“จะยืนเอ้อระเหยอยู่อีกนานไหม หนัก...”
เสียงแหบห้าว ดุแข็งและกระด้าง เย็นยะเยือกเป็นภาษาอังกฤษที่ดังลอยมาเข้าหูยังไม่สู้ความเย็นยะเยือกที่แผ่กระจายรุมล้อมรอบกาย ราชาวดีรีบถลาร่างไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
‘โอ๊ย...อีกแล้วเรอะ เป๋อเหลอ ซุ่มซ่ามจริง ๆ ให้ตายเถอะ แล้วจะทำยังไงดีล่ะทีนี้’
คนที่ถูกเธอเหยียบจะต้องโกรธเป็นอย่างมากแน่นอนเลย ราชาวดีหน้าเสีย เมื่อความซุ่มซ่ามของตัวเองทำให้คนอื่นเดือดร้อน
ราชาวดีก่นว่าตัวเองด้วยความหงุดหงิด ทำไมวันนี้เธอถึงควบคุมอะไรไม่ได้สักอย่าง เพียงได้กลิ่นกายของผู้ชายที่ลอยมาแตะจมูกที่ทำให้หัวใจเต้นแรงและเร็ว จนแทบจะหลุดออกมาจากอกแล้ว แปลกมาก...
ไม่ใช่ว่าไม่เคยเข้าใกล้ผู้ชายมาก่อน แต่กลิ่นกายของคนที่อยู่ด้านหลังมันก่อเกิดอารมณ์แปลกๆ ในทรวงที่ทำให้แก้มร้อนผ่าว แต่เธอก็รีบสลัดมันทิ้งไป รีบหันกลับมามองด้านหลังด้วยความรู้สึกผิด
ราชาวดีทำใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะไล่สายตามองจากส่วนล่างของคนที่ถูกเหยียบเมื่อครู่ เธอเห็นรองเท้าหนังสีขาวขัดมันจนวาวแทบจะใช้แทนกระจกเงาได้ที่ตอนนี้มีบางส่วนสกปรกเพราะฝีมือเธอ ไปถึงกางเกงผ้าเนื้อนุ่มสีเดียวกับตัวรองเท้า
ราชาวดีไล่สายตาขึ้นไปอีกเล็กน้อยก็ได้เห็นเสื้อสูทสีเดียวกับกางเกง
สิ่งที่ได้เห็นทำให้อดที่จะคิดไม่ได้ว่า...ผู้ชายคนนี้ดูท่าจะชอบสีขาวแฮะ
“จะมองอีกนานไหม” ชายหนุ่มถามอย่างหงุดหงิดที่แม่เด็กตัวเล็กซุ่มซ่ามมีกลิ่นกายหอมเฉพาะตัวมัวแต่ให้ความสนใจกับเสื้อผ้าเขาแทนที่จะเงยขึ้นสบตาด้วยและเอ่ยคำขอโทษให้เป็นเรื่องเป็นราว
“ขอ...ขอโทษค่ะ” น้ำเสียงขุ่นเขียวและแข็งกระด้างที่ดังมา ทำให้ราชาวดีหลุดคำพูดว่าขอโทษออกไป พร้อมด้วยรอยยิ้มแหย ๆ ส่งให้กับคนที่เธอเพิ่งจะทำให้เจ็บตัวไป
“ฉันขอโทษที่ทำให้คุณเจ็บตัวด้วยค่ะ” หญิงสาวเอ่ยพร้อยยิ้มปะเหลาะ ดวงตากลมโตกะพริบปริบ ๆ อย่างที่คิดว่าจะทำให้คนเจ็บตัวนั้นคลายความโกรธลงไปได้บ้าง...เล็กน้อย
เค้าโครงหน้ารูปสี่เหลี่ยมดูแข็งกร้าวและกระด้าง คางบุ๋มไปเล็กน้อย ริมฝีปากหนาสีแดงสดมีรอยหยักเล็กน้อยมีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งจนเกิดความรู้สึกว่า...ถ้าใกล้ชิดกับเธอแล้วมันจะเป็นอย่างไร ถ้าหากเธอได้สอดแทรกปลายนิ้วไปลากไล้เส้นผมที่ดูท่าจะนุ่มที่ระต้นคออยู่ จะรู้สึกยังไงกันนะ
เฮ้ย! นี่ฉันคิดอะไรบ้า ๆ กับผู้ชายที่เพิ่งเจอไปได้ละนี่ ถ้าพี่พรกับพี่สีดารู้เข้า คงจะด่าจนหูชาแน่เลย เพี้ยนหนักแล้วเรา
หญิงสาวก่นว่าตัวเองในใจ อยากจะยกมือขึ้นเคาะกะโหลกตัวเองสักทีที่บ้าคิดอะไรไม่เข้าท่า แต่ใบหน้าคมเข้ม ริมฝีปากหนา จมูกโด่งขึ้นสัน ดวงตา...คมเข้มเป็นประกายเย็นชาแต่แฝงไว้ด้วยอำนาจราวกับจะสะกดจิตคนได้ทำให้เธอเหมือนกับถูกมนตร์สะกดให้ตะลึงงันกับความมีเสน่ห์ของชายหนุ่มตรงหน้า ทำให้ไม่อาจละสายตาได้ แม้จะเจอกับรัศมีของความเย็นชาอย่างกับน้ำแข็งก็ทำให้เธอไม่อาจละสายตาได้
ไม่! หยุดได้แล้วช่อม่วง แต่...ดวงตาคมเข้มเป็นประกายเซ็กซี่และเว้าวอนเหมือนกับอยู่ท่ามกลางกระแสน้ำวน ดึงดูดเธอให้ถลาเข้าหา
“คะ...คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ”
ราชาวดีรีบข่มกลั้นความรู้สึกแปลกที่มันเอ่อล้นมาราวกับน้ำทะลักไว้ในใจ แต่ก็เหมือนกับถูกตรึงเอาไว้ด้วยมือที่มองไม่เห็นจนขยับร่างกายไม่ได้เอ่ยถามชายตรงหน้าไปเสียงสั่น
เกิดอะไรขึ้นกับเธอ? ทำไมถึงได้รู้สึกเหมือนกับรอบกายเต็มไปด้วยดอกไม้ที่บานชูช่อ มีเสียงดนตรีหวานนุ่มดังแผ่วพลิ้วมาตามกระแสลมที่พัดไล้เรือนกายที่ถูกโอบกอดแนบชิด เคลื่อนไหวไปในท่วงทำนองของดนตรีที่แสนละมุนหวานนุ่ม
เหมือนล่องลอยอยู่ในความฝัน ราชาวดีแย้มยิ้ม ดวงตาเป็นประกาย แต่พอสบกับสายตาเข้มที่มีแต่ความเร่าร้อนด้วยประกายไฟร้อนระอุที่โอบรอบกายระคนเหนื่อยหน่ายและระอิดระอาใจ ที่สำคัญมันเหมือนกับมีแววดูถูกเหยียดหยามปะปนสุมอยู่ด้วย ทำให้เธอตื่นจากภวังค์ฝันหวานในทันที
ราชาวดีอยากจะเอามือตีหน้าผากตัวเอง ที่ไม่รู้ว่าเป็นบ้าอะไร ในสมองถึงได้มีแต่ภาพผู้ชายตรงหน้าบรรจุอยู่เต็มไปหมด แถมยังละสายตาจากใบหน้าอีกฝ่ายไม่ได้ด้วย หัวใจก็เต้นแรงเร็วราวกับจะหลุดออกมา จนต้องรีบปราม
‘หยุด! หยุดคิดบ้าได้แล้วช่อม่วง’ แต่...
ดวงตาคมกริบที่เซ็กซี่จนหัวใจเธอแทบละลายเหมือนกับเทียนไขถูกลนไฟ หล่อ...หล่อมาก หล่อสุด ๆ พระเอกละครหนังไทยที่เธอเคยชมว่าหล่อและมีเสน่ห์ยังเทียบไม่ติดฝุ่นเลยให้ตายซิ แต่แหม...ตาดุไปหน่อย มองแล้วสั่นไปหมดทั้งตัวเลย แต่ราชาวดีก็ยังสามารถหาข้อติได้บ้างไม่ได้หลงไปในความหล่อที่ได้เห็นเสียทั้งหมด
‘หยุด! ตื่นได้แล้วช่อม่วง’
ราชาวดีบังคับไม่ให้ยกสองมือขึ้นตบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติคืนมา แต่ถึงจะอย่างนั้นเธอก็ถูกสายตาคมกริบสะกดไว้จนไม่อาจที่จะถอนสายตาจากร่างหนาใหญ่ในชุดสีขาวเหมือนเทพบุตรได้
ผู้ชายคนนี้มีมนตร์อะไรกันแน่ ทำไมเขาถึงได้ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับว่าได้เป็นเจ้าหญิงและคนรับใช้ในคราวเดียวกันได้
สายตาของแม่สาวน้อยที่ดูเหมือนว่าจะยังไม่พ้นวัยมัธยมที่มองมาทำให้เซกิจิโร่ถึงกับสบถเสียงเขียว อุตส่าห์ปั้นหน้าเครียดขรึมและแข็งกระด้างแล้วนะ แต่แม่เด็กนี่ดังยังมองมาตาปรอย ให้ตายซิ ชายหนุ่มสบถด้วยหงุดหงิดกับรูปหน้าที่พ่อแม่ให้มา ที่หล่อเหลาไม่เหมาะสมกับหน้าที่การงานที่เขาทำเลยสักนิด
ชายหนุ่มล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง มองยายตัวเล็กที่สูงเสมอคางเขา ใบหน้านวลเนียนรูปไข่ ดวงตากลมโตเป็นประกายสดใสล้อมกรอบด้วยแพขนตายาวงอน จมูกโด่งเล็กได้รูปรับกับริมฝีปากรูปกระจับสีชมพูชวนมองและชวนจินตนาการไปในทางอื่น
ดวงตาคมไล่มองลำคอระหง ไหล่กว้าง เสื้อยืดกลางเก่ากลางใหม่รัดกายจนได้เห็นทรวงสล้างอวบอิ่มขนาดไม่เล็กแต่ก็ไม่ใหญ่ที่ไหวกระเพื่อมตามแรงหายใจ ทำให้เขาเกิดความรู้สึก...อยากจะจับต้อง อยากรู้เวลาได้สัมผัส ปลายนิ้วป่ายปัดไปบน...
ชายหนุ่มสะบัดศีรษะเล็กน้อยไล่ความคิดที่จะจับผู้หญิงตรงหน้า โยนไปบนเตียงนอนนุ่ม ๆ ฉีกทึ้งเสื้อผ้าออกและ...ดวงตาคมกริบเปล่งประกายวาววับเหมือนดวงตาสัตว์ร้ายหิวกระหายเหยื่ออันโอชะ กรามหนาขบกัดบดเบียดจนวงหน้าคร้ามแกร่งนูนขึ้น
ลิ้นเล็กยื่นออกมาลากไล้บนกลีบปากบางสีชมพูระเรื่อ ทำเอาเซกิจิโร่ถึงกับร้องคำรามลั่นในลำคอ ให้ตายซิ เขาเป็นบ้าอะไรไปนี่ ทำไมถึงได้มีอารมณ์กับเด็กไม่รู้จักโตตรงหน้าได้ ชายหนุ่มสบถเสียงขุ่น เมื่อกายสำแดงฤทธิ์เดชราวกับไม่ได้พบเจอและมีอะไรกับผู้หญิงมาเป็นเวลานาน ทั้งที่ความจริงแล้วเขาก็เพิ่งจะผละมาจากแม่สาวต่างชาติหุ่นอวบอัดเต็มไม้เต็มมือเมื่อคืนนี้เอง
แม้จะแปลกที่เกิดความรู้สึกกับสาวตรงหน้า แต่เซกิจิโร่ก็ข่มมันเอาไว้ เพราะผู้หญิงสำหรับเขาหาง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก เพียงแค่กระดิกนิ้วนิดเดียวก็วิ่งมาสยบแทบเท้า หากทำได้สาว ๆ พวกนั้นแทบจะอ้อนวอนขอให้เขาเรียกหาด้วยซ้ำ