เสียงอาบน้ำดังขึ้นราวสิบห้านาที ก่อนจะเงียบหายไปเกือบครึ่งชั่วโมง ไร้ซึ่งเสียงน้ำไหลหรือการเคลื่อนไหวใด ๆ ณธายุเริ่มรู้สึกเป็นห่วงภรรยาขึ้นมา ก่อนหน้าเขาได้กลิ่นแอลกอฮอล์อ่อน ๆ ตอนหญิงสาวเปิดประตูห้องเข้ามา ชายหนุ่มทำใจเย็นรออีกสิบนาที แต่ภรรยาของเขาก็ยังไม่ออกมาจากห้องน้ำสักที รีบผุดลุกขึ้นจากเตียงนอนตรงไปหยุดยืนหน้าประตูห้องน้ำ ลองหมุนลูกบิดประตูพบว่าไม่ได้ล็อก จึงเลือกที่จะหมุนเปิดเข้าไปช้า ๆ พบธารินันท์หลับสนิทอยู่ในอ่างอาบน้ำ โชคดีที่เจ้าตัวเปิดน้ำไว้แค่ครึ่งเดียว จึงไม่ทำให้จมลงไป
“คุณนันท์ทำไมมาหลับอยู่แบบนี้ล่ะครับ อันตรายรู้ไหมแบบนี้” เขารีบปลุกคนหลับให้ตื่น แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล เลยตัดสินใจช้อนอุ้มคนตัวเปลือยขึ้นจากอ่างอาบน้ำ แล้วคว้าผ้าขนหนูมาห่อตัว ซับน้ำออกให้แบบลวก ๆ ก่อนจะพาไปนอนบนเตียง และรีบหาชุดนอนมาสวมให้
สวมไปมือก็สั่นระริกไปด้วย ความงามอะร้าอร่ามของคนหลับนั้น กระแทกสายตาเขาจนร่างกายเริ่มร้อนกรุ่น ๆ เขากลั้นใจสวมให้เสร็จแล้วยกผ้าห่มคลุมมิดให้ถึงอก เมื่อมั่นใจว่าหญิงสาวหลับสนิทแล้วจริง ๆ จึงทิ้งตัวลงนอนตามไปด้วย แต่ธารินันท์กลับทำให้เขาผ่านคืนนี้ไปได้ยาก หญิงสาวยกท่อนขาขึ้นมาก่ายทับบนลำตัวของเขา พาดผ่านบางอย่างด้านล่างจนมันตื่นตัวขึ้นมา
‘บ้าฉิบ’ เขารีบดันขาของภรรยาลงไปที่เดิม ลุกขึ้นเดินตรงไปเปิดไฟในห้องน้ำ ใช้เวลาปลดปล่อยอารมณ์อยู่ในนั้นราวสิบนาที เสร็จกิจแล้วจึงได้ออกมา ปิดไฟขึ้นเตียงนอนตามเดิม โดยที่คนหลับไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวด้วยเลย
แสงแดดอ่อน ๆ ลอดม่านโปร่งแสงเข้ามา ทำให้คนบนเตียงขยับเปลือกตาไปมา ก่อนจะค่อย ๆ ปรือลืมขึ้นเต็มดวง ธารินันท์ใช้ฝ่ามือดันที่นอนลุกขึ้นมานั่งแบบงง ๆ สลัดศีรษะไปมา เพื่อขับไล่ความรู้สึกหนักอึ้งออก ก่อนจะกะพริบตาถี่ ๆ เพื่อระลึกความหลังจากเรื่องเมื่อคืนที่ผ่านมา หลังจากแต่งงานกันมาได้สี่เดือน เมื่อคืนนี้คือครั้งแรกที่เธอออกไปเที่ยวนอกบ้าน แถมยังเมากลับมาอีกด้วย เธอจำได้ว่าลงไปแช่น้ำอุ่น ๆ ในอ่าง จากนั้นล่ะ รีบก้มลงมองตัวเองก็พบว่าสวมใส่ชุดนอนอยู่แล้ว พยายามนึกว่าทำไมถึงอยู่ในสภาพเรียบร้อยแบบนี้ได้
‘ใส่เองหรือคุณยุใส่ให้ ไม่ใช่หรอก คุณยุเขาคงไม่มาสนใจเราหรอก’ คิดแล้วก็รีบลุกขึ้นจากเตียงนอน ก่อนจะทิ้งตัวลงที่เดิมเมื่อนึกได้ว่า
‘วันหยุดนี่นา’
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ณธายุเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนอีกครั้ง เขาอุตส่าห์เปิดม่านโปร่งแสงเอาไว้เพื่อเป็นการปลุกด้วยแสงแดดอ่อน ๆ แต่ภรรยาของเขายังอุตส่าห์จะหันหลังให้แสงแดดแล้วคลุมโปงนอนต่อ ชายหนุ่มยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นดู มื้อเช้าที่เขาทำไว้ให้เพื่อสร่างเมา เย็นชืดจนแทบกินไม่ได้แล้ว ธารินันท์ก็ยังไม่ลงไปด้านล่างสักที จนต้องขึ้นมาดูด้วยตาตัวเอง ชายหนุ่มส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนยื่นมือออกไปอังหน้าผากหญิงสาว
“ตัวก็ไม่ร้อนนี่นา คุณนันท์ตื่นได้แล้วครับ นี่สายแล้วนะคุณต้องลุกมาอาบน้ำกินข้าวได้แล้ว” คนหลับก็ยังเงียบไม่ขยับตัวแต่อย่างใด
“คุณนันท์ครับ คุณนันท์” เมื่อปลุกด้วยเสียงไม่ได้ผล ณธายุก็ตัดสินใจเขย่าตัวของหญิงสาวเบา ๆ
“คนจานอนมายุ่งทำมาย” คนถูกกวนเวลานอนก็บ่นไปปัดมือเขาทิ้งไปด้วย ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมศีรษะตัวเองจนมิด
“คุณนันท์ครับ คุณต้องกินข้าวเช้านะครับ” ณธายุดึงผ้าห่มให้หลุดออกจากตัวของหญิงสาว
“นี่คุณเป็นห่วงฉันเหรอคะ กลัวอดข้าวตายหรือยังไง” ธารินันท์รำคาญเสียงปลุกของเขา ถึงกับลุกพรวดขึ้นมานั่ง แล้วจ้องเขาแบบโมโห
“นี่คุณจะมาทำตาขวางใส่ผมแบบนี้ไม่ได้นะ ผมปลุกเพราะหวังดีนะครับ” เขาขึงตามองกลับ
“ขอบคุณค่ะ แต่ปกติถ้าฉันเมาฉันจะหลับทั้งวันเลย โปรดรู้เอาไว้” คนอยากหลับต่อเริ่มออกอาการพาลใส่เขา
“ผมไม่ให้คุณนอนต่อแล้ว ลุกขึ้นไปอาบน้ำแล้วก็ลงไปกินข้าวด้วย ผมทำข้าวต้มไว้ให้ตั้งแต่เช้าจนมันเย็นชืดหมดแล้วนี่ แต่เดี๋ยวจะอุ่นให้ใหม่นะครับ” ไม่พูดเปล่าณธายุยังดึงแขนของภรรยาให้ลุกขึ้นจากเตียง ก่อนจะหลบตาวูบไปอีกทาง เมื่อระลึกได้ว่าเขาไม่ได้สวมชั้นในให้เมื่อคืนนี้ บางอย่างจึงดันพุ่งเนื้อผ้าลื่น ๆ ออกมาทิ่มตาเขาเข้าอย่างจัง
ธารินันท์มองตามสายตาของเขาอย่างสงสัย ก่อนจะรีบหันหลังแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว ในใจอดคิดไม่ได้ว่าทำไมเธอถึงไม่ใส่ชุดชั้นในนอน นี่มันแปลก ๆ อยู่นะ
“ผมจะไปรอข้างล่างนะครับ” เสียงตะโกนของเขาทำให้เธอต้องกลอกตามองบานประตูห้องน้ำ ประหนึ่งว่าเขายืนอยู่ตรงนั้นก็ไม่ปาน
“ไปอุ่นข้าวต้มของคุณได้เลยคุณยุ เดี๋ยวฉันอาบน้ำเสร็จแล้วจะลงไปกินเองค่ะ” ไม่วายตะโกนตอบออกมาให้คนด้านนอกต้องอมยิ้ม ก่อนเดินออกจากห้องนอนเพื่อไปอุ่นข้าวต้มให้หญิงสาวที่ชั้นล่าง
สักพักใหญ่ ๆ ธารินันท์ก็เดินลงมาด้วยชุดเสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่กับกางเกงขาสั้น เป็นชุดที่หญิงสาวใส่เป็นประจำเวลาอยู่บ้าน ซึ่งคนเป็นสามีเห็นจนชินตาไปเสียแล้ว
“ผมตักข้าวต้มให้แล้ว นั่งลงกินได้เลยครับคุณนันท์” ณธายุจัดแจงชามข้าวต้มพร้อมเครื่องเคียงให้เธอเรียบร้อย
“ขอบคุณค่ะ” ธารินันท์มองสามีแบบแปลก ๆ ปกติเขาไม่เคยสนใจเรื่องอาหารการกินของเธอด้วยซ้ำ วันหยุดก็นัดเพื่อนออกไปทำกิจกรรมโน่นนี่ ไม่เคยคิดชวนเธอไปไหนมาไหนด้วยเลยสักครั้ง นี่เขาไปทำอะไรผิดมาหรือเปล่า เลยต้องทำดีกลบเกลื่อน อดคิดแบบนี้ไม่ได้เลยจริง ๆ
“ฉันว่าวันนี้คุณมาแปลกนะคะคุณยุ กินอะไรผิดสำแดงเข้าไปหรือเปล่าคะ” ปากประชดมือก็เหยาะซอสใส่ข้าวต้ม ตามด้วยพริกไทยป่น และหยิบผักชีโรยตามหลัง
“เมื่อคืนคุณเมาผมเลยไม่อยากปล่อยให้อยู่คนเดียว” เขาบอกขณะที่ยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นดื่ม คนได้ยินไม่รู้ว่าตัวเองควรดีใจหรือไม่ เพราะเขาทำเหมือนเป็นหน้าที่ที่ต้องดูแลภรรยา แต่กลับไม่ถามสักคำว่าทำไมเธอถึงอยากเมา ไม่ถามด้วยว่าไปเมามากับใคร คิดแล้วก็ชวนให้น้อยใจเหมือนกัน
“คุณกินอิ่มแล้วไม่ใช่เหรอคะ” นาฬิกาบนผนังห้องกินข้าว แสดงเวลาสิบโมงกว่าแล้ว แต่ณธายุกลับมานั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเธอ โดยที่เขามีแค่แก้วน้ำเปล่าตั้งอยู่บนโต๊ะ มือก็เล่นโทรศัพท์มือถือไปด้วย
“ใช่ครับผมอิ่มแล้ว”
“แล้วคุณมานั่งตรงนี้ทำไมคะ”
“ทำไมครับ ผมเป็นห่วงเมียตัวเองไม่ได้เลยเหรอครับคุณนันท์ นี่คุณเพิ่งสร่างเมาเองนะครับ” เขาเลิกคิ้วสูงราวกับว่าเขาไม่ได้ทำผิดอะไรในเรื่องนี้
“คุณไม่ต้องลำบากมานั่งเฝ้าฉันหรอกค่ะคุณยุ ฉันสบายมากเมานิดเดียวเอง ฉันจำได้หมดแหละค่ะว่าทำอะไรไปบ้างเมื่อคืน คือว่าฉันคอแข็งน่ะค่ะ” หญิงสาวบอกก่อนจะตักข้าวต้มเข้าปากต่อ
“จำได้หมดเลยเหรอครับ” ณธายุถามคนที่ตั้งหน้าตั้งตากินข้าวต้มอย่างเอร็ดอร่อย
“ใช่ค่ะ” ธารินันท์เงยหน้าขึ้นมาตอบ
“งั้นเหรอครับ” เขายิ้มแปลก ๆ แต่ไม่ยอมลุกจากไปอย่างที่หญิงสาวบอก อีกคนก็ไม่รู้จะเอาเหตุผลอะไรไปไล่เขา เมื่ออยากนั่งอยู่เป็นเพื่อนก็ตามใจเลย
“อร่อยไหมครับ”
“จริงสิฉันลืมบอกไปเลย ว่าข้าวต้มของคุณอร่อยมากค่ะ ขอบคุณนะคะที่ทำให้ฉันกิน” คนถูกใจรสชาติอาหารตรงหน้า ยิ้มหวาน ๆ ตอบแทนเขา แค่นั้นก็ทำให้ณธายุยิ้มตอบได้ไม่ยาก
“อร่อยก็กินเยอะ ๆ นะครับ”