คนเป็นพ่อถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วมองไปยังชายที่หมายปอง เห็นส่งรอยยิ้มกลับมาทำเอาชายกลางคนเบาใจ เพราะจากสีหน้าแววตา ทินภัทรคงไม่มีทางปันใจให้ใครแน่
“ทินว่ายังไงดี” เขาเอ่ยถามว่าที่ลูกเขยบ้าง
คนถูกถามเหลือบมอง แล้วยิ้มอ่อนโยน
“แต่งงานกันไหมครับดาว ผมไม่อยากรอแล้ว คุณพ่อเร่งขนาดนี้คุณยังใจร้ายอยู่อีกเหรอ” เขาถามเสียงทุ้มแผ่ว ดวงตาทอประกายทอดมอง
คนถูกขอแต่งงานชะงักดวงตาเบิกกว้าง ผิวแก้มเริ่มแดง ไม่เคยเห็นเขาทำแบบนี้มาก่อน ปกติเธอมักล้อเล่นกับทินเสมอ เกี่ยวกับเรื่องแต่งงาน แต่คราวนี้ดูเหมือนเขากำลังจริงจังกับมัน
“แน่ใจแล้วเหรอคะทิน” เธอไม่รู้ว่าควรตอบตกลงดีไหม เพราะบางครั้งรู้สึกได้ว่าทินมีอะไรบางอย่างในใจ ซึ่งมันเป็นเหมือนกำแพงสูงตระหง่านที่ตนไม่สามารถปีนข้ามไปได้
เขาระบายยิ้ม “แน่ใจสิครับ ถ้าผมไม่อยากแต่ง ผมไม่ขอคุณหรอกนะดาว” ดาวรีย์ช่วยเหลือเขามามากเหลือเกิน มากจนไม่อาจมองใครได้อีก เขาแน่ใจว่าอนาคตข้างหน้าเธอคงเป็นแม่ที่ดีของลูกได้ เพราะสำหรับคนในหัวใจ มันไม่มีทางเป็นไปได้อีกแล้ว
ดาวรีย์ยิ้มกว้างกว่าครั้งไหนๆ พยักหน้าแล้วเหลือบมองบิดาสีหน้าแช่มชื่น ดนัยเลยแสร้งถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“เฮ้อ.. ค่อยยังชั่วนึกว่าลูกอาจะหาสามีไม่ได้ต้องอยู่บนคานแล้ว”
“โถ่ พ่อคะ!” คนเป็นลูกร้องเสียงหลงหน้างอ
ทินภัทรหันมองว่าที่พ่อตาแล้วหัวเราะออกมา แม้ภายในอกจะปวดร้าวมากเพียงใดก็ตาม
ภาวิทย์ยืนนอบน้อมอยู่ตรงหน้าเจ้านาย ทินภัทรมองกระดาษตรงหน้าที่จดรายการและใบเสร็จค่าขนมทั้งหมด เขาเอนกายพิงพนักเก้าอี้ ขบกรามจนเป็นสันนูน ต่อให้อยากหายแค้นมันก็ทำไม่ได้ เมื่อภาพพ่อถูกเจ้าหน้าที่นำตัวออกมาจากรถด้วยร่างชุ่มโชกไปด้วยเลือด อีกคนถูกลากออกมากระชากปืนออกจากมือ ดวงตาเรียวคมวาววับ สีหน้าสำนึกผิดกรีดร้องเรียกชื่อพ่อมันดังก้อง ณัฐกรช่างเสแสร้งทำเหมือนพลั้งมือลงไป สุดท้ายแค่ติดคุกสี่ปีก็ออกมาใช้ชีวิตมีความสุขกับครอบครัวได้หน้าตาเฉย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อกฎหมายใช้ไม่ได้ มันก็ต้องกฎหมู่นี่ล่ะ เขาไม่มีทางปล่อยให้คนชั่วเช่นมันลอยนวลมีความสุขได้หรอก ทุกอย่างในชีวิตของมันต้องพังลงด้วยมือเขาเอง
“หมดไปเท่าไหร่เหรอ ค่าขนม”
“ก็เกือบแสนแล้วล่ะครับ” ภาวิทย์ตอบเสียงแผ่ว เพราะเห็นสีหน้าเจ้านายแล้วอดกังวลไม่ได้
“สั่งอีกสักสองวันก็แล้วกัน”
“ได้ครับ” เขารับคำแล้วรีบเดินออกนอกห้องไป
เสียงประตูห้องทำงานเปิดออก ร่างบางก้าวเข้ามาแล้วยิ้มกว้าง นั่งลงบนเก้าอี้ตรงหน้าว่าที่เจ้าบ่าวของตน ทินภัทรยิ้มให้ แล้วผสานมือไว้ด้านหน้า
“มาเช้าจังเลยนะครับ” ชายหนุ่มแกล้งแซว
คนถูกแซวชะงัก ผิวแก้มเริ่มแดง ก็มันตื่นเต้นจนนอนแทบไม่หลับ
“วันนี้ไม่มีงานนี่คะ ดาวเลยว่าง”
เขาหัวเราะในลำคอ “ครับ รอผมสักครู่นะ เดี๋ยวผมเคลียร์งานแป๊บนึง”
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำ
ดาวรีย์ทอดสายตามองว่าที่เจ้าบ่าวกำลังทำงาน หัวใจมันพองโตขึ้นมา เหมือนฝันจริงๆ ที่ทินยอมขอเธอแต่งงาน ทั้งๆ ที่เขามีหญิงสาวมากหน้าหลายตามาให้เลือกสรร แต่สุดท้ายทินก็เลือกเธอ
ราวชั่วโมงต่อมา ทินภัทรวางมือจากงานแล้วลุกยืน เดินมาหาว่าที่เจ้าสาว ยื่นมือมาให้เธอจับไว้ สองร่างเดินเคียงข้างกันลงลิฟต์ ท่ามกลางสายตาของพนักงาน อดอิจฉาคู่นี้ไม่ได้ ดาวรีย์เปิดประตูรถแล้วหย่อนกายตรงเบาะหน้าเคียงคู่ เขาเคลื่อนรถออกจากบริษัท แล้วตรงไปยังห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางกรุง อีกคนอมยิ้มตลอดเส้นทาง ยี่สิบนาทีต่อมาถึงลานจอดรถ ดาวรีย์เปิดประตูลงและยืนรอ เมื่อทินภัทรก้าวมาเดินเคียงเลยพากันขึ้นชั้นบน มาหยุดตรงร้านเครื่องประดับชื่อดัง
พนักงานออกมาต้อนรับคนทั้งคู่ แล้วยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะคุณทินภัทร” พนักงานสาวทักทายด้วยรอยยิ้ม
“ครับ ที่ผมสั่งไว้ได้หรือยังครับ”
“สักครู่นะคะ” พนักงานตอบรับแล้วยิ้มกว้าง ก่อนเดินหายไปด้านหลัง
กล่องเครื่องประดับถูกวางตรงหน้า ดาวรีย์เหลือบมองเขา ทินภัทรเปิดออกมองดูแหวนทองคำขาว ประดับด้วยเพชรตรงกลางขนาดพอเหมาะ ชายหนุ่มอมยิ้มเหลือบมองไปยังว่าที่เจ้าสาว
“สั่งทำไว้แล้วเหรอคะ?” หญิงสาวถามสีหน้ามึนงง
เขาส่ายหน้า “อันนี้ผมทำเอาไว้หมั้นดาวก่อน ผมกลัวคุณดาวโดนคนอื่นฉกไปก่อน” พูดจบเขาหัวเราะ คนฟังเลยตีเบาๆ ที่ต้นแขน
“ไม่ต้องมาแหย่ดาวเลยค่ะ ใครกันแน่จะโดนฉกไปกันคะ”
ทินภัทรรั้งมือบางเอาไว้ เจ้าของมือชะงักแก้มแดงปลั่ง ริมฝีปากเม้มแน่นเพื่อลดทอนอาการขัดเขิน
“ผมลองสวมเลยแล้วกันครับ”
แหวนถูกสวมเข้านิ้วนาง มันพอดี หญิงสาวช้อนสายตามองน้ำตาคลอ
“ขอบคุณนะคะ”
“ตอนนี้คุณดาวเป็นของผมแล้วนะครับ” เขาบอกแล้วยิ้มกว้าง ยิ่งทำให้หญิงสาวขัดเขินจนแทบไม่อยากอยู่ตรงนี้ เพราะอายสายตาหลายคู่
พนักงานยิ้มให้กับภาพลูกค้า แล้วจัดการนำแหวนออกมาวางต่อเพื่อให้เลือกสรร
“นี่คือแหวนแต่งงานที่นิยมกันค่ะ”
เธอหันมองเขา “แหวนแต่งงานเหรอคะ?”
“ใช่ครับ เพราะที่ผมสวมเป็นแค่แหวนหมั้น”
“มันสิ้นเปลืองนะคะ ดาวใช้แหวนวงนี้ก็ได้”
คิ้วเข้มขมวด “เลือกเลยครับ”
คนตัวเล็กไม่อยากขัดใจเลยทำตามความต้องการ ปรึกษาเลือกสรรกันสักพักได้แหวนถูกใจ สั่งช่างทำเพื่อมารอรับในอาทิตย์ถัดไป จบการเลือกทินภัทรจูงมือว่าที่เจ้าสาวออกมานอกร้าน เพื่อหาอาหารรับประทานต่อ
นวฤทธิ์จอดรถ แล้วก้าวตามพี่สาวเพื่อมารับวัตถุดิบทำขนมซึ่งสั่งร้านเจ้าประจำ สองร่างเดินเคียงกันมาจนถึงทางเข้า จังหวะนั้นสองร่างชนกันอย่างกะทันหันเพราะไม่ทันมอง เนตรอัปสรเซจนแทบล้มดีถูกน้องชายประคองไว้ ส่วนอีกคนถูกคนเดินเคียงโอบไหล่ไม่ให้ล้มลง