บทที่ 14 เพื่อลูกชายของเพื่อนรัก

1283 Words
บทที่ 14 เพื่อลูกชายของเพื่อนรัก เขาตกใจกับความคิดของแม่บ้านมากที่ยอมใจอ่อนง่าย ๆ “ทำไมต้องให้อีเข้ามาอยู่ในบ้านผมด้วยล่ะ” “หวังคิดว่าการที่อีอยู่ในสายตาของเรา ทำให้เรารู้ความเคลื่อนไหวของอีค่ะ หวังไม่อยากให้เด็กออกไปเพราะเป็นห่วงอนาคตของเขาค่ะ.. หวังเคยรับปากคุณหนูว่าจะดูแลเขาให้ดีที่สุด หวังก็ต้องทำให้ได้ค่ะ” “ผมก็คงต้องอดทนเพื่ออีริคใช่ไหมป้า” “ถ้าคุณหนูไม่ต้องการ ป้าก็ไม่ฝืนใจนะคะ ป้าตามใจคุณหนูค่ะ แต่ที่ป้ากล้าพูดกับคุณหนูก็เพราะเห็นว่าคุณหนูน่าจะหมดใจกับเธอแล้วจริง ๆ ถึงได้กล้าพูดค่ะ” วิโมกข์มองสตรีสูงวัยด้วยความเคารพรัก เพราะนางคือคนที่เลี้ยงดูเขามาอย่างดีตั้งแต่เด็ก ใกล้ชิดกับเขายิ่งกว่าพ่อแม่ของเขาอีก และเชื่อว่านางคงคิดดีแล้วถึงได้กล้ามาพูดกับเขาแบบนี้ “เอาเป็นว่าผมจะอดทนเพื่ออีริค และผมเชื่อว่าหลุยส์พอใจกับการกระทำของผมในครั้งนี้.. ผมไปทำงานก่อนนะป้า ส่วนเรื่องของมีนาป้าจัดการได้เลย” “ค่ะ อย่าลืมเรื่องงานเลี้ยงที่หวังบอกนะคะ” “ครับผม” เขารับปากเพื่อให้นางสบายใจ เมื่อชายหนุ่มเดินออกจากบ้านไปแล้ว เจ๊หวังจึงโทรศัพท์ไปถึงมารดาของเขาที่อยู่ต่างแดน เพื่อแจ้งข่าวความคืบหน้าให้เธอรู้ (เจ๊ต้องระวังผู้หญิงคนนั้นให้ดีนะ ถึงฉันจะยอมให้เธอเข้ามาอยู่ในบ้าน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะให้เธอมาเป็นลูกสะใภ้ของฉันหรอกนะ) “คุณปราณีไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ หวังจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นเด็ดขาด” (ได้ยินแบบนี้ฉันก็สบายใจ แล้วฉันจะโทรไปคุยด้วยบ่อย ๆ นะเจ๊) “ค่ะ แค่นี้นะคะ สวัสดีค่ะ” สามวันหลังจากนั้นมีนาก็ได้เข้ามาอยู่ในบ้านของวิโมกข์ เจ๊หวังจัดให้เธอพักอยู่ห้องนอนใกล้ ๆ กับตัวเองและลูกชาย แต่ห่างกันคนละฝั่งบ้านกับผู้เป็นเจ้านาย มีนาเริ่มต้นอยู่ในบ้านของวิโมกข์ด้วยความสงบเสงี่ยมเจียมตัว ดูแลเอาใจใส่ลูกชายอย่างดีเยี่ยม ขับรถไปรับไปส่งที่โรงเรียนด้วยตัวเองทุกวัน มีเวลาว่างก็มาช่วยเจ๊หวังทำงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างไม่เกียจคร้าน จากวันเริ่มกลายเป็นเดือน จากหนึ่งเดือนเริ่มเปลี่ยนเป็นสองเดือน และเข้าสู่เดือนที่สามที่สี่ “ฉันช่วยนะคะเจ๊” มีนารับอาสาด้วยความกระตือรือร้น แล้วชิงถาดน้ำในมือเจ๊หวังไปทันที เมื่อเห็นวิโมกข์กลับมาถึงบ้าน เจ๊หวังได้แต่มองตามหลังไว ๆ ของหญิงสาวร่างเล็ก แต่ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเธออย่างไว้เนื้อเชื่อใจ เพราะตลอดระยะเวลาสี่เดือนที่เธออยู่ที่นี่ เธอทำตัวดีมากเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง.. “น้ำค่ะโมก” มีนาหยิบแก้วน้ำจากถาดวางลงบนโต๊ะรับแขกที่เขานั่ง “ขอบใจ ป้าหวังไปไหนล่ะ” วิโมกข์หยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มเมื่อถามจบ แกล้งทำเป็นญาติดีกับเธอเพราะกำลังอยู่ต่อหน้าเด็กชายวัยหกขวบ “ทำงานเหนื่อยไหมครับคุณอา” เด็กชายอีริคจิ้มชิ้นฝรั่งกิมจูยื่นให้ชายหนุ่มพร้อมรอยยิ้ม “กินเยอะ ๆ นะครับจะได้ไม่เหนื่อย” “ขอบคุณครับ” เขารับชิ้นฝรั่งมาใส่ปากพร้อมรอยยิ้มเอ็นดู “อีริคก็กินด้วยสิ” “ครับคุณอา” เด็กน้อยทำตามที่ชายหนุ่มบอกโดยดี “ตั้งแต่พรุ่งนี้ให้มีนไปช่วยงานคุณในฟาร์มนะคะ” มีนานั่งลงแล้วขันอาสาต่อหน้าลูกชาย เวลาสี่เดือนที่อยู่ที่นี่เธอศึกษารายละเอียดของเขาอย่างใจเย็น ทำให้รู้ว่าวิโมกข์ที่ทำเป็นเย็นชาใส่เธอแท้จริงแล้วอ่อนโยนกับอีริคมาก เธอจึงใช้ลูกชายเป็นตัวโจมตีชายหนุ่มอย่างแนบเนียน “ดูแลอีริคให้ดีก็พอแล้ว งานในฟาร์มผมมีคนทำอยู่แล้ว” “งานในฟาร์มมีตั้งเยอะแยะ ให้มีนได้ตอบแทนคุณบ้างนะ มีนส่งอีริคไปโรงเรียนแล้วก็ยังมีเวลาว่างตั้งเยอะ จริงไหมอีริค ลูกคิดว่าแม่น่าจะไปช่วยงานคุณอาเขาบ้างไหมจ๊ะ” “ให้คุณแม่ช่วยนะครับคุณอา คุณยายหวังเคยสอนอีริคว่าคนเราต้องมีงานทำถึงจะมีเงิน ถ้าไม่ทำงานก็จะไม่มีเงินครับ” “แต่คุณแม่ของอีริคเขาต้องดูแลอีริค นั่นก็คืองานของเขาเหมือนกัน” เด็กน้อยส่ายหน้าปฏิเสธด้วยสายตาละห้อย รู้สึกน้อยใจที่ตัวเองถูกเปรียบเทียบเป็นแค่งานงานหนึ่ง “อีริคเป็นลูกที่คุณแม่คุณพ่อต้องรักและดูแลด้วยหัวใจครับ คุณยายหวังเคยสอนอีริคแบบนี้ อีริคจำได้ครับ อีริคไม่ใช่งานของคุณแม่นะครับ” วิโมกข์นึกอยากตบปากตัวเองที่พูดไม่คิด รู้สึกสงสารเด็กน้อยที่เหมือนมีปมด้อยติดตัว เพิ่งจะมามีความสุขกับมารดาได้แค่ไม่กี่เดือนคนนี้ “อาล้อเล่นน่ะอีริค อาจะให้คุณแม่ของอีริคไปช่วยงานอาดีไหมครับ” “ดีครับคุณอา ถ้าคุณแม่ทำงานกับคุณอา คุณแม่จะได้มีเงินให้อีริคเรียนหนังสือด้วยครับ” “ครับ” ความคิดของเด็กช่างใสซื่อบริสุทธิ์ยิ่งนัก มีนาคลี่ยิ้มบาง ๆ ให้ลูกชาย แต่ในใจนั้นลิงโลดนักที่จะได้มีโอกาสใกล้ชิดเขามากขึ้น และเธอจะทำให้มันมากขึ้น ๆ ทำให้เขากลับมาเป็นของเธออีกครั้งให้ได้.. นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา มีนาก็มักจะเดินเคียงคู่นายหัววิโมกข์ไปทั่วทุกที่ภายในฟาร์มโชคอนันต์ เวลาอยู่ต่อหน้าเขาเธอจะจริงจังกับการทำงานมาก แต่พอลับหลังเธอก็จะทำเชิดกับบรรดาคนงานในไร่ในฟาร์ม และบางครั้งก็พูดจาวางอำนาจ จงใจให้ทุกคนคิดว่าตัวเองคือว่าที่นายหญิงของที่นี่ โรงอาหาร “แกว่านายหัวจะกลับมาลงเอยกับคุณมีนาอีกจริง ๆ เหรอวะบานเย็น” จำเนียรถามภรรยาของพี่ชายสามี ขณะที่กำลังทำอาหารกลางวันเลี้ยงคนงาน “เบา ๆ หน่อยจำเนียร กำแพงมีหูประตูมีตา คนอื่นได้ยินขึ้นมาแล้วเอาไปพูดปากต่อปาก ความซวยมันจะมาเยือนเรานะ” บานเย็นเตือนสะใภ้รองจากตนด้วยท่าทางเคร่งเครียด “เขาก็เริ่มพูดกันหนาหูทั้งฟาร์มแล้ว เมื่อก่อนตอนมาใหม่ ๆ ยังไม่ค่อยกล้าเปิดเผยสักเท่าไหร่ แต่เดี๋ยวนี้เริ่มเดินควงกันไปทั่วทั้งฟาร์ม เขาเห็นกันเป็นเดือน ๆ แล้ว” “จริงจ้ะพี่บานเย็น ฉันกับนางใจยังเคยโดนเธอเรียกไปต่อว่า เรื่องที่เอาอาหารไปให้นายหัวเลย เธอบอกว่าต่อไปนี้เธอจะจัดการเรื่องอาหารนายหัวเอง พวกเราไม่ต้องไปยุ่ง” ผู้ช่วยอีกสองคนที่หั่นผักอยู่ใกล้ ๆ เล่าเหตุการณ์ที่ต่างก็เคยเจอมากับตัวให้แม่ครัวทั้งสองฟัง “แต่ฉันรู้สึกว่ามันแปลก ๆ นะพี่บานเย็น” ดวงใจทำท่าทางครุ่นคิด “แปลกยังไงวะ เล่ามาให้หมดสิ” บานเย็นซักไซ้ “พวกพี่ไม่สังเกตบ้างเหรอว่าคุณมีนามักจะทำอะไรลับหลังนายหัว ผัวฉันเคยเล่าให้ฟังว่าเขาไม่เคยเห็นนายหัวปฏิบัติกับเธอเหมือนคนพิเศษตรงไหน ไม่เคยเห็นแม้กระทั่งคุยระรื่นกับเธอด้วยซ้ำ ผิดกับสมัยก่อนลิบลับ ฉันก็เลยลองแอบสังเกตดู..” ดวงใจหันซ้ายหันขวาเพื่อดูให้แน่ใจว่ามีคนอื่นอยู่ในครัวหรือไม่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD