พิราสินีสงบสติอารมณ์ของตัวเองอยู่บนโต๊ะอาหารโดยมีคุณน้าคนสวยของเธอคอยเอาใจอยู่ ดวงดาราลูบผมหญิงสาวตักกับข้าวที่เธอชอบให้เผื่อว่าจะใจเย็นลงบ้าง
"กินข้าวนะลูกไหนหนูบอกว่าอยากกินข้าวไงคะ"
"คุณน้าดูคุณพ่อกับไอ้บอดี้การ์ดบ้านั่นสิคะ กวนประสาทขนาดไหนหนูอดทนมากที่สุดแล้วค่ะ"
"พี่กันต์อายุมากกว่าหนูอีกนะ เรียกพี่เค้าดีๆหน่อย"
"ไม่ค่ะหนูเกลียดขี้หน้าหมอนั่น"
"ยัยพริ้ง!"
"คุณช่วยเงียบหน่อยได้มั้ยคะ ถ้ายังพูดมากก็ลุกออกไปเลยค่ะ"
ดวงดาราหันไปดุคุณท่านของบ้าน เขาเงียบไปไม่กล้าพูดอะไรอีกเพราะกลัวว่าหญิงสาวจะโกรธแค่อยู่เฉยๆก็โดนด่าอยู่แล้วไม่อยากสร้างเรื่องเพิ่มอีก
"สอนหลานคุณสิ"
"หนูอายุน้อยกว่าพี่เค้านะคะ น้ารู้ว่าหนูไม่แคร์ใครแต่บางอย่างเราต้องให้มันพอดีนะ"
"ถ้าเค้าไม่กวนประสาทหนูก่อนหนูคงไม่พูดแบบนั้นค่ะ"
"เค้าเป็นบอดี้การ์ดเค้ามาดูแลหนู เราต้องให้เกียรติเค้าไม่ว่าเค้าจะอยู่ในสถานะไหนก็ตาม หนูรู้มั้ยว่าผู้หญิงจะสวยตอนที่ใจดีพูดเพราะนะ"
พิราสินีตั้งใจฟังที่คุณน้าของเธอสั่งสอนทั้งที่เกิดมาไม่เคยมีใครมานั่งอบรมสั่งสอนหรือพูดแบบนี้ตั้งแต่ที่แม่เสียชีวิตไป คุณน้าเองก็ไม่เคยมาหาเลยไม่รู้ว่าทำไมถึงเกลียดพ่อเธอขนาดนั้นทั้งที่เธอต้องการคนที่คุยได้ทุกเรื่องซึ่งไม่ใช่คุณพ่อของเธอ
"หนูจะพยายามพูดดีๆค่ะ ถ้าหมอนั่นไม่กวนประสาทนะคะ"
"แค่นี้ก็ดีมากแล้วค่ะ ค่อยๆปรับกันไปน้าเชื่อนะว่าหลานสาวคนสวยจะเป็นผู้หญิงที่สวยน่ารักสำหรับทุกคน"
พิราบสินีรู้ตัวเองดีว่าเธอเป็นคนขี้เหวี่ยงวีนเจ้าอารมณ์เอามากๆ ไม่พอใจก็ด่ากราดไม่สนว่าเป็นลูกใคร ถือตัวมากและนี่คงเป็นนิสัยที่ทำให้ไม่มีใครชอบเธอและเพื่อนมีน้อยมาก
ท่านพยัคฆ์มองน้องเมียและลูกสาวคุยกันก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย ถ้าตอนนั้นเขาไม่ตามใจผู้ใหญ่ผู้หญิงที่เป็นแม่ของลูกคงไม่ใช่พี่สาวของเธอ
"หนูกินข้าวนะคะเดี๋ยววันนี้น้าจะชวนทำขนม"
"ไม่เอาค่ะอยู่หน้าเตาอบหนูไม่ชอบค่ะมันร้อน"
"งั้นจัดแจกันดอกไม้มั้ยคะ"
"มันน่าเบื่อนะคะคุณน้า"
หญิงสาวตักกับข้าวใส่ปากคุยกับน้าสาวไปด้วย ชีวิตของเธอนอกจากกินแล้วก็เที่ยวก็ไม่มีอะไรน่าสนุกสำหรับชีวิตของเธออีกแล้ว
"งั้นปลูกต้นไม้กัน"
"ร้อนค่ะคุณน้า"
"แล้วหนูอยากทำอะไรคะ"
"นอนดูหนังได้มั้ยคะ"
"ได้ค่ะน้าอยู่เป็นเพื่อนนะ"
สองสาวยิ้มกว้างออกมานั่งกินข้าวด้วยกันอย่างอารมณ์ดีขึ้น กว่าพิราสินีจะยอมใจเย็นลงเล่นเอาคุณน้าของเธอเหนื่อยพอควร ท่านพยัคฆ์ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกอย่างน้อยยังมีคนที่ลูกสาวพอจะเชื่อฟังบ้าง ถึงแม้ว่าจะไม่ยอมฟังเขาที่เป็นพ่อเลยก็ตาม
หลังจากที่กินข้าวเสร็จทั้งสองคนก็ขึ้นมานอนดูหนังด้วยกันที่ห้องนอนของเธอ ดูจนไปสองเรื่องแล้วแต่มันก็ไม่ทำให้เธอหายเบื่อ
"ไปช่วยงานแต่งงานบ้านข้างๆกับน้ามั้ย"
"ไม่เอาค่ะหนูร้อน"
"งั้นน้ากับป้าๆไปข้างบ้านนะหนูอยู่ได้ใช่มั้ย"
คุณน้าลูบผมหญิงสาวอย่างเบามือ พิราบสินีพยักหน้าเล็กน้อยปล่อยให้ทุกคนไปทำธุระของตัวเอง ส่วนเธอไม่ค่อยชอบเข้าสังคมเท่าไหร่อยู่แบบนี้ดีกว่า
"ไปหมดเลยเหรอคะ"
"จ้ะ ไปทุกคนเลย"
"ตามสบายเลยค่ะ"
คุณน้าจูบหน้าผากหลานสาวอย่างเอ็นดูลุกขึ้นเดินออกไปจากตรงนั้นปล่อยให้เธออยู่คนเดียวไปก่อน พิราสินีนั่งดูหนังไปเกือบจบเธอรู้สึกเบื่อมากที่ต้องมาทำอะไรที่ไร้สาระแบบนี้
"อยากไปช็อปปิ้ง หิวข้าวด้วย"
เธอบ่นออกมาก่อนจะลุกขึ้นเดินลงไปชั้นล่าง เข้าไปในห้องครัวเผื่อว่าจะมีอะไรให้เธอกิน แต่ก็ไม่มีอะไรเลยสักอย่างแถมแม่บ้านยังไปข้างบ้านกันหมด
"โอ๊ยยยยย หิวข้าว!"
พิราสินีเดินกลับขึ้นมาในห้องนอนหยิบโทรศัพท์กดโทรไปหาบอดี้การ์ดตัวดี ไม่ใช่ว่าง้อหรอกเพียงแต่หมอนั่นยึดกุญแจรถของเธอไปจึงจำเป็นต้องโทรไปหา
(สวัสดีครับกันต์ธีพูดสายครับ)
"นี่นาย! เป็นบอดี้การ์ดยังไงไม่อยู่รับใช้ฉัน นายอู้งานเหรอเดี๋ยวให้พ่อไล่ออกซะดีมะ"
(อ่อ คุณหนูพริ้งพราวนี่เองว่าไงครับคนสวย)
"อย่ามาเล่นลิ้นกับฉันนะไอ้คนชั้นต่ำ นายมารับฉันหน่อยฉันหิวข้าว"
(พูดดีๆสิครับไม่เห็นต้องหยาบคายขนาดนี้เลย เป็นผู้หญิงจะสวยก็ตอนที่น่ารักอ่อนโยนพูดเพราะ)
เขาพยายามใจเย็นคุยกับเธอให้มากที่สุด เข้าใจว่าเธอถูกเลี้ยงมาแบบตามใจจนเสียคนและการจะเปลี่ยนคนแบบนี้ให้ดีขึ้นมันไม่ใช่เรื่องง่าย
"ฉันจะพูดเพราะกับคนที่ฉันอยากคุยด้วยเท่านั้น"
(งั้นอดข้าวไปนะครับผมวางล่ะ)
"กรี๊ดดดดด อย่าวางนะ"
หญิงสาวร้องกรี๊ดใส่โทรศัพท์จนชายหนุ่มต้องดึงออกเพราะไม่งั้นหูแตกได้รับการรักษาแน่
(อย่ากรี๊ดใส่โทรศัพท์ผมไม่ชอบ!)
"มารับฉันเดี๋ยวนี้นี่เป็นคำสั่ง"
(พูดดีๆกับผมครับคุณหนูไม่งั้นก็ไม่ต้องกิน)
เขายังยืนยันคำเดิม หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกๆพยายามอย่างมากที่จะสงบสติอารมณ์ของตัวเองไม่ให้โวยวายมากกว่านี้
"นาย... นายช่วยมารับฉันหน่อย"
(พี่กันต์ช่วยมารับน้องพริ้งไปกินข้าวหน่อยค่ะ)
"อะ...อะไรนะ ทำไมฉันต้องพูดด้วย"
พิราสินีกำมือเอาไว้แน่นเธอไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคพวกนี้จากบอดี้การ์ดที่พ่อเป็นคนจ้างมา ทำไมกริยาและนิสัยมันต่างจากคนก่อนเป็นไหนๆ
(งั้นก็ไม่ต้องกิน)
"เออ... กะ..ก็ได้ พี่กันต์ช่วยมารับพริ้งไปกินข้าวหน่อยค่ะ"
หญิงสาวเก็บความแค้นเอาไว้ในใจรอวันเอาคืนเขาในอนาคตอันใกล้นี้ เธอไม่ปล่อยเอาไว้แน่ถ้าเขายังวางอำนาจใส่เธอแบบนี้อย่าหวังว่าจะอยู่ร่วมโลกกันได้เลย
(ได้ครับ ลงมาสิพี่อยู่ข้างล่างครับ)
พิราสินีกดวางสายก่อนจะถือโทรศัพท์และกระเป๋ารีลวิ่งลงไปชั้นล่าง และก็เจอเขากำลังยืนกอดอกอยู่ตรงบันไดมองมายังเธอด้วยรอยยิ้มกวนประสาท
"นาย!"
"อยากกินอะไรครับ"
"อะไรก็ได้ฉันหิว"
หญิงสาวสะบัดหน้าใส่ชายหนุ่มเดินไปชนไหล่ด้วยความตั้งใจก่อนจะยิ้มมุมปากออกมาอย่างสะใจที่ได้ทำให้เขาเจ็บตัว กันนภัทรมองตามเธอไปก่อนจะถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
"เด็กบ้าเอ้ย!"
"เร็วๆสิ"
"ได้สิ จะรีบพาไปกินของอร่อยเลย"
เขายิ้มมุมปากรีบพาเธอขึ้นรถไปจะได้กินข้าวสมใจอยากเธอ ใช้เวลาขับรถไม่นานก็มาถึงร้านที่เขาเลือก พิราสินีเปิดกระจกมองสภาพร้านที่เขาบอกว่าจะพามากินก็ต้องช็อคเพราะมันคือร้านอาหารตามสั่งเล็กๆ
"ระ...ร้านนี่นะ"
"อืม... อร่อยนะลงมาสิ"
"ไม่! ฉันไม่กินร้านถูกๆแบบนี้หรอก ฉันไม่ลง!"
หญิงสาวกอดอกเชิดหน้าใส่เขาไม่ยอมก้าวเท้าลงจากรถ กันนภัทรยักไหล่เล็กน้อยอย่างไม่แคร์และถ้าเธอจะไม่ลงไปกินมันก็ช่วยไม่ได้
"งั้นผมไปกินคนเดียวก็ได้ แล้วอย่ามาบ่นหิวข้าวแล้วกัน"
ชายหนุ่มเดินตรงเข้าไปยังร้านอาหารตามสั่งโดยที่ทิ้งเธอไว้ในรถไม่ยอมหันมา พิราบสินีมองตามชายหนุ่มไปมองซ้ายมองขวาก่อนจะลูบท้องตัวเองป้อยๆเพราะตอนนี้เธอหิวจนไส้กิ่วแล้ว
"โอ๊ยยยย ฉันหิว! ทำไงดีเงินก็ไม่มี"
เธอมองชายหนุ่มที่ตอนนี้กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะในร้านกดโทรศัพท์เล่นไม่ได้สนใจเธอเลยว่าจะเป็นยังไงบ้าง
"ไอ้บอดี้การ์ดบ้า! ไอ้เลว"
หญิงสาวกำมือแน่นอย่างโกรธจัดโวยวายสารพัดก่อนจะยอมลงไปหาเขาในร้านเพราะตอนนี้เธอหิวข้าวจนทนไม่ไหวแล้ว
"ฉันจะฆ่านายคอยดูเถอะ!"