันที่เขาไม่มีประชุมชายหนุ่มมักไปเที่ยวต่างประเทศกับสาว ๆ ข้างกายสักคน “ว่าแต่ถามทำไมนะ” “อ้อ พอดีผมเห็นหนังสือเชิญผู้ปกครองของหนูญาณินน่ะครับ เลยถามเผื่อคุณใหญ่เปลี่ยนใจ” “หึ ก็ให้คนขับรถไปส่งผู้ปกครองของเธอ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงปกติ แต่คนฟังนั้นไม่อยากจะเชื่อ ชนินทร์กำลังจะบอกว่าเขาไม่ใช่ผู้ปกครองของญาณิน “แสดงว่าคุณใหญ่ไม่ไปโรงเรียนของเธอใช่ไหมครับ” “อือ...” ตอบเสร็จก็เดินเข้าห้องทำงานของตัวเอง นั่งลงบนเก้าอี้นวมหนานุ่ม เอนแผ่นหลังพิงพนักพิงอย่างคนผ่อนคลาย “เรื่องคอนโดฯที่ศาลสั่งให้แก้ไขไปถึงไหนแล้ว” “ครับ กำลังดำเนินแก้ไขครับ คุณใหญ่จะไปดูเองเลยไหมครับ” “อือ หาเวลาให้ด้วย” “ครับ” การทำงานของผู้บริหารไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งลูกน้องไม่ได้เรื่องก็พลอยทำให้เหนื่อย อย่างเช่นโครงการก่อสร้างคอนโดมิเนียมที่ไม่ได้มาตรฐานตามกฎหมายกำหนด ก็ต้องขึ้นโรงขึ้นศาลตามแก้เป็นว่าเล่น ...เวลาพลบค่ำเขาไม่ได้กลับบ้านทันที ชายหนุ่มในวัยสามสิบสี่ปีย่างกรายเข้ามาในสถานบันเทิง มองหาคนเป็นเพื่อนที่ยกมือเรียก “มาช้านักนะมึง” ธันวาเอ่ยทักเพื่อน ซึ่งเสียงของเพื่อนทำให้ชายโฉดอย่างชนินทร์ส่ายหน้า ทั้งคู่รู้จักและเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่เด็ก “ติดงานว่ะ งานเยอะ” “หึ นึกว่าขลุกอยู่กับผู้หญิงที่ไหน” ชนินทร์หัวเราะร่วน เขาส่ายหน้าเบา ๆ “ขลุกอะไรวะ กูมาหาใหม่เนี่ย” ว่าพร้อมกับสอดส่องสายตาหาสาวที่ถูกใจสำหรับค่ำคืนนี้ “เฮ้อ แล้วที่มีอยู่มึงเคลียร์หมดบ้างหรือยังครับคุณชาย” เพื่อนประชด ก่อนจะโดนฝ่ามือหนาตบแผ่นหลังดังอั๊ก “อย่าเรียกคุณชายกูไม่ชอบ” “หึ...วิญญาณย่ามึงคงตามหลอกหลอน” เขาหัวเราะ คุณย่าของเขาเป็นห่วงเขามาก โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง “อย่าพูดถึงคนตายเถอะ” เขาว่าเสร็จก็รินเหล้าที่เพื่อนเปิดฝาขวดขึ้นดื่ม ทั้งคู่พูดคุยสัพเพเหระท่ามกลางเสียงของดนตรีที่ดังกระหึ่ม นัยน์ตาคมสีนิลนั้นเริ่มปรือ เขากำลังเมาได้ที่และคิดว่าควรหาผู้หญิงสวย ๆ ไปนอนด้วย “คนนั้น...มองกูไม่หยุดเลย” เขาพึมพำออกมาทำให้ธันวาหันไปมองตาม “กลับไปหาเด็กที่เลี้ยงไว้จะไม่ดีกว่าเหรอวะ” “กูเริ่มเบื่อล่ะ เมื่อเช้าเขี่ยทิ้งไปคนหนึ่ง ไปหากูถึงบ้านอะคิดดู” “อ้าว...ญาตาไม่ว่าเหรอวะ” “หึ พูดถึงคนรับใช้ทำไมวะ” “ฮ่า ๆ มึงก็พูดเกินไป” เขาไหวไหล่ขึ้นอย่างไม่สะทกสะท้าน “ยังไงคนทั้งประเทศก็รู้ว่าเธอเป็นเมียหม่อมหลวงอย่างมึง” “แล้วไงวะ” “ก็อยากเตือนไว้ เป็นขี้ปากชาวบ้านมันไม่ดีหรอก” “หึ เดี๋ยวกูฟ้องให้หมด” เขาว่าพร้อมกับกรอกเหล้าเข้าปาก ก่อนจะยกมือบอกลาเพื่อน เดินไปหาสาวสวยนางหนึ่งที่ยืนมองเขาตั้งนานนม “มาคนเดียวเหรอครับ” เขาชิงถามก่อน ชนินทร์ค้ำแขนที่บาร์เหล้า ชายหนุ่มยิ้มโปรยเสน่ห์ เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมากเลยทีเดียว “ค่ะ มาคนเดียว” “หึ น่าแปลกผู้หญิงสวย ๆ แบบคุณไม่น่ามาคนเดียวนะครับ” “ฮ่า ๆ ปากหวานจังเลยค่ะ คุณไม่คุ้นหน้าฉันเหรอคะ” “ครับ?” เขาเอียงคอสงสัย “เอ...เราเคยรู้เจอกันงั้นเหรอครับ” “เปล่าหรอกค่ะ พอดีฉันเป็นดาราน่ะค่ะ” “หืม...” เขาค่อนข้างไม่พอใจกับคำตอบสักเท่าไร เพราะเตือนตัวเองเสมอว่าอย่าไปยุ่งกับผู้หญิงที่มีชื่อเสียง “ว่าแต่...คุณมาเที่ยวแบบนี้ ภรรยาไม่ว่าเหรอคะ” “หึ...” เขาส่ายหน้าเบา ๆ น้อยคนที่จะไม่รู้ว่าเขาแต่งงานแล้ว สาว ๆ สวย ๆ ร้อยทั้งร้อยรู้หมดว่าเขาเป็นใคร แต่งงานแล้วหรือยัง เพราะอย่างนี้เขาจึงเกลียดญาตาเพราะมันทำให้เขาพลาดโอกาสที่จะได้รู้จักผู้หญิงสวย ๆ “อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะคะ ฉันก็แอบมองคุณอยู่ แต่ถ้าคุณหย่าแล้วจะดีมากค่ะ” ชนินทร์ยิ้มบาง ๆ สิ่งเดียวที่ทำไม่ได้คือเขาหย่าไม่ได้ “งั้นก็คงพอแค่นี้” ว่าเสร็จก็เดินกลับ ชนินทร์ส่ายหน้าเบา ๆ เขาไม่อยากมีพันธะเลย หมดสนุกตั้งแต่ได้แต่งงานกับญาตา แต่พอเดินกลับมาหาเพื่อนก็ไม่เจอเสียแล้ว ชายหนุ่มล้วงโทรศัพท์โทรหาอีหนูที่อยู่คอนโดมิเนียม เพราะผู้หญิงที่เขาเลี้ยงไว้ต้องเป็นคนไม่ มีชื่อเสียง และต้องทำสัญญาว่าข่าวที่เขามีเมียน้อยจะไม่หลุดออกไป เพราะมันกระทบกับชื่อเสียงวงศ์ตระกูลของเขา... ...ยามค่ำคืนแบบนี้ ความเหงาเปล่าเปลี่ยวหลังลูกสาวหลับก็เข้ามาเกาะกุมใจของเธอ ญาตานอนมองเพดานห้อง เธอกับสามีแยกห้องกันนอนตั้งแต่เธอตั้งครรภ์ ชนินทร์ไม่พอใจเป็นอย่างมากที่เธอปล่อยให้ตัวเองท้อง ซึ่งญาตาก็ไม่ได้ตั้งใจ เธอกินยาคุมแล้ว แต่ลูกน้อยก็เกิดขึ้นมา สงสัยว่านางฟ้าจะบันดาลลูกให้เธอ ร่างบางเดินออกจากห้อง เธอเดินไปเปิดประตูห้องของเขา มองดูห้องนอนขนาดใหญ่ที่ไร้ร่างของสามีหนุ่ม เขาคงไปนอนกับเมียน้อยของเขา ญาตาเดินเข้าไปนั่งบนเตียงนอนขนาดใหญ่ เธอเอนตัวลงนอนคุดคู้บนที่นอนของเขา คุณใหญ่ไม่ได้ใจร้ายกับเธอ ตั้งแต่เด็กจวบจนวัยรุ่นเขาใจดีกับเธอมาก มากจนทำให้เธอตกหลุมรัก เป็นเขาเองต่างหากที่เข้าหาเธอ คอยพูดจาหว่านเสน่ห์ตามประสาคนเจ้าชู้ เป็นเธอเองที่แยกไม่ออกว่าอันไหนเล่น ๆ อันไหนจริง ๆ กระทั่งทุกอย่างเปลี่ยนเมื่อพินัยกรรมเปิด เธอรักเขาสุดหัวใจ รักมาเนิ่นนานไม่คิดเปลี่ยน แต่เขาเป็นคนรักสนุกไม่คิดผูกมัดกับใคร เธอก็ยินดีให้เขาสุขปรีดากับใครอื่น แต่นานเข้าความเปล่าเปลี่ยวก็เล่นงานไม่หยุด น้ำตาไหลพราก เขาจะรู้ไหมหนอว่าเธอเป็นห่วง เสียงฝนฟ้าข้างนอกก็คำราม ท้องฟ้ากระหน่ำหยาดฝนลงมาราวกับอยากร้องไห้เป็นเพื่อนเธอ “ฮึก ฮืออ~” เจ็บปวดใดก็คงไม่เท่าสามีไม่รัก แย่ไปกว่านั้นเขาก็ไม่รักลูกของเธออีกด้วย สงสารก็แต่ลูกที่เริ่มรู้ความ กอดสักครั้งเขาก็ไม่เคย “อึก...” ถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากให้ลูกเกิดมา อยากให้มีแค่ตัวเองที่จมอยู่กับสัมพันธ์นี้ แอบรักก็ว่าเจ็บแล้ว รู้ว่าเขาไม่รักแต่ยังรักนี่สิ...มันเจ็บเสียยิ่งกว่า ยามเช้าตรู่อย่างเช่นทุกวัน...ญาตาอุ้มลูกลงจากบ้านมากินข้าว ชนินทร์ยังไม่กลับบ้าน เขาอาจจะไปอยู่ที่นั่นสักสองสามวันกระมัง “คุณแม่คะ หนูไม่อยากใส่ชุดนี้” “ทำไมคะ แม่ว่าน่ารักดีออก” ชุดลูกเสือสำรองของเด็กป.1 นั้นทำให้ลูกสาวของเธอน่ารักน่าเอ็นดู แต่ว่ายัยหนูคงอึดอัดกับอะไรไม่รู้ที่พะรุงพะรัง “กลับบ้านมาแม่ต้องเห็นวอล์คเกิ้ลนะ” “ค่ะ...” “วันนี้พ่อบอกว่าจะให้คนมาขับรถให้ ไม่ได้ไปรถตู้แล้ว” “จริงเหรอคะ” “ใช่จ้ะ หนูรีบกินข้าวนะ แม่ทำข้าวผัดไข่ไว้ให้” ว่าแล้วก็ตักข้าวผัดให้ลูกสาว ญาณินตาโตพร้อมกับปรบมือแปะ ๆ ด้วยความดีใจที่ได้กินข้าวผัด “หนูจะกินให้หมดเลยค่ะ” “หึ จ้า...” ศีรษะเล็กสั่นดุ๊กดิ๊กอย่างคนอารมณ์ดี ตักข้าวเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ โดยไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าคนเป็นแม่ทุกข์ใจแค่ไหน ญาตาชะโงกหน้าหาคนขับรถที่สามีได้บอกไว้ แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่มา ซึ่งก่อนหน้านี้เธอได้โทรบอกคุณครูแล้วว่าไม่ต้องมารับ อย่างนี้ลูกสาวไปเรียนสายเป็นแน่ กระทั่งรถยนต์คันหรูของเขาแล่นเข้ามา ญาตาจึงวิ่งโร่ออกไปหา “คุณใหญ่” เขาลงจากรถด้วยใบหน้าเอือมระอาเมื่อเห็นเธอ ชนินทร์อยู่ในชุดใหม่ที่มีอยู่ในคอนโดฯ เขาแค่แวะมาเอาของไม่คิดว่าญาตาจะวิ่งออกมาหาที่โรงจอดรถแบบนี้ “ไหนคุณใหญ่บอกว่าจะให้คนมาขับรถพาหนูณินไปส่งที่โรงเรียนไงคะ” หัวคิ้วหนากดลงต่ำ ก่อนที่เขาจะนึกได้ว่าเคยพูดไว้ “ลืม...” “คะ? ละลืม” ร่างบางชาวาบ หัวใจกระตุกกับคำว่าลืมของเขา เธอพูดอะไรไม่ออกอ้าปากพะงาบ ๆ ก่อนจะรีบเบือนหน้าหนีเมื่อน้ำตาร่วงลง “ทำไมลืมง่ายขนาดนี้คะ” ถามด้วยความเจ็บช้ำ ราวกับว่าสิ่งที่เธอบอก สิ่งที่รับปากมันไม่ได้ฝังเข้าไปในหัวของเขาเลยสักนิด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD