“ฉันไม่ได้มีปัญหาเรื่องนี้ค่ะคุณยุ ฉันแค่ต้องการรู้เหตุผลว่าทำไมคุณถึงทำแบบนี้กับฉันคะ” ถามแล้วก็จ้องหน้าเขาตรง ๆ
“คือ ผมไม่อยากล่วงเกินคุณ” คนเป็นสามีตอบแล้วหันหน้าหนีในทันที
“ฮะ” ธารินันท์ถึงกับอ้าปากค้าง เอียงคอมองเขาแบบไม่เข้าใจ ล่วงเกิน คำนี้มันสามารถใช้กับคนที่เข้าพิธีแต่งงานกัน อย่างถูกต้องตามกฎหมายด้วยหรือ ถ้าเธอเป็นฝ่ายไม่ต้องการก็ว่าไปอย่าง
“ขณะที่เรายังไม่รู้จักกันดีพอน่ะครับ” คำพูดต่อมาของเขา ทำให้ธารินันท์เริ่มอารมณ์เสียหนักขึ้นกว่าเดิม
“หมายความว่ายังไงคะคุณยุ ช่วยอธิบายให้ฉันเข้าใจหน่อยสิคะ” หญิงสาวพยายามใจเย็นแล้วถามเขาออกไป
“เราแต่งงานกันเพราะมีจุดประสงค์อะไร ผมว่าคุณเองก็คงรู้ดีพอ ๆ กับผม ผมไม่อยากเอาเปรียบคุณเพราะเรื่องนี้ เอาไว้ในวันที่เรามีความรู้สึกดี ๆ ต่อกันก่อน เราค่อยมาคิดเรื่องนี้กันนะครับ” ทุกคำพูดของเขาเหมือนกลั่นกรองออกมาจากความคิด ที่ถูกคิดมาอย่างเป็นระบบเอาไว้ก่อนหน้า
‘ความรู้สึกดี ๆ กับผีน่ะสิ’
หญิงสาวไม่ตอบอะไรออกมา เอาแต่เม้มริมฝีปากแน่นเป็นเส้นตรง ดวงตาก็นิ่งเฉยเหมือนคนโกรธใครสักคนอยู่ นั่นทำให้คนเป็นสามีต้องผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ
“เอาตรง ๆ นะครับคุณนันท์ ผมไม่คิดว่าเราจะไปกันรอด” และแล้วคำพูดถัดมาของเขา ทำเอาธารินันท์อ้าปากค้างอย่างคาดไม่ถึง
“ไม่คิดว่าเราจะไปกันรอดนี่นะคะ” หญิงสาวเค้นเสียงถามเขาดัง ๆ
“ใช่ครับ เราสองคนไม่ได้รู้จักกันมากนัก ผมเลยไม่อยากให้เราถลำลึกจนเกินไป ผมขอโทษจริง ๆ”
‘สุภาพบุรุษมาก ปรบมือให้รัว ๆ เลย’
“คุณเข้าใจที่ผมพูดไหมครับ” ณธายุถามเพราะเห็นหญิงสาวเอาแต่เอียงคอค้างแทบไม่ขยับ ก่อนจะหัวเราะหึออกมาเบา ๆ
“เข้าใจค่ะคุณยุ ฉันเป็นคนเข้าใจอะไรง่าย สรุปก็คือคุณแต่งงานกับฉันเพราะเรื่องธุรกิจของครอบครัวเรา และคุณก็เป็นผู้ชายดีมากจนไม่อยากทำร้ายฉัน เพราะกลัวว่าวันที่เราเลิกกัน ฉันจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เยี่ยมมากค่ะคุณยุ แต่มันคงจะดีกว่านี้ ถ้าคุณไม่คิดแต่งงานกับฉันเลยตั้งแต่แรก” พูดจบธารินันท์ก็คว่ำตัวลงนอน ดึงผ้าห่มขึ้นปิดไปถึงศีรษะ ทำไมเธอต้องมาพบเจอกับชีวิตการแต่งงานที่ล้มเหลวแบบนี้ด้วย น่าจะเอะใจตั้งแต่เพื่อนทักแล้ว
“อย่าโกรธผมสิครับคุณนันท์ คุณเองก็น่าจะรู้เหตุผลของการแต่งงานครั้งนี้”
“ค่ะ ฉันมันโง่” อีกคนก็ตอบทั้งที่ยังคลุมโปงอยู่
ณธายุมองภรรยาตัวเองอย่างลำบากใจ เขาคิดอยู่แล้วว่าสักวันธารินันท์ต้องถามเรื่องนี้ เขาไม่น่าตอบตกลงแต่งงานอย่างที่ธารินันท์พูดจริง ๆ เป็นเพราะว่าช่วงเวลานั้นได้มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นกับเขา และทำให้เขาเสียศูนย์ไปชั่วขณะหนึ่ง มาตอนนี้ก็กลับตัวไม่ทันเสียแล้ว
‘พิมจะหมั้นแล้วค่ะยุ’
‘หมั้น’
‘ค่ะ’
‘ผมนึกว่าคุณเลิกกับเขาแล้ว’ ตอนนั้นเสียงของณธายุแห้งผาก ทั้งผิดหวังและเสียใจที่ได้ยิน
‘แดนเขาบินมาง้อค่ะ และขอแต่งงานเลย แต่พิมขอเวลาดูใจเขาไปก่อน เลยให้เขาหมั้นก็พอ’
‘เหรอครับ ดีใจด้วยนะครับ’ ดวงตาคู่สดใสตรงหน้า ทำให้ชายหนุ่มต้องแสร้งยิ้มกลับคืนให้
‘ขอบคุณยุมากนะคะ ที่อยู่เป็นเพื่อนพิมตลอดเวลาที่พิมเจอเรื่องแย่ ๆ ถ้าไม่มียุอยู่ด้วยพิมเองก็ไม่รู้ว่าจะผ่านเรื่องพวกนี้ไปได้ยังไงเหมือนกัน ขอบคุณอีกครั้งนะคะ’
‘ครับ’
เขาฝืนยิ้มให้พิมพ์พลอย อดีตคนรักเก่าที่แบกหัวใจอันบอบช้ำมาพึ่งอกอุ่นของเขา ช่วงเวลานั้นณธายุมั่นใจว่าเขาจะสามารถปลุกถ่านไฟเก่าให้ลุกโชนขึ้นมาได้ แต่ผิดคาดทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างที่คิดเอาไว้ แค่ปีเดียวพิมพ์พลอยก็คืนดีกับคนรักเสียแล้ว
และในวันนั้นมารดาของเขาก็ได้เกริ่นเรื่องธารินันท์กับเขา นั่นแหละ คือจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้
‘ยุอยากแต่งงานกับหนูนันท์ไหมลูก พ่อเราเขาอยากให้ดองกันไว้ เพื่อเป็นหลักประกันเรื่องโครงการ ที่ทำร่วมกันในอนาคตด้วย นี่พ่อเรายังรี ๆ รอ ๆ ไม่เซ็นสัญญาสักที กลัวความเสี่ยงโน่นนี่’
‘นันท์ไหนครับคุณแม่’ เขาถามลอย ๆ คล้ายไม่ได้ใส่ใจในสิ่งที่มารดาเอ่ยออกมา
‘ก็หนูนันท์ลูกสาวคุณป้าวดีไงลูก เคยเจอกันบ่อย ๆ ตามงานต่าง ๆ น่าจะจำกันได้นะ คนที่สวย ๆ ยังไงล่ะ ว่าไงแต่งไหม ไหน ๆ ก็ไม่ได้มีแฟนกับเขาแล้วนี่ คนนี้แหละเหมาะสมกับยุที่สุดแล้ว เชื่อสายตาแม่สิลูก นี่แหละคือลูกสะใภ้ที่แม่ตามหาอยู่’
‘แล้วแต่คุณแม่สิครับ’
เพราะอารมณ์ไม่ปกติของเขาในตอนนั้น ทำให้เผลอรับปากออกไปแบบไม่คิด ไม่กี่วันต่อมามารดากับบิดาของเขา ก็เดินทางไปสู่ขอธารินันท์ที่บ้านของหญิงสาว และสองเดือนถัดมาก็มีกำหนดการจัดงานแต่งขึ้นอย่างเป็นทางการ ก่อนที่ณธายุจะตระหนักได้ถึงความหายนะ ในวันที่เจอเจ้าสาวของตัวเองชัด ๆ ครั้งแรก รอยยิ้มสดใสกับแววตาใสซื่อของธารินันท์ ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนกำลังแบกกระสอบทรายหนัก ๆ อยู่บนบ่า เขารู้ว่าหากถลำลึกลงไปแล้ว ทุกอย่างคงยากแก่การแก้ไขได้ เลยเลือกที่จะไม่ล่วงเกินเจ้าสาวในคืนเข้าหอ เผื่อทางออกให้ตัวเองในวันข้างหน้า
“คุณนันท์” เขาแตะหัวไหล่ภรรยาเบา ๆ แต่อีกฝ่ายกลับนิ่งเฉยไม่ตอบกลับ ลองดึงผ้าห่มออกก็พบว่าหญิงสาวหลับสนิทลงไปเสียแล้ว เขาอดยิ้มไม่ได้ ต่อว่าเขาฉอด ๆ เมื่อกี้นี้ พอคลุมโปงปุ๊บก็หลับปั๊บได้เฉยเลย
‘ขอโทษนะครับคุณนันท์’
เขาได้แต่เอ่ยขอโทษอยู่ในใจ เอนหลังนอนบนหมอนหนุน เหลือบตามองภรรยาด้วยความรู้สึกที่ยากแก่การอธิบายได้ ว่าเขาต้องการอะไรกันแน่ การนอนร่วมเตียงเดียวกับผู้หญิงคนนี้ มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน ทุกคืนเขาต้องพยายามฝืนนอนหันหลังให้ตลอดเวลา จะได้ไม่ต้องจินตนาการฟุ้งซ่านจนเกินไป แต่พอตื่นเช้าขึ้นมาธารินันท์ก็มาหลับซุกอกเขาทุกที ทำเอาเขาใจหายใจคว่ำอยู่หลายหน ดีที่ว่าทุกเช้านั้นเขาตื่นก่อน เจ้าตัวเลยไม่ทันได้เห็น