เด็กหญิงอิง

1188 Words
กองกำลังชายฉกรรจ์นับสิบคน เดินเข้ามาในหมู่บ้าน พร้อมกับอาวุธ ครบมือ ผู้อาวุโส ออกมาเผชิญหน้าด้วยตัวเอง “อาซอไปไหน “ คำถามแรก ที่เป็นคำถามที่ผู้เฒ่ารู้อยู่แล้ว ถูกถามขึ้นมา “ย้ายไปหมดแล้ว “ เสียงคำตอบดังขึ้นมา แล้วเสียงปืนก็รัวขึ้นฟ้าทันที “จะมีประโยชน์อันใดที่จะระบายอารมณ์ที่นี่ “ ผู้เฒ่าบอกออกมา “อาซอไปได้หลายวันแล้ว ยกไปหมดครอบครัวตั้งแต่วันขนสินค้า หากตามไปคงจะทันได้เจอที่ริมแม่น้ำ “ ผู้เฒ่าแจ้งหนทาง ชายฉกรรจ์มองกระท่อมตรงหน้าแล้วจัดการจุดไฟเผาทันที ก่อนจะล่าถอยออกไป คนในหมู่บ้านมองเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยความหวาดหวั่น แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าบุตรสาวคนโตของอาซอยังมีชีวิต แต่ไม่มีใครปริปากพูดออกมา หากความเมตตาที่คนในบ้านจะให้อิงได้ ก็มีเพียงเท่านี้ เด็กหญิงถูกหญิงวัยกลางคนท่าทางใจดี พาลงมาจากบนดอย หลังจากถูกทิ้งให้อยู่ในห้องเรียนเพียงลำพังหลังจากนั้น 3วัน “พระเจ้าจะรับลูกเข้าไปในอ้อมแขน อย่างไม่มีข้อแม้ “ เด็กหญิงอิง จึงถูกแปลงชื่อ เปลี่ยนนามสกุล ภายใต้ครอบครัวผู้อพยพที่รอการอนุเคราะห์ น.ส น้ำอิง ตั้งในความดี เป็นนักเรียคนแรกจากการอนุเคราะห์ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐได้ ในคณะแพทยศาสตร์ในวัยเพียง 17ปี เท่านั้น นายแพทย์ สัญญา มองนักเรียนแพทย์คนใหม่ที่ได้รับคะแนนสอบสูงลิ่ว จากการสอบคัดเลือกทั่วประเทศ ร่างบอบบางผิวเหลืองซีด มาในชุดนักเรียนตัวเก่า สะพายย่ามผ้าเอาไว้ ท่าทางตื่นกลัวไม่น้อย “สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อ นางสาวน้ำอิง ตั้งในความดีค่ะ “ อาจารย์วัย50ปี ยิ้มออกมา แล้วรับเอกสารของเด็กคนนี้มาตรวจ เพื่อเข้ามอบตัว เอกสารครบถ้วนทั้งผลการสอบ ผลการเรียน ทะเบียนบ้าน และบัตรประชนชน ”แล้วเอกสารพ่อแม่ผู้ปกครองละ “ “ไม่มีค่ะ หนูเป็นเด็กกำพร้า อยู่ในศูนย์อพยพ รอการอนุเคราะห์ “ “หมายความว่า “ “ค่ะ หนูยังไม่มีผู้ปกครอง “ ใบหน้าของเด็กนักเรียนในวันนั้น ทำให้อาจารย์หมอจำได้ถึงวันนี้ น้ำตาที่คลอในดวงตา ไม่มีวันที่จะปล่อยให้ไหลลงมา เหมือนกับว่าน้ำตาได้หมดไปจากดวงตานานแล้ว “รอก่อนนะ อย่าเพิ่งไปไหน “ อาจารย์หมอ บอกพร้อมกับเรียกคิวถัดไป เพื่อตรวจเอกสารในวันที่มอบตัวของนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่1 ”อิง อิง ตื่นได้แล้ว “ สาวน้อยผิวพรรณดี เดินเข้ามาในห้องเล็กชั้นล่าง ก่อนจะปลุกเพื่อนสาว ด้วยน้ำเสียงร่าเริง “ตื่นแล้วค่ะ คุณฝ้าย “ คนถูกปลุกงัวเงียตอบ ก่อนจะถูกตีที่แขนเบาๆ “ถ้าคุณฝ้ายอีกคำ จะไม่คุยด้วยแล้ว “ น้ำอิงลุกขึ้นนั่งแล้วรวบผมเอาไว้ ลืมตาขึ้นมามอง “ไป ช้อปปิ้งกัน วันนี้ เงินเดือนออกแล้ว “ เด็กสาว2คน เดินเข้าออกร้านเสื้อผ้า หลายยี่ห้อ อย่างร่าเริง ก่อนที่น้ำอิงจะรับชุดกระโปรงสีหวานมาไว้ในมือ “เอาไปลอง เผื่อใส่ไปงาน “ น้ำอิงอยากจะบอกว่าไม่ แต่คงทำไม่ได้ เพราะคนที่ยืนข้างๆจะถอยให้ในขณะที่ยอมได้ แต่จะเอาแต่ใจเต็มที่ เพราะความรักและหวังดีเสมอ นายแพทย์สัญญา เซ็นเป็นผู้ปกครอง พร้อมทำเรื่องเป็นผู้อนุเคราะห์เด็กคนนี้ทันที หลังจากวันนั้น ภาพของผู้หญิงวัยกลางคนสวมชุดกระโปรงอยู่บ้านกอดรับขวัญเธอ เป็นความอบอุ่นที่น้ำอิงไม่มีวันลืม เด็กหญิงรุ่นราวคราวเดียวกัน ยืนมองเธออยู่ตรงนั้น แล้วยิ้มให้อย่างดีใจ “เราชื่อฝ้าย เรียกแค่ฝ้าย ไม่ต้องเรียกคุณอะไรทั้งนั้น เข้าใจไหม “ ตั้งแต่นั้นมา สองสาวตัวติดกันเป็นฝาแฝดทันที คุณหมอจึงมีลูกสาวสองคนที่เรียนแพทย์เช่นเดียวกัน แม้อีกคนจะเรียนเก่งกว่าก็ตาม “คะแนนบทนี้ อิงท้อปอีกแล้วค่ะคุณพ่อ “ ลูกสาวบอกออกมาแล้วส่งเปเปอร์ให้ดู “ฝ้ายว่า อิงต้องกินตำราเข้าไปแน่ๆเลย “ น้ำอิงยิ้มออกมา แล้วบอกเพื่อนว่า “งั้นฝ้ายก็ต้องกินเครื่องสำอางค์เข้าไปแน่ๆถึงได้สวยขนาดนี้ “ ความตรงไปตรงมาของเด็กจากบนโน้น ละลายความอิจฉาได้หมดสิ้น ช่วงแรกจะมีข้อเปรียบเทียบเสมอ ว่าเพื่อนซี้สองคนทำไมไม่เรียนดีเท่ากัน แต่ความซื่อตรงของน้ำอิงทำให้ฝ้ายต้องยิ้มรับกับคำเปรียบเทียบ “อิง ต้องสู้นะฝ้าย อิงต้องทำมากกว่าคนอื่นทำ กว่าจะมาถึงจุดนี้ ถ้าฝ้ายอ่านหนังสือวันละ7ชั่วโมงอย่างอิง ฝ้ายก็เก่งเหมือนกัน “ “ไม่เอาหรอก เราต้องบาลานซ์ชีวิตให้ได้ “ ฝ้ายถึงได้เป็นนักศึกษาแพทย์ ที่เป็นบล็อกเกอร์ รีวิวเครื่องสำอางค์ มีคนติดตามหลายแสนคน และยังมีเวลามาช่วยแต่งตัวเพื่อนสาวคนนี้ด้วย “นั่นคือสิ่งที่อิงทำเหมือนฝ้ายไม่ได้เหมือนกัน “ น้ำอิงบอกกับเพื่อนรัก แล้วจับมือเอาไว้แน่น “ถ้าฝ้ายไม่มีแฟนคงจะจีบอิงเป็นแฟนไปแล้ว “ นายทหารหนุ่มมองภายในห้องฉุกเฉิน ก่อนจะเห็นคนที่อยู่อีกฝั่งมีผ้าม่านกั้น กำลังทำอะไรบางอย่าง “ให้คนไข้มารอได้เลยค่ะ ญาติเชิญด้านนอก “ เสียงผู้หญิงบอกออกมาจากด้านหลังม่าน ก้องภพจึงเข็นรถเข็นให้ลูกน้อง มารอด้านใน ก่อนจะเดินออกไปรอด้านนอก คุณหมอสาวมีแมสก์ปิดหน้าไปครึ่งหนึ่ง มองแผลที่เป็นรอยแทงลึกไม่น้อยด้วยสายตานิ่ง เลือดไหลทะลักเต็มเท้า แต่คุณหมอกลับสวมถุงมือ แล้วให้คนไข้ขยับขึ้นมานอนบนเตียงอย่างใจเย็น “ต้องเย็บนะคะ ไม่กลัวใช่ไหม” นายทหารพยักหน้า “หมอฉีดยาชา ก็จะชา แต่คงจะปวดมาก เวลาที่ยาชาหมดฤทธิ์ กลับไปที่หน่วยกินยาตามเวลานะคะ แล้วก็มาล้างแผลทุกวัน “ คุณหมอบอกระหว่างที่ราดน้ำสะอาดลงไป “แสบหมอ แสบ “ คนเจ็บร้องออกมา “น้ำเปล่าค่ะ หมอต้องล้างน้ำสะอาดก่อน “ มือบางจัดการฉีดยาลงไปจนคนไข้แทบไม่รู้สึก แล้วนำผ้าสีเขียวมาคลุมเอาไว้ตรงจุดที่จะทำการรักษา ก่อนจะลงมือทันที นายทหารหนุ่มแทบไม่รู้สึกถึงเข็มหรือการดึงของไหม เพียงไม่นาน หัตถการก็เสร็จเรียบร้อย พยาบาลสาวใหญ่มองคุณหมอหน้าใสด้วยความชื่นชม “แผลสวยมากเลยค่ะ คุณจ่าโชคดีมากนะคะ ที่ได้หมออิงมาเย็บแผลให้ “ นายทหารมองดูใบหน้าของหมอแล้วยิ้มออกมา หมอเด็กมากขนาดนี้ แต่มือเบาจริงๆ ”ขอบคุณครับหมอ “ “หมอฉีดยาแก้ปวด กับยาบาดทะยักให้แล้ว แต่ต้องกินยา แล้วมาล้างแผลนะคะ “ คุณหมอสั่งก่อนจะลุกออกมา สบตากับญาติที่นั่งรออยู่ด้านนอก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD