หนึ่งเดือนผ่านไป
นวินดายังหางานทำที่ใหม่ไม่ได้ เงินเก็บที่มีก็ลดลงทุกวันเพราะเธอต้องใช้จ่ายในแต่ละวัน แต่ละที่ที่เธอไปสมัครงานมักจะมีคำถามยอดฮิตว่าเธอลาออกจากที่ทำงานเก่าทำไม พอบอกว่าถูกไล่ออกเธอก็ถูกปัดตกไม่ได้รับการพิจารณาต่อทันที หญิงสาวรู้สึกกลุ้มใจมากไม่รู้ว่าจะเอายังไงต่อไปกับชีวิตดี แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็รู้ว่าตนเองไม่ได้อับจนหนทางเพราะทางเลือกสุดท้ายของเธอคือการโทรไปขอความช่วยเหลือจากดนุภัทร์ นวินดาเปิดดูจำนวนเงินในบัญชีธนาคารอีกครั้งแล้วก็ตัดสินใจต่อสายหาดนุภัทร์ เธอรอไม่นานปลายสายก็รับ
“อะ เอ่อสวัสดีค่ะ นั้นใช่เบอร์พี่ภัทรไหมคะ”
“ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรหรือเปล่าคะพอดีพี่ภัทรเข้าห้องน้ำ”
“คือว่าดา...”
“ใช่คุณนวินดาหรือเปล่าคะ” พรรวินท์ถามออกไปน้ำเสียงตื่นเต้น ดีใจที่หญิงสาวติดต่อกลับมาหาแล้ว
“ใช่ค่ะ”
“ดีใจจังเลยค่ะที่คุณนวินดาโทรมา พี่ชื่อบัวนะคะเป็นภรรยาของพี่ภัทร”
“สวัสดีค่ะคุณบัว ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
“เรียกพี่บัวดีกว่าค่ะ” เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครพรรวินท์ก็ยิ้มออก พอได้ฟังความต้องการของหญิงสาวแล้วเธอก็พร้อมจะช่วยเหลืออีกฝ่ายทันทีและตอบกลับไปว่าจะติดต่อนวินดากลับไปอีกครั้ง
พรรวินท์บอกเล่าให้ผู้เป็นสามีฟังเขาจึงโทรไปปรึกษาผู้เป็นมารดาอย่างยลรดีทันที ความชอบของนวินดาคือการได้ทำอาหารให้ผู้อื่นได้รับประทาน หากว่าให้มาทำงานอย่างอื่นหญิงสาวคงจะไม่ถนัดและอึดอัดไม่น้อยเพราะฉะนั้นทุกคนเลยลงความเห็นกันว่างานที่จะให้หญิงสาวทำคือมาเป็นเชฟที่ไร่ของครอบครัว ด้านนวินดาพอรู้ว่าจะได้กลับมารังสรรค์เมนูสุดพิเศษอีกครั้งก็รีบตกลงรับงานทันทีโดยที่ไม่ได้ถามถึงค่าตอบแทนของตนเองเลยด้วยซ้ำ
“น้องดาพร้อมเมื่อไรก็มาเริ่มงานได้เลยนะครับ ไม่ต้องห่วงเรื่องที่พักเพราะที่ไร่ของพี่อยู่ฟรีกินฟรีมีเงินเดือนให้ครับ”
“ฮ่า ๆ สวัสดิการดีขนาดนี้ดาพร้อมเริ่มงานเลยค่ะ พรุ่งนี้ดาขอเริ่มงานเลยได้ไหมคะ”
“ได้สิครับแล้วพี่จะส่งที่อยู่ไปในไลน์ให้นะ”
“ขอบคุณค่ะ ฝากขอบคุณคุณป้าคุณลุงด้วยนะคะ”
“ครับ” หลังจากวางสายหญิงสาวก้รีบเก็บข้าวของจำเป็นใส่กระเป๋าและเข้านอนเร็วกว่าทุกวันเพราะพรุ่งนี้ต้องออกเดินทางแต่เช้าเพื่อให้ไปถึงที่หมายก่อนเที่ยงวัน
ไร่ธารทองคือเป้าหมายของนวินดา เมื่อลงมาจากรถประจำทางเธอก็มองซ้ายมองขวาหาเจ้านายคนใหม่ของเธอทันที ดนุภัทร์และผู้เป็นภรรยายืนโบกมือให้กับเธออยู่ไกลๆ เธอจึงรีบเดินเข้าไปหาพวกเขาทันที
“สวัสดีค่ะพี่ภัทรพี่บัว”
“เดินทางมาเหนื่อยไหมคะน้องดา” หญิงสาวถามออกไปด้วยความห่วงใย
“ไม่เหนื่อยเลยค่ะ มื้อกลางวันนี้ให้ดาเริ่มงานเลยไหมคะ”
“ฮ่า ๆ ไม่ต้องขยันขนาดนี้ก็ได้ครับ วันนี้ถือว่าพักผ่อนหนึ่งวันก็แล้วกันครับ” ชายหนุ่มหัวเราะชอบใจออกมาเบาๆ วันนี้ใครจะกล้าใช้แรงงานหญิงสาวกันล่ะ ถ้าเป็นแบบนั้นเขาคงโดนมารดาจัดการ ความจริงที่อยากให้หญิงสาวมาอยู่ที่นี่เพราะไม่อยากให้เธออยู่ตัวคนเดียวต่างหาก
นวินดาไหว้ทำความเคารพยลรดีและผู้เป็นสามีอย่างนอบน้อม ยลรดีพอได้มาเจอตัวจริงของนวินดาก็รู้สึกถูกชะตามากๆ หญิงสาวมีใบหน้าสะสวย ผิวพรรณเนียนละเอียด ที่สำคัญดูทะมัดทะแมงทำอะไรก็ดูจะคล่องตัวไปเสียหมด
“ผักสวนครัวป้าก็ปลูกไว้หลายชนิด หนูแทบจะไม่ต้องไปเดินตลาดเลยจ้ะ” ยลรดีเป็นคนรักสุขภาพมาก อะไรที่พอจะปลูกเอาไว้กินเองได้ก็ปลูกเพราะกลัวสารตกค้างในผักที่ขายตามตลาด
“จริงหรอคะ หนูอยากไปเดินดูสวนของคุณป้าจังเลยค่ะ ที่นี่อากาศเย็นสบายพืชผลคงจะได้ผลดี”
“ใช่จ้ะ แต่เอาไว้แดดร่มๆค่อยไปก็ได้จ้ะ หนูจะตัดอะไรมาทำอาหารก็ตัดได้เลยนะจ๊ะ” ยลรดีเอ่ยปากอนุญาตง่ายๆ ทั้งที่ใครๆต่างก็รู้ว่าสวนผักแทบจะเป็นสถานที่ต้องห้ามไม่ค่อยมีใครเข้าไปยุ่งนอกจากคนดูแลแปลงผัก
“ค่ะ งั้นเดี๋ยวหนูขออนุญาตเอาของไปเก็บก่อนนะคะ”
“ไปเถอะจ้ะ” ลับหลังของหญิงสาวแล้ว ยลรดีก็หันไปชมหญิงสาวให้ผู้เป็นสามีฟังไม่หยุดปาก ยิ่งมองนวินดาเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกชอบ นวินดาเดินไปยังห้องพักพร้อมกับคุณป้าแม่บ้านรูปร่างท้วมท่าทางใจดี ความไม่ถือตัวของหญิงสาวทำให้คุณป้าแม่บ้านที่ทำงานที่ไร่แห่งนี้มาหลายสิบปีรู้สึกเอ็นดูนวินดาเพิ่มขึ้นอีกคน
“ต้องการอะไรเพิ่มเติมบอกป้าได้เลยนะหนูดา”
“ขอบคุณค่ะ ดาจะพยายามไม่รบกวนนะคะ” หญิงสาวตอบกลับน้ำเสียงทะเล้น
“รบกวนป้าได้เลยจ้ะ ไม่ต้องเกรงใจป้าหรอกนะเพราะป้าก็ทำตามคำสั่งพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงเขา”
“ค่ะๆ”
นวินดาปากบอกไม่เหนื่อยแต่สุดท้ายเธอเผลอนอนหลับบนเตียงกว้างไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ พอรู้สึกตัวตื่นก็รู้สึกสดชื่นมากๆ ยิ่งพอเปิดหน้าต่างออกไปแล้วมองเห็นธรรมชาติรอบๆกายก็ยิ่งทำให้เธอมีความสุข ไม่คิดเลยว่าจะได้มาอยุ่ในสถานที่ที่แสนโรแมนติกแบบนี้ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะได้เวลามื้อเย็นเธอจึงอาสาขอแสดงฝีมือตั้งแต่วันนี้เลย หญิงสาวเดินออกมายังแปลงผักของแม่เลี้ยงพร้อมตะกร้าและกรรไกร มีพืชผักหลายชนิดให้เธอเลือกเอาไปประกอบเมนูอาหาร สิ่งแรกที่เธอต้องการคือพริกสีแดงสดตรงหน้า เธอก้มลงไปเด็ดจากนั้นก็ใส่ไว้ในตะกร้า จากนั้นก็เดินดูรอบๆเพื่อตามหาสิ่งที่ตนต้องการ เธอรู้สึกทึ่งมากที่ที่นี่มีทุกอย่างที่เธอต้องการ
“เธอเป็นใครมาอยู่ในแปลงผักได้ยังไง แล้วนั่นตะกร้าอะไรคิดจะขโมยหรอ” ชายหนุ่มถามออกไปเสียงดัง ใครจะไม่ตกใจบ้างในเมื่อมีคนแปลกหน้ามาป้วนเปี้ยน
“ปะ เปล่านะ ฉันไม่ได้จะขโมยแต่ว่าแม่เลี้ยงอนุญาตแล้วค่ะ ฉันก็แค่...” หญิงสาวตอบกลับแทบจะทันที เธอกำลังจะแนะนำตัวแต่โดนคนตัวโตขัดเสียก่อน
“หึ ใครจะเชื่อ เอาของในตะกร้าส่งมาเดี๋ยวนี้”
“ไม่มีทาง! แล้วนายเป็นใครไม่ทราบ” หญิงสาวถามกลับอย่างไม่กลัว
“ฉันเป็นใครเอไม่ต้องรู้หรอก ส่งตะกร้ามานี้” ชายหนุ่มสั่งออกไปเสียงเข้มแต่มีหรือที่นวินดาจะกลัวในเมื่อเธอได้รับอนุญาตแล้วจริงๆ
“ไม่!”
“ได้ คิดจะลองดีใช่ไหม” ชายหนุ่มขยับเข้ามาประชิดตัวของหญิงสาวเพื่อยื้อแย่งตะกร้าในมือของเธอ หญิงสาวร้องออกมาด้วยความตกใจแต่มือก็ยังกอดตะกร้าของตนเองเอาไว้แน่น
“ปล่อยนะ” เธอร้องบอกเสียงดัง
“ไม่ปล่อย ฉันจะจับเธอส่งตำรวจ” ชายหนุ่มแอบคิดในใจว่าหญิงสาวก็ออกจะหน้าตาดีไม่น่าคิดสั้นมาเป็นขโมยแบบนี้เลยเสียอนาคตหมด
“ตายแล้ว! เกิดอะไรขึ้นลูก” แม่เลี้ยงของไร่ร้องออกมาด้วยความตกใจที่เห็นลูกชายกำลังยื้อแย่งของกับสาวสวยที่เธอเอ็นดูหนักหนา
“ผู้หญิงคนนี้เป็นขโมยครับแม่ ดูของในมือเธอสิ” ชายหนุ่มจ้องมองของในมือหญิงสาวตาเขม็ง
“หนูดาไม่ใช่ขโมยนะตาภพ ปล่อยน้องเดี๋ยวนี้เลย” ยลรดีร้องบอกลูกชายเสียงหลง
“หนูดา? แม่รู้จักเธอด้วยหรอครับ” การที่ชายหนุ่มเรียกยลรดีว่าแม่นั่นก็แสดงว่าเขาคือลูกชายอีกคนของท่าน นั่นก็เท่ากับว่าคนตรงหน้าคือคนที่เธอเคยช่วยชีวิตเอาไว้นั่นเอง ถ้ารู้ว่าเป็นคนแบบนี้ปล่อยให้จากโลกนี้ไปเลยดีไหม
“รู้จักสิ รู้จักดีด้วย แม่บอกให้ปล่อยน้องไงลูก” ชายหนุ่มยอมทำตามความต้องการของมารดา จากนั้นหญิงสาวก็รีบขยับไปยืนข้างๆแม่เลี้ยงเพราะท่านปกป้องเธอได้
"นี่หนูดา เชฟคนใหม่ที่แม่จ้างมาทำอาหารให้เราทานไงลูก ส่วนนี่ตาภพนะจ๊ะหนูดา ลูกชายของป้าเอง"
"ขอโทษแล้วกันนะครับที่เข้าใจผิด"
"ค่ะ ทีหลังก็อย่าจู่โจมคนอื่นแบบนี้นะคะ มันไม่สมควร" หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะเหน็บแนมชายหนุ่มให้แสบๆขันๆบ้าง
"แม่เห็นด้วยกับหนูดานะ อย่างน้อยหนูดาก็เป็นผู้หญิงลูกไม่ควรใช้กำลัง"
"ครับๆ ผมขอโทษครับ คุณหนูดาของคุณแม่น่าจะพอใจแล้วนะครับ"
"ตาภพดูพูดเข้าสิ ไปๆเข้าบ้านกันเถอะจ้ะ หนูดาได้ผักครบแล้วใช่ไหมจ้ะ" ยลรดีตีไปที่แขนของลูกชาย จากนั้นก็หันไปถามหญิงสาวน้ำเสียงอ่อนโยน
"ครบแล้วค่ะ"
"งั้นก็ไปทำอาหารกันเถอะจ้ะ เดี๋ยววันนี้ป้าจะเป็นลูกมือหนูเอง" นานแล้วที่ยลรดีไม่ได้เข้าครัวทำอาหารเพราะมีแม่ครัวทำอาหารให้รับประทานทุกวันอยู่แล้ว และเรื่องนี้นี่เองที่ทำให้ลูกชายของหล่อนคัดค้านการจ้างเชฟคนใหม่
"เราจ้างเขามาแล้วนี่ครับแม่ ทำไมจะต้องไปช่วยละครับ" ชายหนุ่มถามออกไปน้ำเสียงติดจะกวนๆ เพื่อแหย่คนตรงหน้าให้ได้หน้างอ
"ก็แม่อยากหาอะไรทำนี่ลูก อีกเดี๋ยวตาภัทรกับหนูบัวย้ายไปอยู่ที่กรุงเทพถาวรแม่คงจะเหงา แต่ถ้าหนูดาอยู่ด้วยแม่ก็คงจะหายเหงา"
"มีผมทั้งคนนะครับแม่ แม่จะเหงาอะไรละครับ"
"อย่าถามมากได้ไหมตาภพ เอาเป็นว่าแม่พอใจให้หนูดาอยู่ที่นี่เข้าใจไหมตาภพ"
"งั้นก็แล้วแต่คุณแม่เถอะครับผมขอตัวก่อน" ชายหนุ่มผละห่างออกไปทันที ยลรดีเลิกสนใจลูกชายโอบไหล่บางของหญิงสาวเดินเข้าไปในตัวบ้านด้วยกัน