บทที่1บทนำ
หลังจากรับสายจากโรงพยาบาลยลรดีก็เป็นลมล้มพับไปเพราะลูกชายคนเล็กของตนได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการเข้าร่วมภารกิจสำคัญในการจับกุมพ่อค้ายารายใหญ่ ซึ่งตนและผู้เป็นสามีไม่สามารถไปหาลูกชายในทันทีทำให้ต้องให้ลูกชายคนโตไปดูอาการของน้องก่อน ดรัณภพสละเสื้อเกาะให้เพื่อนตำรวจนายหนึ่ง แม้จะระวังตัวเองแล้วแต่ก็ยังพลาดให้กับคนร้ายอยู่ดี เขาโดนยิงเข้าที่ช่องท้องเสียเลือดเป็นจำนวนมาก ทางโรงพยาบาลประกาศขอรับบริจาคเลือดเพื่อช่วยชีวิตของชายหนุ่มอย่างเร่งด่วน เสียงคุณพยาบาลประกาศขอความร่วมมือนั้นได้ยินมาถึงหูของนวินดาที่ยืนอยู่บริเวณนั้นพอดี เวลานี้เธอไม่มีอะไรจะเสียแล้วขอร่วมทำบุญใหญ่เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ครั้งนี้ก็แล้วกัน หากเธอช่วยใครสักคนได้เธอก็มีเรื่องให้ตนเองภูมิใจแล้ว เธอจึงเสนอตัวจะบริจาคเลือดให้กับคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
“ดิฉันช่วยได้ค่ะคุณพยาบาล”
“ยินดีเลยค่ะ เชิญทางนี้นะคะ” โชคดีที่เธอสามารถบริจาคให้เขาได้สำเร็จ หลังจากนั้นเธอก็มาดื่มน้ำหวานที่คุณพยาบาลเตรียมเอาไว้ให้และนอนพักสักครู่ ด้านดนุภัทร์พอทราบจากคุณพยาบาลก็รีบมาหาคนใจดีที่บริจาคเลือดช่วยเหลือน้องชายของตนในเวลาคับขัน คนตรงหน้าตัวเล็กนิดเดียวแต่มีหัวใจที่ยิ่งใหญ่ เขานับถือเธอเลยจริงๆ ที่สำคัญรู้สึกถูกชะตาหญิงสาวตั้งแต่แรกเห็น
“คุณนวินดาใช่ไหมครับ”
“อะ เอ่อใช่ค่ะ คุณคือ...”
“ผมชื่อดนุภัทร์ครับ เรียกผมว่าพี่ภัทรก็ได้ครับดูแล้วผมน่าจะอายุมากกว่าคุณนวินดา ผมเป็นพี่ชายของดรัณภพ คนที่คุณบริจาคเลือดให้น่ะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยทักทายอีกฝ่ายน้ำเสียงเป็นกันเอง
“อ่อ อย่างนี้นี่เอง นวินดาค่ะ ดายินดีช่วยเหลือด้วยความเต็มใจค่ะ ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะพี่ภัทร” หญิงสาวตอบกลับน้ำเสียงแผ่วเบา รู้สึกเพลียจากการเสียเลือด
“ว่าแต่น้องดามาทำอะไรที่โรงพยาบาลหรอครับ” ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มแล้วเขาอดไม่ได้ที่จะถามออกไปด้วยความเป็นห่วง หากว่าเธอมาเองคนเดียวเขาก็อยากจะไปส่งเธอถึงที่บ้านอย่างปลอดภัย
“ดามาเยี่ยมเพื่อนน่ะค่ะ”
“วันนี้ให้พี่ไปส่งที่บ้านนะครับ พี่ไม่อยากให้น้องดากลับเองมันอันตราย”
“ไม่เป็นไรเลยค่ะแค่นี้สบายมาก”
“ถือว่าพี่ขอร้องแล้วกันนะครับ”
“ก็ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ”
“น้องดานอนพักอีกสักหน่อยนะครับ พี่ขอไปดูน้องชายของพี่ก่อนแล้วจะกลับมาครับ” ยลรดีไหว้พระขอพรให้ลูกชายพ้นขีดอันตรายและสุดท้ายมันก็เป็นอย่างที่นางหวัง เวลานี้ดรัณภพพ้นขีดอันตรายแล้ว ทุกคนในครอบครัวของชายหนุ่มรู้สึกโล่งใจมากแต่คุณหมอก้ยังให้พักฟื้นที่โรงพยาบาลต่อจนกว่าชายหนุ่มจะหายดี ดนุภัทร์เล่าเรื่องของนวินดาให้บิดามารดาฟัง มารดาของเขาได้ฟังดังนั้นก็อยากจะพบหน้าหญิงสาวใจดีคนนั้น
“น้องดาครับ นี่แม่ของพี่เองครับ”
“สวัสดีค่ะคุณป้า”
“ป้าชื่อยลรดีจ้ะ ป้าขอบคุณหนูมากนะลูกที่ช่วยลูกชายของป้า ถ้ามีอะไรที่ป้าตอบแทนหนูได้บอกป้ามาเลยนะลูก”
“ไม่ต้องตอบแทนอะไรหนูหรอกค่ะคุณป้า หนูพร้อมจะช่วยลูกชายของคุณป้าด้วยความเต็มใจ”
“ผมกำลังจะไปส่งน้องครับ”
“ดีแล้วล่ะตาภัทรค่ำมืดแบบนี้เป็นผู้หญิงกลับคนเดียวมันอันตราย ป้าขอเบอร์ติดต่อหนูบ้างได้ไหมจ้ะ”
“ได้ค่ะ” หลังจากแลกเบอร์โทรศัพท์กันเรียบร้อย ดนุภัทร์ก็พาหญิงสาวไปส่งที่ห้องเช่าแห่งหนึ่ง บรรยายกาศโดยรอบดูเหมือนว่าจะไม่มีความปลอดภัยเอาเสียเลยสำหรับผู้หญิงตัวคนเดียวจนเขานึกสงสัยว่าเธออยู่กับใครหรือเปล่า
“น้องดาอยู่กับใครหรอครับ”
“ดาอยู่คนเดียวค่ะพี่ภัทร”
“คนเดียวพี่ว่ามันอันตรายมากเลยนะครับ” ชายหนุ่มตอบกลับแทบจะทันที ห้องเช่าแห่งนี้อย่าว่าแต่ระบบรักษาความปลอดภัยเลยแค่แสงสว่างยังไม่เพียงพอเลย
“ดาไม่มีทางเลือกหรอกค่ะ จริงๆ ดาก็เพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่ได้สักหนึ่งอาทิตย์”
“ก่อนหน้านี้ล่ะครับ”
“อยู่ห้องพักของทางโรงแรมน่ะค่ะ พอไม่ได้ทำงานที่นั่นก็เลยต้องย้ายออกมาหาห้องเช่าชั่วคราวก่อน” หญิงสาวตอบกลับอย่างปลงตก เธอต้องกลายเป็นคนตกงานโดยที่ไม่ทันตั้งตัว
“ขอถามได้ไหมครับว่าทำไมถึงลาออก”
“ไม่ได้ตั้งใจลาออกหรอกนะคะแต่ว่าดาโดนใส่ร้ายจนถูกไล่ออก เพื่อนที่บอกว่ามาเยี่ยมคนนี้แหละค่ะที่ทำร้ายกันได้ลงคอ”
“ซับซ้อนจังเลยนะครับ ช่วยเล่าให้พี่ฟังหน่อยได้ไหมครับ”
“ได้สิคะ สำหรับดามันไม่ใช่ความลับอยู่แล้วเพียงแต่ดาหาหลักฐานไปแก้ต่างให้ตัวเองไม่ได้” ในเมื่อคนตรงหน้าขอให้เธอเล่าเรื่องให้ฟัง เธอก็ยินดีจะเล่าเพราะอยากหาคนระบายความในใจด้วยอยู่แล้ว แน่นอนว่าเขาต้องไม่เข้าข้างใครง่ายๆเพราะไม่ได้สนิทสนมทั้งกับเธอและคู่กรณีของเธอ
ย้อนกลับไปหนึ่งอาทิตย์ก่อน ตอนนั้นเธอกำลังเตรียมอาหารสุดพิเศษให้กับทางผู้บริหารของโรงแรม ถ้าหากว่างานนี้ผู้บริหารถูกปากเธอจะได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าเชฟ แน่นอนว่าเงินเดือนของเธอก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ถึงเวลานั้นเธอคงจะใช้ชีวิตในเมืองหลวงได้สะดวกสบายกว่านี้ แต่ตำแหน่งหัวหน้าเชฟมีได้คนเดียวเท่านั้นและผู้ที่ลงแข่งขันไม่ได้มีแค่เธอคนเดียว อัญญ่าเพื่อนที่เข้ามาทำงานพร้อมกันกับเธอคบหากับรองหัวหน้าเชฟอย่างอัศวิน นั่นจึงเป็นเหตุผลให้อัญญ่าวางแผนลอบทำร้ายเธอลับหลังเพื่อชิงตำแหน่งหัวหน้าเชฟมาให้กับแฟนหนุ่ม อัญญ่าปวดท้องรุนแรงจากนั้นก็ตะโกนโหวกเหวกโวยวายว่าในอาหารของนวินดานั้นมีสิ่งผิดปกติ อัญญ่าอ้างว่าเพื่อความปลอดภัยของผู้บริหารหล่อนจึงลองเทสอาหารก่อนเสริฟ์จริงและหลังจากรับประทานเข้าไปแล้วก็เป็นอย่างที่ทุกคนเห็น ไม่มีใครเชื่อคำบอกเล่าง่ายๆ แต่ต้องมีสิ่งที่ยืนยันได้ ผู้จัดการโรงแรมจึงส่งอาหารที่หญิงสาวทำไปตรวจสอบและก็พบว่ามียาถ่ายอยู่ในอาหาร หญิงสาวปฏิเสธออกไปแต่ไม่มีใครเชื่อ เธอไม่เข้าใจว่าทุกคนทำไมถึงไม่เชื่อใจเธอ เธอไม่มีทางทำให้ตัวเองเดือดร้อนแบบนี้แน่นอน มันเป็นการขุดหลุมฝังตัวเองชัดๆ
“พี่เชื่อครับว่าน้องดาต้องไม่ทำแบบนั้นแน่ ถ้าทำนั่นก็เท่ากับว่าทำร้ายตัวเองชัดๆ” เรื่องที่หญิงสาวเล่ามาไม่ได้มีอะไรซับซ้อน มีเพียงความอิจฉาริษยาและอยากจะกำจัดคู่แข่งออกไปให้พ้นทาง
“นั่นสิคะ พี่ภัทรยังเข้าใจเลยแล้วทำไมคนพวกนั้นไม่เข้าใจ ดาเซ็งมากเลยค่ะ” นวินดาบอกกับคนตัวโตน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงอารมณ์
“เป็นพี่พี่ก็เซ็งครับ ตอนนี้ก็เท่ากับว่าน้องดาว่างงานน่ะสิครับ”
“ใช่ค่ะ ดาคงหาอะไรทำชั่วคราวไปก่อน แต่การที่ดาถูกไล่ออกแบบนี้ โรงแรมอื่นก็คงไม่อยากรับดาเข้าทำงานแล้ว"
“ถ้าต้องการความช่วยเหลือบอกพี่ได้เลยนะครับ ถ้าน้องชายพี่หายดีคงต้องให้มาขอบคุณน้องดาให้เป็นเรื่องเป็นราว”
“ขอบคุณนะคะ ไม่ต้องทำแบบนั้นหรอกนะคะ เอาเป็นว่าไม่บอกเขาได้ไหมคะว่าดาเป็นคนบริจาคเลือดให้เขา” เธอรู้สึกซาบซึ้งใจมากที่คนตัวโตหยิบยื่นความช่วยเหลือมาให้เธอ เธอจะลองหางานทำเองก่อนถ้าไม่มีหนทางจริงๆ ก็คงต้องขอให้เขาช่วยเหลือ
“ทำไมล่ะครับ”
“ก็เพราะว่าดาไม่ได้ทำดีหวังผลตั้งแต่แรกไงคะ ตอนนั้นดาแค่อยากช่วยจริงๆ” ชายหนุ่มพยักหน้าขึ้นลงเบาๆเป็นอันเข้าใจหญิงสาวแล้ว เขารอจนเธอเดินเข้าไปในอาคารจึงขับรถยนต์คันหรูออกไป
"คุณพ่อกลับมาแล้ว" น้องเบย์ลูกชายของดนุภัทร์เอ่ยบอกกับผู้เป็นแม่เสียงใสด้วยความดีใจ
"ว่าไงครับคนเก่งของพ่อ ดื้อกับแม่เขาหรือเปล่า"
"ไม่ดื้อคร๊าบ" หนุ่มน้อยส่ายหัวไปมาเบาๆ
"ภพเป็นยังไงบ้างคะพี่ภัทร"
"ปลอดภัยแล้วครับ โชคดีที่น้องดามาบริจาคเลือดให้"
"ใครกันคะน้องดา"
"รู้จักกันตอนพี่ไปขอบคุณเขาที่ช่วยเหลือตาภพนี่แหละครับที่รัก"
"อย่างนี้นี่เอง วันหลังบัวจะทำขนมไปขอบคุณน้องเขา ว่าแต่มีช่องทางการติดต่อกันไหมคะ"
"มีเบอร์โทรศัพท์ครับ พี่ไปส่งน้องดาที่ที่พักมาด้วย"
"ดีแล้วล่ะค่ะ ยังไม่ได้ทานอะไรมาใช่ไหมคะ"
"ใช่ครับ เรื่องตาภพทำให้พี่กินอะไรไม่ลง แต่ว่าตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว พี่ขออะไรอร่อยๆรองท้องหน่อยก็ดีครับ"
"จัดให้เลยค่ะคุณสามี ส่วนเจ้าลูกหมูของแม่เอาไก่ทอดใช่ไหมจ๊ะ"
"ใช่คร๊าบบ"
ยลรดีและไววิทย์ฝากให้ผู้จัดการไร่ดูแลความเรียบร้อยทุกอย่างแทนในระหว่างที่นางและผู้เป็นสามีมาดูแลลูกชายที่โรงพยาบาล ดรัณภพพื้นตัวอย่างรวดเร็วด้วยเดิมทีแล้วร่างกายของชายหนุ่มแข็งแรงมากไม่ค่อยได้เจ็บไข้ได้ป่วยมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว คนเป็นแม่จึงวางใจเมื่ออยู่ในความดูแลของคุณหมอ
“ตาภพมาทานข้าวเช้ากันเถอะลูก”
“ผมทานเองได้ครับแม่ แม่ทำเหมือนผมเป็นเด็กสามขวบไปได้”
“ก็ลูกยังเป็นเด็กในสายตาแม่นี่หน่า โชคดีแค่ไหนแล้วที่ตอนนั้นมีคนใจดีบริจาคเลือดให้ลูกได้ทันเวลา”
“บอกผมได้ไหมครับว่าคนคนนั้นเป็นใคร”
“เขาไม่ประสงค์จะบอกชื่อจ้ะ”
“ผมโชคดีมากครับ ผมขอให้เขาคนนั้นมีแต่ความสุข”
“จ้ะ แม่ก็หวังแบบนั้นเหมือน แม่มีเรื่องอยากจะขอร้องลูกบ้าง”
“เรื่องอะไรล่ะครับ”
“ลูกก็รู้ว่าแม่ทนไม่ได้ที่ลูกได้รับบาดเจ็บแบบนี้” ยลรดีบอกกับลูกชายเสียงสั่น นึกย้อนกลับไปตอนนั้นหล่อนก็แทบจะขาดใจ หล่อนรักและดูแลลูกชายมาอย่างดี หล่อนและผู้เป็นสามีไม่เคยตีลูกชายเลยด้วยซ้ำได้แต่สั่งสอนลูกด้วยเหตุผล
“กลับไปอยู่ที่ไร่เราเถอะนะลูก อย่าทรมานตัวเองแบบนี้เลย ลูกควรจะลืมคนที่ทำให้ลูกต้องเจ็บทั้งกายทั้งใจได้แล้วนะลูก ถือว่าสงสารหัวใจของแม่ก็ได้” มารดาของเขาดวงตาแดงก่ำ นอกจากเขาจะทำร้ายตัวเองแล้วเขายังทำร้ายจิตใจครอบครัวของเขาด้วยสินะ เขาคงต้องตัดสินใจเรื่องนี้ใหม่