บทที่ 16 เพื่อนสนิท
นางคิดว่าเฮเลนแห่งทรอยที่ในตำนานกล่าวว่าสวยจนทำให้เกิดสงคราม ยังเทียบไม่ได้กับความสวยของหลานสาวนาง หลานสาวของนางนั้นนอกจากมีใบหน้าที่สวยงามไร้ที่ติแล้ว ผิวพรรณของเธอยังผุดผาดไร้ฝ้ากระ ทรวดทรงองค์เอวดูระหงสมส่วน เหมาะกับความสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเจ็ดเซนติเมตร “ย่าอยากให้หลานประกวดนางงาม”
“ไม่เอาหรอกค่ะ หนูไม่ว่างขนาดนั้นหรอก หนูบอกเพื่อนคุณย่าไปแล้วนะคะว่าไม่สนใจ”
“ก็แค่ประกวดเล่น ๆ หนูก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้วนี่”
“ทำไมหนูจะไม่ได้ทำคะ หนูเป็นนักแต่งเพลงคุณย่าก็ทราบนี่คะ” เธอเอางานแต่งเพลงที่มีเวลาเหลือเฟือมาอ้าง
“หนูไม่ทำพ่อเขาก็ไม่ว่าหรอก ลงประกวดให้เพื่อนย่าหน่อยนะหลานรัก”
“ไม่เอาหรอกค่ะคุณย่า หนูไม่ชอบทำอะไรแบบนั้น เสียเวลาจินตนาการของหนูเปล่า ๆ ค่ะ ถ้าคุณย่ายังพูดเรื่องนี้อีก หนูจะไม่ไปไหนกับคุณย่าอีกแล้วนะคะ”
“ตกลงจ้ะตกลง ไม่อยากประกวดก็ไม่ต้องประกวด” เจ็สสิก้าจำใจต้องยอมแพ้แก่หลานสาว รู้สึกเสียดายความสวยที่ควรจะได้รับการอวดโฉมให้คนทั้งโลกรับรู้ “งั้นคืนนี้ไปนอนค้างกับย่านะลูก”
“ไม่เอาหรอกค่ะ หนูอยากกลับไปนอนที่บ้านมากกว่า” ขืนเธอใจอ่อนยอมรับปากไปนอนด้วย คืนนี้คงต้องโดนท่านอ้อนเรื่องให้เข้าประกวดอีกแน่
ไม่ได้! เธอต้องทำใจแข็งเอาไว้...
บ้านปราณี
“จะออกไปไหนเหรอลูก นี่มันดึกแล้วนะ” ปราณีถามลูกสาวที่แต่งตัวทะมัดทะแมง พร้อมจะออกไปข้างนอก
“วินัดกับชาร์มมิ่งเอาไว้ค่ะคุณแม่ เธอจะเลี้ยงส่งวิกลับเมืองไทยค่ะ”
ปราณีเบาใจลงมาเปราะหนึ่ง เมื่อรู้ว่าลูกสาวจะไปกับลูกศิษย์คนโปรด เพราะถ้าไปกับเธอแสดงว่าต้องมีบอดี้การ์ดตามไปดูแลแน่นอน
“แล้วจะไปกันแค่สองคนเหรอลูก”
“ฮีโร่ก็ไปด้วยค่ะ วิยังไม่ได้บอกคุณแม่ใช่ไหมคะ ว่าฮีโร่จะกลับเมืองไทยด้วยเหมือนกัน แต่รายนั้นเขากลับไปด้วยความเต็มใจ ผิดกับวิที่โดนขอร้องให้กลับไปเป็นไม้กันหมา” เธอทำปากเบะแล้วเหล่ใส่มารดา ที่เป็นคนขอร้องแกมบังคับให้เธอกลับไปช่วยงานพี่ชาย แต่สาเหตุจริง ๆ คือไปขัดขวางอดีตคนรักของเขาที่เริ่มเข้ามาตีสนิทมากกว่า
“คิก ๆ ๆ อย่ามาทำท่าแบบนั้นใส่แม่นะ ไม่เป็นผู้หญิงเอาซะเลย”
“ต่อให้วิแต่งตัวเป็นผู้หญิงยังไง ก็ยังโดนว่าเป็นทอมบอยอยู่ดีแหละค่ะคุณแม่”
“ก็นิสัยลูกเหมือนผู้ชายจริง ๆ นี่ ไม่มีความเรียบร้อยอ่อนหวานเหมือนผู้หญิงเลยสักนิด”
“ก็แค่นิสัยเองที่เหมือน แต่จริง ๆ แล้ววิเป็นผู้หญิงนะคะ รักสวยรักงามด้วย”
“จ้ะ ๆ ๆ แม่แค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง ไม่ต้องคิดมากไปหรอกยายทอมบอย รีบไปเถอะเดี๋ยวชาร์มมิ่งเขาจะรอนาน”
“ค่ะคุณแม่” วิเวียนหอมแก้มของมารดาแล้วรีบวิ่งจู๊ดออกไปจากบ้าน
“เฮ้อ! พูดไม่ทันขาดคำ” ปราณีถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย กับความไม่เป็นกุลสตรีของลูกสาว...
วิเวียนเดินทางมาถึงสถานที่นัดพบเป็นคนแรก ถึงแม้จะมาช้ากว่าเวลานัดถึงครึ่งชั่วโมง จึงเลือกหาทำเลที่เหมาะแล้วนั่งรอเพื่อนสนิททั้งสอง ไม่ถึงห้านาทีก็เห็นเพื่อนชายเดินเข้ามา
“ฮีโร่” เธอเรียกเขาเสียงดังพร้อมกับโบกมือ
“เบา ๆ หน่อยสิวิเวียน เดี๋ยวคนอื่นก็เข้าใจผิดคิดว่าไฟไหม้หรอก” ฮีโร่หรือปรมัธแกล้งแซวเพื่อนสาวคนสนิท ที่ส่งเสียงเจื้อยแจ้วนำหน้าเสมอ
“ก็ดีนะ จะได้เหลือแต่นายกับฉัน แล้วชาร์มมิ่งล่ะ ทำไมไม่มาด้วยกัน”
“เธอถูกคุณย่าลากไปเป็นนางแบบกิตติมศักดิ์ บอกว่าจะรีบหนีออกมาตอนเดินแบบเสร็จแล้ว ให้ฉันมารอเจอที่นี่เลย แต่ตอนนี้ฉันกำลังสงสัยว่าเธอคงหนีคุณย่าเธอไม่พ้นแน่ ๆ”
“มันแน่อยู่แล้วเห็น ๆ ถ้าเธอหนีออกมาได้ก็คงมาถึงก่อนเราแล้ว” วิเวียนให้ความเห็นแล้วกวักมือเรียกพนักงาน สั่งเครื่องดื่มที่ต้องการโดยไม่ถามความเห็นของเพื่อน เพราะรู้ดีว่าเขาชอบดื่มอะไร
เพื่อนสนิททั้งสองนั่งดื่มเคล้าเสียงดนตรีกันไปเรื่อย ๆ สักพักใหญ่ แต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววของเจ้าภาพมื้อนี้สักที จึงตัดสินใจโทรถามให้แน่ใจ
(ชาร์มใกล้จะถึงบ้านแล้วค่ะ เดี๋ยวเจอกันนะคะ)
“เธอกำลังอยู่ระหว่างเดินทาง เดี๋ยวก็คงถึง” วิเวียนเอ่ยขึ้นหลังจากวางสายแล้ว ไม่แปลกใจกับคำพูดแปลก ๆ ของเพื่อนสุดที่รัก เพราะได้ยินอยู่บ่อย ๆ เวลาที่เธออยู่กับคุณย่าของเธอ
“กลับเมืองไทยครั้งนี้ไปอยู่นานแค่ไหนวิเวียน” ปรมัธถามเรื่องการเดินทางของหญิงสาว
“ยังไม่รู้เลยฮีโร่ อาจจะอยู่จนกว่าผู้หญิงคนนั้นเดินออกไปจากบ้านพี่โมก หรือจนกว่าเขาจะมีแฟน.. หรือไม่อาจจะตอนที่เขาสองคนตกลงกลับมาคบกันอีกครั้ง”
“แล้วถ้าเธอไม่ยอมไปง่าย ๆ ล่ะ เธออาจจะแสดงตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของพี่ชายเธอจนผู้หญิงคนอื่นเข้าใจผิด คิดว่าเธอเป็นภรรยาของเขา เธอจะทำยังไงล่ะทีนี้”
“ฉันไม่กลัวหรอกฮีโร่ ไม่ว่าเธอจะแอบร้ายหรือว่าร้ายแบบเปิดเผยฉันก็รับมือได้ เพราะจุดประสงค์ของฉันคือทำให้พี่โมกไม่กลับไปรักเธอ ซึ่งมันง่ายกว่าเธอที่ต้องทำให้พี่โมกรักอีกครั้ง”
“แล้วเธอมีวิธีแล้วเหรอ”
“ก็คิด ๆ เอาไว้แล้ว” แผนของเธอคือขอความช่วยเหลือจากใครบางคน แต่จะให้บอกฝ่ายนั้นตรง ๆ คงโดนปฏิเสธแน่ เธอจะต้องเดินทางไปเมืองไทยก่อน แล้วค่อยโทรมาปรับทุกข์ปรับโศกให้ฟังบ่อย ๆ หลังจากนั้นจึงเอ่ยปากขอร้อง ค่อย ๆ อ้อน ค่อย ๆ ขอ รับรองต้องได้ผล
“ชาร์มมิ่งใช่ไหม”
วิเวียนเบิกตาโตด้วยความแปลกใจที่อีกฝ่ายทายถูกในทันที “ทำไมนายถึงรู้ล่ะ”
“ฉันเป็นคนมีเซ้นส์เธอก็รู้นี่”
“จริงด้วย เซ้นส์นายไม่เคยพลาดเลยสักครั้ง งั้นอย่าเพิ่งบอกให้ชาร์มมิ่งรู้นะฮีโร่ เดี๋ยวเสียแผน” เธอขอร้องเพื่อนชายที่เป็นญาติสนิททางฝ่ายมารดาของชาร์มมิ่งด้วย
“ฉันไม่บอกหรอก เอาเป็นว่าฉันมั่นใจแผนของเธอจะต้องสำเร็จแน่นอน”
“จริงเหรอฮีโร่” วิเวียนฉีกยิ้มกว้าง ดวงตาเป็นประกาย ไม่ถามย้ำว่าทำไมถึงคิดแบบนั้น เพราะเชื่อในเซ้นส์ของเขา
“ฉันยังรู้สึกอีกว่ามันต้องไม่ใช่การช่วยเหลือธรรมดา” ปรมัธมองหน้าเพื่อนสาว สีหน้าระบายด้วยรอยยิ้มบาง ๆ “แต่อันนี้ยังไม่ค่อยมั่นใจนะ ฉันอาจจะรู้สึกไปเองก็ได้”
“ทำไมเหรอฮีโร่ บอกฉันมาให้หมดสิ” หญิงสาวซักไซ้เพื่อนรัก ตั้งอกตั้งใจฟังเต็มที่ว่าเขาจะพูดอะไร
“ก็ยังไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไหร่นะ ฉันแค่รู้สึกว่าพี่ชายของเธอกับชาร์มมิ่งของฉันอาจจะลงเอยกันจริง ๆ”
“นายคิดแบบนั้นจริง ๆ เหรอ” วิเวียนยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ หัวใจเบิกบานด้วยความพึงพอใจ
“เซ้นส์ฉันมันบอกอย่างนั้นนะ”