บทที่ 15 ภาพลวงตา

1338 Words
บทที่ 15 ภาพลวงตา จำเนียรกระเถิบเข้ามาใกล้จนทั้งสี่คนกลายเป็นกลุ่มเดียวกัน “แล้วเป็นไงวะนางใจ” “ฉันคิดว่าคุณมีนาพยายามจะจับนายหัวมากกว่า” “หา!” อีกสามคนอุทานออกมาพร้อม ๆ กัน “ไม่ต้องหาหรอก เชื่อสายตาอีใจคนนี้ได้เลย” ดวงใจยืนยันหนักแน่น “ทำไมถึงคิดแบบนั้นวะนางใจ” บานเย็นถามหญิงสาวรุ่นน้องวัยสามสิบต้น ๆ “จากที่ฉันสังเกตดู ฉันเห็นนายหัวจะคุยกับเธอเวลาที่เธอถามเท่านั้น แต่ส่วนใหญ่คนที่คุยกับเธอจะเป็นผัวพี่สองคนนั่นแหละ ที่เด็ดที่สุด..” ดวงใจยกมือป้องปาก “เธอชอบอวดเบ่งเฉพาะตอนลับหลังนายหัวเท่านั้น เวลาอยู่ต่อหน้าท่านเธอทำตัวหงิมจะตาย ฉันไม่ได้เห็นแค่ครั้งเดียวแล้วเอามาพูดนะ แต่ฉันเห็นหลายครั้งเลยแหละ บางทีฉันก็ได้ยินพวกคนงานมันพูดกัน ล่าสุดก็นางแหม่มนี่ไง” ดวงใจจิ้มหน้าผากเพื่อนร่วมงานที่อายุน้อยที่สุดในครัว และหน้าตาของเธอก็จัดว่าดูดีพอ ๆ กับความขาว “ฉันเพิ่งโดนห้ามไม่ให้ยกกับข้าวไปให้นายหัวเมื่อสามสี่วันก่อนนี่เอง ฉันก็เลยมาเล่าให้พี่ใจเขาฟัง ถึงได้รู้ว่าพี่ใจก็เคยโดนสั่งห้ามเหมือนกัน” แหม่มเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ทุกคนฟัง “พูดง่าย ๆ ก็คือเธอพยายามกันท่าสาว ๆ ไม่ให้เข้าใกล้นายหัวใช่ไหมวะนางใจ” “ใช่จ้ะพี่บานเย็น พี่ไม่เชื่อก็ลองสังเกตดูสิ หรือไม่ก็ลองถามจากพี่อำนวยดูสิ” “เฮ้อ! อย่าให้ถามเลยวะ พี่น้องคู่นี้ถ้าไม่เหลืออดจริง ๆ รับรองไม่เปิดปากพูดเด็ดขาด” จำเนียรตอบแทนสะใภ้ใหญ่ เพราะอยู่กินกับสามีมาหลายปีจนรู้จักนิสัยของเขาและพี่ชายของเขาดี “สงสัยเราต้องมอมเมาเหล้าผัวแล้วว่ะจำเนียร” บานเย็นออกความเห็นกับสะใภ้รอง เพราะมันเป็นวิธีเดียวที่พอจะเปิดปากสามีกับน้องชายเขาได้บ้าง “ก็ดีเหมือนกันนะ วันนี้ใช้ไอ้หนุ่มกับไอ้ยามอมเหล้าพ่อพวกมันกันดีกว่า คิก ๆ ๆ” เจ๊หวังค่อย ๆ เดินห่างจากครัวออกไปเรื่อย ๆ จนเสียงหัวเราะคิกคักของเหล่าแม่ครัวนั้นเงียบหายไป เรื่องนี้นางจะต้องสืบดูให้แน่ใจ จะปล่อยเลยตามเลยไม่ได้เด็ดขาด ถ้ามันมีเค้าความจริงนางจะได้รีบหาทางป้องกัน... มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา มือเรียวยาวดั่งต้นเทียนของชาร์มมิ่ง แอนนาเบล เครน รีบตะปบมือที่กำลังดึงแพนตี้ตัวจิ๋วออกจากเรือนร่างของตนเอาไว้มั่น “ทำไมล่ะชาร์มมิ่ง เราตกลงกันแล้วนี่” จัสตินทักท้วงเมื่อเห็นหญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธ “ฉันเพิ่งนึกได้ว่ามีนัดกับคุณย่า เอาไว้คราวหน้าดีกว่านะ” เธอรีบลุกจากเตียงนอน ติดกระดุมเสื้อที่ถูกปลดให้เข้าที่จนครบทุกเม็ด “เธอเห็นฉันเป็นตัวตลกหรือยังไง หลายครั้งแล้วนะที่เธอเป็นแบบนี้” ชายหนุ่มต่อว่าหญิงสาวที่กำลังสำรวจความเรียบร้อยอยู่หน้ากระจกด้วยความไม่พอใจ “ฉันขอโทษ ฉันก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้หรอกนะ แต่ฉันนอนกับนายไม่ได้จริง ๆ จัสติน” “ถ้าอย่างนั้นเราก็เลิกกันเถอะ” มือที่กำลังจะเปิดประตูหยุดชะงัก หันไปมองคนที่นั่งหน้าบูดอยู่บนเตียงด้วยสายตาว่างเปล่า “ฉันไม่เคยคิดว่านายเป็นแฟน ดังนั้นไม่จำเป็นต้องมาบอกเลิกกับฉันหรอก โชคดีนะจัสติน” แล้วเปิดประตูเดินออกไปจากห้อง เธอเดินไปขึ้นรถแล้วหลับตานิ่งพิงหลังกับเบาะ นึกถึงใครคนหนึ่งที่ชอบโผล่หน้ามาขัดขวางเธอทุกครั้งในเวลาแบบนั้น “มันก็แค่ภาพลวงตาที่ไม่อาจแตะต้องได้จริง ทำไมเราต้องคิดถึงมันด้วย” เธอถามตัวเอง แต่ก็ไร้คำตอบที่น่าพอใจ... ชาร์มมิ่ง แอนนาเบล เครน เดินหน้ามุ่ยลงจากเวทีเดินแบบการกุศล แล้วยืนนิ่งเป็นหุ่นให้เจ้าหน้าที่ถอดชุดเครื่องเพชรในตัวออก “เรียบร้อยแล้วค่ะ ทางบริษัทจะนำเครื่องเพชรชุดนี้ส่งไปให้ที่บ้านภายในวันพรุ่งนี้นะคะ” “เอาไปส่งที่บ้านคุณย่าฉันเถอะค่ะ ช่วยบอกท่านด้วยนะว่าฉันปวดหัวมาก ขอตัวกลับก่อน” หญิงสาวหาทางชิ่งหนีตอนที่ยังพอมีโอกาสอยู่ “หลานย่าจะไปไหนลูก” โอกาสของหญิงสาวหมดไปทันทีที่เปิดประตูออกมา คิดไม่ถึงว่าคุณย่าของเธอจะมาดักอยู่ตรงนี้ “จะหนีย่าอีกแล้วใช่ไหมหลานรัก” เจ็สสิก้าถามหลานสาวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ไม่ได้โกรธต่อการกระทำของเธอแม้แต่นิด ถึงมันจะไม่ใช่ครั้งแรกก็ตาม “คุณย่าทำไมไม่อยู่กับเพื่อน ๆ ล่ะคะ” “ย่าเพิ่งออกมารอหลานตอนที่หลานเดินแบบเสร็จนี่แหละจ้ะ ย่าประมูลเครื่องเพชรชุดที่หลานใส่บนเวทีให้หลานด้วยนะ พรุ่งนี้เขาจะไปส่งให้หลานถึงที่บ้านเลยจ้ะ” “คุณย่าซื้อเพชรให้หนูเป็นร้อย ๆ ชิ้นแล้วนะคะ มันมากมายจนหนูใส่ไม่หมดแล้ว” เธอเริ่มบ่นกับคุณย่าที่เอาใจใส่เธอมากจนเกินเหตุ “ย่าซื้อให้หนูก็รับไว้เถอะ หนูเป็นหลานสาวคนเดียวของย่า เป็นลูกสาวคนเดียวของเจ้าของค่ายเพลงชื่อดัง หนูก็ต้องรักษาภาพพจน์ของตระกูลเราให้ดี จะทำตัวซอมซ่อไม่ได้เด็ดขาด” “ของที่หนูใช้ในแต่ละวัน แค่กระเป๋าใบเดียวก็น่าจะแพงกว่าเงินเดือนของผู้จัดการธนาคารอีกนะคะคุณย่า” หญิงสาวประชดด้วยความรู้สึกขัดใจ “ย่าไม่ได้หมายความแบบนั้นนะหลาน ย่าหมายความว่าย่าอยากให้หลานใส่เครื่องเพชรด้วยต่างหาก ไม่ใช่ใส่เฉพาะตอนไปงานเลี้ยง” “หนูไม่ใส่หรอกค่ะคุณย่า หนูกลัวถูกจับไปเรียกค่าไถ่ หรือไม่ก็อาจจะถูกฆ่าชิงทรัพย์ คุณย่าเลิกซื้อให้หนูได้แล้วนะคะ ถ้าหนูอยากได้หนูจะบอกคุณย่าเอง ถ้าคุณย่าไม่เชื่อหนู หนูจะไม่มางานแบบนี้กับคุณย่าอีก” “จ้ะ ๆ ๆ หลานรัก ย่าจะไม่เอาแต่ใจตัวเองอีกแล้ว เข้าไปในงานกับย่านะ ย่าจะแนะนำให้รู้จักกับเพื่อนของย่าคนหนึ่ง” เจ็สสิก้ารับปากเอาใจหลานสาว จูงแขนเธอเดินกลับเข้าไปในงานด้วยกัน หญิงสาวจำใจต้องเดินตามผู้เป็นย่าเข้าไปในงาน กำลังนึกเดาไปสารพัดว่าเพื่อนของท่านคนนี้อยู่ในวงการอะไรอีก ถึงอยากให้เธอได้รู้จักมักคุ้นเหลือเกิน ชาร์มมิ่งอยากทิ้งตัวลงไปชักดิ้นชักงอกับพื้นให้รู้แล้วรู้รอด เมื่อรู้เจตนารมณ์ของผู้เป็นย่า ทำไม ๆ ๆ ทำไมท่านต้องรักเธอมากมายขนาดนี้ด้วย ทำไมท่านไม่ทำแบบนี้กับน้องชายฝาแฝดของเธอบ้างล่ะ ทั้ง ๆ ที่ท่านก็รักพวกเขาเหมือนกัน... “ก็เจเดย์กับเจไนต์เป็นผู้ชายนี่หลานรัก ถึงแม้ย่าจะรักพวกเขาเท่ากับหลานแต่ก็ยังห่วงน้อยกว่าอยู่ดี” เจ็สสิก้าตอบหลานสาวระหว่างเดินทางกลับบ้าน แซมผมที่ลุ่ยลงมาบดบังใบหน้างดงามที่ไร้ฝ้ากระทัดกับใบหูให้หลานสาว “หลานสาวตัวน้อยของย่าโตเป็นสาวเต็มตัวแล้วนะ แล้วก็สวยมาก ๆ ด้วย ย่าอยากจะพาหลานของย่าไปอวดทุกคนที่รู้จัก ให้พวกเขารู้ว่าย่ามีหลานสาวที่สวยจนล้มกรุงทรอยได้”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD