ตอนที่16

1397 Words
"วันนี้ทำไมดูซึมๆล่ะกาหยู?" ธยาดาเห็นกาหยูเงียบแปลกๆไปเลยเอ่ยถามขึ้นมา "เปล่า ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ แค่เห็นพี่ยาดากับลูกทำให้กาหยูนึกถึง..." กาหยูหยุดพูด เพราะมีก้อนบางอย่างจุกขึ้นมาที่ลำคอ เหมือนคนกำลังสะกดกลั้นน้ำตาเอาไว้ "นึกถึงเรื่องอะไร?" "ความจริงกาหยูกับพี่กล้าแต่งงานกันเพราะว่า...กาหยูตั้งท้อง..ไม่ได้เกิดจากความรักแต่อย่างใด พี่กล้าแค่ต้องการรับผิดชอบกาหยูเท่านั้น" กาหยูหลบหน้าหลบตา น้ำเสียงที่เอ่ยออกมามีแต่ความสั่นพร่า ธยาดาขมวดคิ้วอย่างสงสัย ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างสองคนนี้ ความจริงก็สงสัยอยู่บ้าง กล้า..ที่เพิ่งแตกเนื้อหนุ่มได้ไม่นานก็มีเมียเสียแล้ว แต่ถึงจะนึกสงสัยแค่ไหนก็ทำได้เพียงแค่เก็บไว้ในใจ ไม่กล้าซักไซ้ไล่เลียงถามเรื่องที่เป็นเรื่องส่วนตัวของคนอื่น "เล่าให้ฉันฟังได้นะกาหยู หากว่ามันเป็นเรื่องที่เธออยากจะหาใครสักคนเพื่อที่จะระบายออกมา พี่สาวคนนี้ยินดีจะรับฟังเสมอ" ธยาดาแตะไหล่ของกาหยูเบาๆ ระหว่างที่เดินมาถึงบ้านใหญ่พอดี "ได้จ่ะพี่ยาดา แต่ว่าวันนี้คงไม่ได้แล้วล่ะ เพราะว่าเรื่องมันยาว กาหยูต้องรีบไปโรงอาหารเพื่อไปเอาข้าวให้พี่กล้าก่อนจ่ะ" "อ้อ ฉันลืมไปเลย" "โล่งอกไปที..นายหัวยังไม่กลับมา กาหยูฝากคุณหนูดีกับพี่ยาดาด้วยนะจ้ะ" กาหยูชะเง้อดูตรงลานจอดรถยังไม่เห็นรถของนายหัวภูรินทร์กลับมา หญิงสาวถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก "ฝากทำไมกัน หนูดีเป็นลูกฉัน ฉันดูแลได้ เธอรีบไปเถอะ เดี๋ยวฉันหาข้าวให้หนูดีกินเสร็จก็จะกลับเหมือนกัน" หนูดีหันมายิ้มหวานให้แม่ป้ายแดงเมื่อได้ยินประโยคที่ธยาดายอมรับเต็มปากเต็มคำว่าลูก ถึงจะเป็นเด็กน้อยก็ใช่ว่าจะไม่เข้าใจที่ผู้ใหญ่นั้นพูดกัน "งั้นกาหยูไปก่อนนะพี่" กาหยูยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาก็รีบปลีกตัวเดินมุ่งหน้าไปโรงอาหารทันที ธยาดารีบจูงมือลูกสาวเดินเข้าบ้าน "หนูดี อยากกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าจ้ะ เดี๋ยวแม่ยาดาทำให้กิน" "หนูดีอยากกินข้าวไข่เจียวค่ะ" สาวน้อยตอบด้วยประกายตาระยิบระยับ ตื่นเต้นที่แม่ยาดาจะทำกับข้าวให้กิน ธยาดาเดินเข้ามาในบ้านที่มีแม่บ้านชาวพม่าที่เพิ่งรับเข้ามาอยู่ด้วยหนึ่งคน ธยาดาเดินเข้าครัวรีบจัดแจงทำอาหาร ไม่ลืมที่จะทำเผื่อสามีเก่าด้วย ของที่เขาชอบทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นแกงส้มปลากะพง ผัดคะน้าปลาเค็ม น้ำพริกกะปิหมูทอด ของโปรดที่ภูรินทร์กินกี่ครั้งก็ชมเปาะไม่หยุดปากว่าไม่มีใครทำอร่อยเท่าธยาดา "แกงนี้เดี๋ยวพอนายหัวกลับมา ดาวค่อยอุ่นให้นายหัวกินตอนร้อนๆนะจ้ะ?" แม่บ้านชาวพม่าพยักหน้าตามคำสั่ง ถึงแม้จะไม่รู้ว่าธยาดาเป็นใคร แต่เจ้าหล่อนดูไม่เหมือนชาวบ้านธรรมดาๆ จึงเกรงอกเกรงใจไปโดยปริยาย "หนูดีคะ กินเสร็จแล้วแม่ยาดาก็จะกลับแล้วนะ หนูดีขึ้นไปบนห้องได้แล้วจ่ะ ค่ำแล้วเดี๋ยวคุณพ่อกลับมาจะถูกจับได้ว่าแอบมาหาแม่ยาดา อาจจะโดนคุณพ่อโกรธเอาได้นะคะ" ธยาดาเอามือเท้าคางมองสาวน้อยตรงหน้าที่กำลังละเมียดละไมกินขนมคุ้กกี้อย่างช้าๆ หลังจากที่กินข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว "คุณพ่อกลับดึกค่ะ แม่ยาดาช่วยเล่านิทานให้หนูดีฟังก่อนได้มั้ยคะ?" น้ำเสียงและแววตานั้นอ้อนวอนซะจนธยาดาใจอ่อนยวบ เธอไม่สามารถอดทนกับสายตาไร้เดียงสาคู่นั้นได้เลย ก็เลยต้องยอมเสี่ยงไปตามระเบียบ "อืม อย่างนั้นก็ได้จ่ะ งั้นไปกันเลย" "เย้!" สาวน้อยดีใจวิ่งนำหน้าขึ้นชั้นบนไปก่อน "หนูดี อย่าวิ่งค่ะ เดี๋ยวตกบันได" ธยาดาตะโกนตามหลัง แต่สาวน้อยหาฟังไม่ ทำให้คนเป็นแม่ถึงกับต้องวิ่งตามร่างอวบจ้ำหม้ำไปให้ทัน เสียงหัวเราะกรี๊ดกร๊าดดังอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากสองแม่ลูกวิ่งไล่จับกันอยู่ชั้นบน บ้านที่ดูเงียบเหงาดูเหมือนจะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง "ใครทำกับข้าว?" ภูรินทร์เห็นกับข้าวถึงกับชะงัก กับข้าวเมนูแบบนี้ จัดจานสวยงามแบบนี้มีคนเดียวในโลกเท่านั้น "เอ่อ คือว่า..." เมื่อเห็นว่าแม่บ้านดาวหน้าเริ่มถอดสีแถมยังอึกๆอักๆ ภูรินทร์ที่รู้อยู่แล้วเต็มอกว่าเป็นใครก็ไม่อยากถือสาหาความ เขาโบกมือเป็นสัญญานว่าไม่เป็นไรทันที จะหาความกับแม่บ้านที่เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ๆก็ไม่ใช่เรื่องเท่าไหร่ "ช่างเถอะ แล้วหนูดีล่ะ" "น่าจะหลับไปแล้วค่ะ" "ลูกฉันกินข้าวเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย?" "ค่ะ เรียบร้อยแล้วค่ะนายหัว" ภูรินทร์พยักหน้ารับทราบ และไม่ได้ถามอะไรต่อ เพราะตอนนี้เขาอยากจะจัดการกับอาหารบนโต๊ะ เมนูโปรดของเขานานโขแล้วที่ไม่ได้ลิ้มลอง "แอบมาทำกับข้าว นึกว่าฉันเดาไม่ออกเหรอ ว่าเธอเป็นคนทำ" ภูรินทร์กินไปพูดกับตัวเองไป ไม่ได้โกรธที่ธยาดามาทำกับข้าว เพราะเขาตั้งใจให้ธยาดามาทำหน้าที่แม่บ้านแทนนุ้ยที่โทรมาขอพักงานชั่วคราวเนื่องจากพ่อเสีย ต้องไปจัดการเรื่องงานศพและปัญหาเรื่องที่บ้าน "อร่อยเหมือนเดิมแหะ" กินไปแอบเผลอปากชมไป ความเกลียดชังครั้งแรกๆมันพร่องไปตั้งแต่ตอนไหน ภูรินทร์แทบจะไม่รู้ตัว รู้ตัวแต่ว่าที่วันนี้เขารีบกลับเพราะหน้าของธยาดาลอยมาไม่หยุดหย่อน แทบจะทุกลมหายใจที่เขาคิดถึงผู้หญิงคนนั้น แต่พอได้สติ ความเกลียดชังและโกรธแค้นก็กลับมาเหมือนเดิม ภูรินทร์ไม่ใช่ไม่รู้ตัวว่าหลังจากที่ผู้หญิงคนนี้กลับมา ตัวของเขานั้นเข้าใกล้อาการไบโพล่าเต็มทีแล้ว ผ่านไปครึ่งชั่วโมง "เก็บเลย ฉันอิ่มแล้ว"ภูรินทร์รวบช้อนพร้อมหยิบทิชชู่มาเช็ดปาก มืออีกข้างลูบท้องเบาๆด้วยความอิ่มสุดๆ แม่บ้านดาวเดินมาเก็บโต๊ะตามคำสั่ง ในขณะที่ภูรินทร์ลุกขึ้นเพื่อเดินขึ้นชั้นสองของบ้านเพื่อไปอาบน้ำพักผ่อน ดาวถึงกับชะงักเพราะอาหารบนโต๊ะแทบจะไม่เหลือเศษอาหาร หรือคำเปรียบเปรยที่คนใต้ชอบพูดกันคือประโยคที่ว่า กินไม่เผื่อหมา "วันนี้นายหัวคงหิว" แม่บ้านดาวส่ายหน้าไล่ความสงสัย ว่าเป็นเพราะนายหัวหิวหรือเพราะในทุกๆวันเธอทำอาหารไม่อร่อยกันแน่ แต่ดาวคิดเข้าข้างตัวเองว่านายหัวคงหิวมากกว่า ฝีมือธยาดาก็คงงั้นๆแหละ อดคิดอิจฉาธยาดาไม่ได้ สวยก็สวยหยาดเยิ้มแถมฝีมือทำอาหารก็อร่อย ไหนจะคุ้กกี้ที่หล่อนหิ้วมาฝากอีก ผู้หญิงอะไรทั้งสวยทั้งเก่ง ภูรินทร์เดินขึ้นมาชั้นบนแต่ไม่ลืมที่จะแวะห้องของลูกสาวก่อน แอ๊ด! ภูรินทร์เปิดประตูเข้าไปอย่างแผ่วเบาเนื่องเกรงว่าอาจจะทำให้ลูกสาวตัวน้อยตื่นขึ้นมา แต่ทว่า! ที่ภูรินทร์เห็นตรงหน้าคือภาพแม่ลูกที่นอนหลับในท่าที่ธยาดานั่งพิงพนักอยู่กับหัวเตียงในมือถือหนังสือนิทานค้างอยู่ ส่วนหนูดีหลับอยู่ในท่าที่นอนหนุนตักแม่ คงจะเผลอหลับไปในขณะที่กำลังเล่านิทาน ภูรินทร์ถอนหายใจ เขาไม่รู้จะทำอย่างไรดี ความรู้สึกมันยากที่จะอธิบาย มันก็ดีที่ธยาดามาทำหน้าที่แม่ของลูกเสียบ้าง แต่หลายวันมานี้หนูดีเอาแต่ร่ำร้องหาธยาดา จนเขาหนักใจ เนื่องจากเกรงว่า สักวันแล้วธยาดาจะทิ้งหนูดีไปอีก เขายังไม่ไว้ใจเธอตอนนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD