2
ควรหย่าได้แล้ว
พอได้รู้ถึงเหตุผลของเขาแล้ว ธารินันท์ก็รู้สึกว่าโลกใบนี้มันน่าเบื่อหนักขึ้นเป็นเท่าตัว เธอทำได้เพียงยิ้มหยันให้ทุกสิ่งอย่างรอบตัว สี่เดือนที่ผ่านมานี้สามีของเธอก็ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง เขาเป็นหุ่นยนต์ไร้หัวใจเข้าไปทุกที
“คิดยังไงถึงได้ชวนฉันออกมาเที่ยวล่ะนันท์”
“ก็มันเบื่อไง คิดถึงวันเก่า ๆ ของเราเหมือนกันนะเป้ ได้ออกไปดำน้ำดูปลาดูปะการัง อยากกลับไปใช้ชีวิตแบบนั้นอีกเนอะ ไม่ต้องคิดอะไรมาก แค่ใช้ชีวิตให้สนุกไปวัน ๆ ก็พอ” คนพูดดวงตาคล้ายเพ้อฝัน ถึงเรื่องราวในอดีตของเธอกับเพื่อนรัก
“แกจะมัวคิดถึงทำไมยัยนันท์ อยากไปก็ไปสิใครไปผูกขาเอาไว้เหรอ อ้อ ลืมไปแต่งงานมีสามีแล้ว คงต้องให้สามีอนุญาตก่อนสินะ” ไปรยาเย้าหยอกเพื่อนรัก หญิงสาวเป็นคนสวย ผมยาวสีดำสนิท ดวงตากลมโตสมกับเป็นสาวใต้ทรงเสน่ห์
“โอ๊ย เป้ฉันว่าฉันพลาดแล้วล่ะ” ในที่สุดธารินันท์ก็ทนเก็บเงียบเอาไว้คนเดียวไม่ได้
“อะไรนันท์แกพลาดอะไร” คนเป็นเพื่อนถึงกับรีบวางแก้วเหล้าในมือลงก่อน แล้วช้อนหน้าของธารินันท์ที่ซบหนีลงบนโต๊ะ ให้ขึ้นมามองสบสายตากัน
“เล่ามาเกิดอะไรขึ้นยัยนันท์”
ธารินันท์มองตาเพื่อนแล้วถอนหายใจดัง ๆ ออกมา
“คือว่าคุณยุเขาแต่งงานกับฉันเพราะว่า...” เริ่มเล่าเรื่องราวชีวิตหลังแต่งงานให้เพื่อนรักได้รับรู้ อย่างละเอียดทุกซอกทุกมุม ชนิดที่คนฟังได้ยินแล้วก็พลอยปวดหัวตามไปด้วย อะไรมันจะเหมือนละครน้ำเน่าขนาดนี้
“ฉิบหายของจริงไหมล่ะ เตือนแล้วก็ไม่ฟังเป็นไงทีนี้ ขอสมน้ำหน้าหน่อยนะ” ไปรยาส่ายหน้าใส่เพื่อน
“อ้าว ยัยเป้แกมาสมน้ำหน้าฉันทำไม เพื่อนกันต้องให้กำลังใจกันสิถึงจะถูก”
“ก็สมควรไหมล่ะ เตือนแล้วไม่เคยฟัง”
“เออ รู้ว่าสมควรโดนด่า ฉันจะทำยังไงดีล่ะทีนี้”
“เรื่องบนเตียงมันสำคัญนะนันท์” ไปรยาทำเหมือนเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้ ทั้งที่ความจริงนั้นตรงกันข้าม
“สำคัญแล้วจะทำไงล่ะ ก็เขาไม่ยอมทำ” ธารินันท์กระดกแก้วเหล้าเข้าปากไปหลังพูดจบ ปัญหานี้จะไปปรึกษาคนอื่นก็ไม่ได้ เพราะมันดูเหมือนเธอเป็นคนเรียกร้องเรื่องอย่างว่าจนเกินงาม
“หย่าสิรออะไรอยู่”
“หย่า” คนที่กำลังหมุนคลึงแก้วเหล้าเล่น หันมามองเพื่อนแบบตกใจ
“ใช่น่ะสิ เขาพูดแบบนี้แปลว่าเขาไม่ได้สนใจไยดีเราแต่แรกอยู่แล้ว จะไปทนอยู่ทำไมล่ะยัยนันท์หย่า ๆ ไปให้สิ้นเรื่องสิ้นราว”
“แต่งงานกันได้สี่เดือนเองนะเป้ ขืนหย่าตอนนี้ได้ถูกคนซุบซิบนินทากันสนุกปากน่ะสิ”
“โอ๊ย ยัยนันท์จะไปแคร์คนอื่นทำไม ชีวิตเป็นของแกคนเดียวนะ ทำไมต้องไปฟังเสียงชาวบ้านด้วย ชาวบ้านมาช่วยทำการบ้านแทนคุณยุเขาหรือยังไง”
“เบา ๆ ก็ได้ยัยเป้ ฉันอายคนอื่นเขา” ธารินันท์หันซ้ายหันขวาเมื่ออีกคนส่งเสียงดัง จนคนอื่นมองมายังโต๊ะของเธอด้วยสายตาแปลก ๆ
“แล้วนี่นัดฉันออกมาเที่ยวกลางคืนแบบนี้ คุณยุเขาไม่ว่าเอาเหรอ”
“เขาไม่สนใจหรอก ฉันก็แค่ส่งไลน์ไปบอกเขาว่าวันนี้ฉันจะไปงานวันเกิดเพื่อน มันก็เหมือนเวลาเขาส่งไลน์มาบอกว่าคืนนี้กลับดึกนะครับ เพื่อนชวนดื่มอะไรทำนองนี้” น่าแปลกที่เธอไม่เคยเห็นเขาเมากลับบ้านสักครั้ง เธอมักแกล้งหลับตอนเขาเข้าห้องนอนมา แน่ล่ะใครจะหลับลง เมื่อคนที่เคยนอนเคียงข้างกายยังไม่กลับบ้าน ที่ผ่านมาก็แกล้งทำเป็นหลับสนิทไปงั้นเอง
“เฮ้อ ฉันละเครียดแทนแกจริง ๆ นะนันท์ เป็นผัวเมียกันประสาอะไรเนี่ย”
“ก็ต่างคนต่างอยู่นั่นแหละเป้ แต่ว่าเวลาอยู่ต่อหน้าครอบครัวของพวกเรา เขาก็ทำตัวน่ารักอยู่นะ ทำเหมือนชีวิตแต่งงานอบอุ่นเสียเต็มประดา”
“ตอแหลเก่งเหรอ”
“ไม่ใช่หรอกเป้ เขาก็แค่รักษาหน้าของฉันน่ะ” อดที่จะแก้ต่างแทนสามีไม่ได้ เขาดีจนเธอไม่อยากคิดแง่ร้ายเกินไป
“ไม่ต้องคิดมากไปยัยนันท์ ดีเสียอีกที่เขาคิดแบบนั้น แปลว่าเขาไม่ได้สนใจแกจริง ๆ เขาถึงไม่คิดมีอะไรด้วย แถมยังคิดว่ายังไงก็ไปกันไม่รอดอยู่ดี แปลว่าเขาเองก็รอวันหย่าเหมือนกันนั่นแหละ แกก็ลองกลับไปคุยกับเขาตรง ๆ ดู ว่าต้องการหย่ากันตอนไหน”
“อื้ม”
“อย่ามาอื้มคำเดียว ต่อให้ชอบเขาแค่ไหนก็ต้องตัดใจรู้ไหม นี่มันทั้งชีวิตของแกเลยนะยัยนันท์”
“รู้แล้วน่า” ธารินันท์ยกแก้วเหล้าขึ้นจิบอีกครั้ง ในสมองคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา มันคือความรู้สึกที่เธอยังไม่ได้อยากหย่ากับเขาในตอนนี้ ยอมรับว่าแม้ชีวิตคู่จะน่าเบื่อหน่ายจนเกินไป แต่เวลาได้เห็นหน้าเขาในห้องนอนเดียวกัน มันก็ทำให้หัวใจของเธอวูบวาบได้เหมือนกัน
“นี่ ๆ อย่าทำหน้าซังกะตายแบบนี้สิ มีหนุ่มเหล่แกหลายคนแล้วนะยัยนันท์” ไปรยากระทุ้งสีข้างเพื่อนเบา ๆ
“ยัยเป้ ฉันยังไม่ได้หย่านะ”
“เลือกไว้ก่อนก็ไม่เสียหายนะนันท์”
“ไม่ล่ะ แค่อยากมาเที่ยวไม่ได้อยากมาหาเหาใส่หัว”
“จ้าแม่คนดีศรีประเสริฐ” ไปรยารู้จักนิสัยของธารินันท์เป็นอย่างดี เธอหวังว่าการยั่วยุของตนจะได้ผล แต่ดูแล้วเพื่อนของเธอ คงต้องรับสภาพเรื่องนี้ไปอีกนานเลยล่ะ
ธารินันท์เริ่มเมานิด ๆ ไปรยาเป็นคนขับรถไปส่งที่บ้าน เพราะวันนี้หญิงสาวจอดรถไว้ที่บริษัท พอรถแล่นมาจอดตรงหน้าประตูบ้าน ก็เป็นเวลาตีสองกว่าเข้าไปแล้ว
“ขึ้นบ้านได้ไหมนันท์หรือต้องให้ฉันไปส่ง”
“ไม่ต้องเป้ ฉันเดินเองไหวน่า” คนเมานิด ๆ ยิ้มหวานให้เพื่อน ก่อนจะโบกมือให้เจ้าตัวขับรถกลับบ้านได้แล้ว
หญิงสาวเปิดปิดประตูหน้าบ้านเรียบร้อยแล้ว ตรงไปเปิดตู้เย็นเพื่อหยิบน้ำออกมาดื่ม ไฟบนบ้านดับหมดทุกดวง สามีของเธอคงไม่เหมือนเธอที่นอนไม่หลับ ในขณะที่อีกฝ่ายยังไม่กลับถึงบ้าน คิดแล้วก็หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเก็บขวดน้ำดื่มเข้าตู้เย็นตามเดิม ปิดไฟด้านล่างให้หมดก่อนขึ้นบันไดไป
เปิดประตูเข้าไปในห้องนอนอย่างเบามือ หญิงสาวเห็นสามีหลับอยู่บนเตียงนอนจริง ๆ ธารินันท์ไม่อยากเปิดไฟรบกวนการนอนของเขา หญิงสาวจึงเลือกที่จะเดินไปเปิดไฟห้องน้ำแทน และถอดชุดทำงานออกทีละชิ้น เพราะคิดว่าเขาหลับแล้วเธอจึงไม่ได้สนใจหันไปมอง
คนที่ลืมตาโพลงอยู่บนเตียง ถึงกับกลืนน้ำลายลงคอเบา ๆ ภรรยาเล่นถอดเสื้อผ้าแต่ละชิ้นออกอย่างอ้อยอิ่ง เหลือไว้แค่ชุดชั้นในติดตัว ก่อนจะหอบเสื้อผ้าที่ถอดไปโยนทิ้งลงในตะกร้าผ้าใช้แล้ว แทนที่เขาจะหันหน้าหนีแบบสุภาพบุรุษที่ควรทำ เขากลับจ้องหญิงสาวตาแทบไม่กะพริบเสียอย่างนั้น มองจนบั้นท้ายกลมกลึงนั่น ลับหายเข้าไปในประตูห้องน้ำ
ฟุบ ! ฟุบ ! ชั้นในสองชิ้น ถูกโยนออกมาใส่ตะกร้าได้อย่างแม่นยำ แล้วประตูห้องน้ำก็ถูกปิดลง คนที่นอนอยู่บนเตียงแทบจะหายใจได้ไม่ทั่วท้อง ดีที่ธารินันท์ไม่ได้ถอดเจ้าผ้าน้อยชิ้นนั่นที่ข้างนอกนี่ คิดแล้วก็ต้องระบายลมหายใจออกมาอย่างยาวเหยียด เพราะปกติหญิงสาวจะเข้าไปจัดการธุระส่วนตัวในห้องน้ำ ครั้งนี้คงคิดว่าเขาหลับแล้ว จึงได้ทำการถอดเสื้อผ้าที่หน้าประตูห้องน้ำเลย