“เจ็บแย่เลยค่ะน้องดา”
“แค่นี้เองดาชินแล้วล่ะค่ะ ขอแค่ทุกคนพอใจดาก็ดีใจแล้วค่ะ”
“ขืนพี่อยู่ที่นี่ต่อน้ำหนักพี่ต้องขึ้นแน่ๆค่ะ” หญิงสาวตอบกลับนวินดาขำๆ อาหารอร่อยใครๆก็เจริญอาหารกันทั้งนั้นแหละจริงไหม มารดาของชายหนุ่มเมื่อเห็นว่าหญิงสาวทายาเรียบร้อยแล้วก็เบาใจ จากนั้นทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัวของตัวเองหมดเวลาทำงานของวันนี้แล้วหญิงสาวจึงออกมาเดินเล่นในสวน เธอตรงไปนั่งที่ศาลาไม้สีขาว หญิงสาวรู้สึกซาบซึ้งที่ทุกคนต่างเป็นห่วงเธอ เธอไม่ได้รู้สึกได้รับความรักความห่วงใยอย่างนี้มาสักพักแล้วหลังจากที่ต้องอยู่บนโลกนี้คนเดียวอย่างโดดเดี่ยว
“น้ำค้างลงแล้วนะครับ”
“อะ อ๋อค่ะ คุณคือ...”
“ขอโทษที่ยังไม่ได้มาแนะนำตัวครับ ผมชื่อสิงขรเป็นผู้จัดการไร่ที่นี่ครับ”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณสิงขร นวินดาค่ะ เรียกว่าดาเฉยๆก็ได้นะคะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณดา คุณดาชอบทำอาหารแบบนี้สนใจไปแข่งทำอาหารไหมครับ”
“มีแข่งทำอาหารด้วยหรอคะ”
“มีสิครับ แต่ปกติไร่ของเราไม่ได้ส่งใครไป ไปแข่งในนามของไร่น่ะครับ”
“ดาสนใจค่ะคุณสิงขร ดาต้องไปสมัครที่ไหนคะ”
“ถ้าคุณดาสนใจเรื่องสมัครเดี๋ยวผมจัดการให้ครับ ไปแข่งมีเงินรางวัลให้ด้วยนะครับเห็นว่าน่าจะหลักหมื่น”
“ว้าว เยี่ยมไปเลยค่ะ”
ดรัณภพมองผ่านหน้าต่างออกไปก็เห็นว่านวินดากำลังคุยจ้ออยู่กับผู้จัดการไร่ของเขาท่าทางสนิทสนม ชายหนุ่มได้แต่คิดว่าค่ำมืดดึกดื่นหญิงสาวยังจะออกไปคุยกับผู้ชายสองต่อสองอีก
“มองอะไรตาภพ”
“มองเชฟคนเก่งของแม่น่ะสิครับ ยืนคุยกับผู้ชายสองต่อสอง ไม่สมควรเลย”
“เดี๋ยวนะ แค่ยืนคุยกันก็ไม่ได้มีอะไรเสียหายนี่ แถมผู้ชายคนนั้นยังคือสิงขรยิ่งไม่มีอะไรน่าห่วง ว่าแต่นายเถอะมาแอบยืนดูเขาคุยกันทำไม ชอบน้องดาเขาหรอ”
“ไม่มีทาง ผมจะไปชอบผู้หญิงแบบนั้นได้ยังไงไม่มีความเป็นกุลสตรี” ชายหนุ่มตอบกลับน้ำเสียงจริงจัง ใบหน้ากับรูปร่างของหญิงสาวพอไปวัดไปวาได้แต่ว่านิสัยใจคอนี่สิไม่อยากจะคิดถ้าได้มาเป็นแฟน
“ต้องเป็นกุลสตรีดีแตกอย่างแฟนเก่านายหรอ นายถึงจะชายน่ะ”
“พี่จะพูดเรื่องนี้ให้ได้อะไรขึ้นมา” ชายหนุ่มตอบกลับน้ำเสียงเซ็งๆ ไม่น่าเชื่อว่าตั้งแต่นวินดาเข้ามาป่วนในไร่หัวสมองของเขาก็ไม่เคยว่างเปล่านึกไปถึงอดีตแฟนที่ทิ้งเขาไปเลย
“โทษทีๆ ปากมันไวไปหน่อย”
“…”
“อีกสองอาทิตย์พี่จะย้ายออกแล้วนะ พี่ฝากที่นี่ด้วยล่ะ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ เชื่อสิว่าผมดูแลที่นี่ได้ ถึงตอนเด็กๆผมจะเป็นแค่ลูกมือพี่ก็ตามแต่ว่าตอนนี้ผมโตพอจะจัดการทุกอย่างได้โดยเฉพาะคนที่มันตั้งใจมาก่อกวนพวกเรา”
“รับปากแบบนี้พี่ก็สบายใจ ดูถ้าปีนี้เราจะได้เข้าร่วมทำอาหารเหมือนกับไร่อื่นๆนะ”
“ก็คงจะอย่างนั้นแหละครับ ไม่รู้ว่าที่แม่จ้างมาเพราะเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า”
“จะเพราะเรื่องอะไรก็ช่างเถอะ ไปๆเข้าไปในห้องของตัวเองได้แล้ว พี่ก็จะเข้าไปหาบัวกับลูกแล้ว”
“คร๊าบ ไอ้คนติดเมียติดลูก”
“นายลองมีเองสิแล้วจะรู้ว่ามันดีแค่ไหน” ดนุภัทร์ตอบกลับสายตาเป็นประกาย แต่งแต่มีหญิงสาวกับลูกเข้ามาในชีวิตก้ทำให้เขารู้ว่าความสุขที่สามารถสร้างได้คืออะไร
“พี่ก็รู้นี่ครับว่าผมไม่คิดจะแต่งงานแล้ว”
“ตามใจอยากอยู่เป็นโสดจนแก่ตายก็เชิญ” ดรัณภพอยากจะมองบนพี่ชายตัวเองเหลือเกิน แต่เขาก็พอจะเข้าใจได้เพราะหลานชายอยู่ในวัยกำลังน่ารักตามประสาเด็ก
นวินดาเอ่ยขออนุญาตลงแข่งขันทำอาหารกับยลรดีน้ำเสียงสดใส ซึ่งยลรดีนั้นก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งเพราะที่ผ่านมาไม่มีใครที่สามารถลงแข่งขันได้เลย แต่ว่าพอมาปีนี้มีนวินดาแล้วและหล่อนก็เชื่อว่าหญิงสาวจะคว้าชัยชนะมาได้ แน่นอนว่าเงินรางวัลที่ได้หล่อนจะยกให้นวินดาทั้งหมดเลยเพราะใจจริงแค่อยากให้หญิงสาวได้ร่วมสนุก
ก่อนลงแข่งขันหญิงสาวพยายามเลือกสรรเมนูที่แค่ได้ยินชื่อก็ว้าวแล้วมาทั้งหมดสี่เมนู เธอฝึกซ้อมก่อนการแข่งขันอยู่ประมาณสองสามครั้ง แน่นอนว่ายลรดีคือกรรมการที่คอยตัดสินรสชาติความอร่อยให้กับเธอ
“อร่อยที่สุดเลยจ้ะหนูดา” ยลรดีอดที่จะเอ่ยชมคนตรงหน้าไม่ได้ หญิงสาวมีพรสวรรค์ด้านการทำอาหารจริงๆ
“จริงหรือเปล่าคะคุณป้า ไม่ใช่ว่าอวยดานะคะ” หญิงสาวถามกลับขำๆ
“จริงสิจ้ะ ให้พ่อเลี้ยงชิมดูก็ได้” ไววิทย์เดินเข้ามาในครัวพอดีจึงขอท้าพิสูจน์ให้เอง ท่านยกนิ้วโป้งขึ้นมาเป็นสัญลักษณ์ให้หญิงสาวเพื่อยืนยันในสิ่งที่มารดาของตนพูด
1 อาทิตย์ต่อมา
วันนี้เป็นวันที่มีการจัดแข่งขันการทำอาหาร แต่ละไร่เองก็เตรียมข้าวของและวัตถุดิบที่จำเป็นต้องใช้มาจัดเรียงบนโต๊ะที่คลุมด้วยผ้าสีน้ำเงิน
“นั่นแม่เลี้ยงยลรดีนี่ ปีนี้ไร่ของแม่เลี้ยงลงแข่งด้วยหรอ”
“ลองแม่เลี้ยงได้มาจัดขนาดนั้นจะไปพลาดได้ยังไงล่ะยัยเมษา” เนตรดาวตอบกลับน้ำเสียงราบเรียบ
“งั้นใครจะเป็นคนทำอาหารล่ะ”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน พวกเรารอดุไปก่อนเถอะ นะ นั่นพี่ภพ พี่ภพหล่อจังเลยอ่ะแก”
“พี่ภัทรหล่อกว่าอีก” เมษาบอกออกไปคล้ายคนละเมอจนเพื่อนต้องรีบห้ามปราม
“น้อยๆหน่อย รายนั้นน่ะเขามีลูกหนึ่งแล้ว”
“เฮ้อ! เซ็งตรงนี้แหละ”