ชีคคาลิคถึงกับโกรธจนหน้าดำหน้าแดง เมื่อได้ฟังคำตอบจากริมฝีปากอิ่มแดงระเรื่อนั่น หัวใจก็เริ่มเต้นแรงเพราะต้องพยายามระงับอารมณ์โกรธที่ถูกอีกฝ่ายขัดใจ ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยถูกใครหรือผู้หญิงคนไหนขัดใจเขาเลยสักครั้ง เพิ่งจะมีก็ยัยผู้หญิงคนนี้แหละ
“อย่าให้ฉันต้องหมดความอดทนนะฟารีดา ไปจัดห้องให้ฉันห้องหนึ่ง เพราะคืนนี้ฉันจะนอนที่นี่ แล้วเธอก็ต้องนอนเป็นเพื่อนฉันด้วย”
น้ำเสียงเข้มสั่งอย่างไม่ค่อยจะสบอารมณ์กับท่าทีเฉยชานั้น เขาชักไม่แน่ใจแล้วสิว่าผู้หญิงคนนี้เคยรักเขาอย่างที่เธอเคยบอกเขาเมื่อ
หลายปีก่อนจริงๆ
“แต่ฉันจะกลับอัสมาอิล”
“แต่ฉันไม่ให้กลับ ถ้าเธอยังขืนขัดคำสั่งฉันอีกครั้ง เธอเจอดีแน่ฟารีดา แล้วถ้าฉันทำอะไรเธอ เชื่อเถอะว่าไม่มีใครช่วยเหลือเธอได้หรอก เพราะท่านย่ากับท่านแม่บินไปรัสเซีย คิดเอาเองก็แล้วกันว่าจะเชื่อฟังคำสั่งฉันหรือว่าเธอจะขัดคำสั่งของฉัน”
ฟารีดาขบกรามแน่น ใบหน้างามเริ่มบึ้งเมื่อได้ฟังชีคคาลิคพูดจบ หญิงสาวเหลือบมองใบหน้าถือดีอย่างเกลียดชัง แม้เมื่อก่อนเธอจะรักเขา แต่ตอนนี้เขาก็เป็นคนที่เธอเกลียดมากที่สุด เธอจำทุกคำพูดที่เขาใส่ร้ายและพูดจาดูถูกเธอ
ไม่ว่าใครก็ตามที่พูดถึงเธอเขาก็จะเคยตำหนิ ต่อว่าใส่ร้ายเธอว่าทำตัวไม่ดี ไม่เหมาะที่จะเป็นภรรยาของเขา แล้วเขาคิดบ้างหรือเปล่าว่าเธอเองก็เกลียดเขาไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
หญิงสาวลุกเดินตรงไปยังห้องพักอีกห้องที่ยังว่างอยู่ด้วยความจำใจ ตอนนี้ไม่มีใครคอยช่วยเหลือเธอเวลาเขาโมโหหรือไม่พอใจ เพราะท่านย่าฮาซาร่ากับท่านหญิงราเซียน่าก็บินไปรัสเซีย สิ่งที่เธอทำได้ก็คืออย่าขัดคำสั่งเขา แต่ถ้ามากจนเกินไปเธอก็คงจะไม่ยอมเหมือนกัน
ชีคคาลิคจ้องมองฟารีดาที่เดินตรงไปยังห้องพักอีกห้องที่ว่างอยู่ด้วยความสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย รู้แบบนี้เขาน่าจะเอาเรื่องที่ท่านย่ากับท่านแม่ไม่อยู่มาขู่ตั้งแต่แรก ใบหน้าคมยังแต้มไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เมื่อร่างระหงเดินลับหายเข้าไปภายในห้อง
********
เกือบสองทุ่มชีคคาลิคก็เดินออกมาจากห้องนอน สายตาคู่คมกล้ากวาดมองไปรอบๆ ห้องนั่งเล่นเขาก็ไม่พบฟารีดาอยู่ในห้องเลย เท้าใหญ่ก้าวตรงไปยังห้องนอนที่อยู่อีกฟากของห้องนั่งเล่น เมื่อกวาดสายตาไปรอบๆ เขาก็ไม่พบแม้แต่เงา
“หรือว่าอยู่ในห้อง อย่าบอกนะว่าคิดจะหลบหน้าฉันอีกฟารีดา”
สมองยังไม่ทันได้คิดตริตรองแต่เท้าก็เดินตรงไปยังประตูห้องนอนทันที เพียงไม่กี่ก้าวร่างสูงก็เดินมาหยุดอยู่หน้าประตู มือหนาใหญ่ยกขึ้นมาเคาะประตูอย่างหงุดหงิด
อีกอย่างเขาก็หิวจนตาลายแล้วด้วย แต่ดูผู้หญิงคนนี้สิกลับไม่ยอมสนใจเขาสักนิด เขาเป็นถึงชีคผู้ปกครองรัฐฮาซัส ไม่ใช่คนสามัญธรรมดาเสียหน่อย แค่คิดว่ากำลังโดนฟารีดาเมยเฉย หัวใจก็รู้สึกเจ็บแปลบอย่างไม่มีสาเหตุ นี่เขาคงไม่ได้ตกหลุมรักผู้หญิงคนนี้หรอกนะ
‘เป็นไปไม่ได้หรอก ฉันไม่มีทางหลงรักเธอแน่นอนฟารีดา ฉันก็แค่ชอบเธอเท่านั้น ชอบไม่ได้รัก’
เมื่อไม่เห็นฟารีดาเปิดประตู ชีคคาลิคก็ยิ่งหงุดหงิด ก่อนจะตัดสินใจเดินตรงไปยังห้องครัวขนาดจิ๋วที่เขาสร้างเอาไว้ แต่เมื่อเดินไปถึงเขาก็ไม่พบแม้แต่เงาของหญิงสาว
ชายหนุ่มยืนนิ่ง หัวใจเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมา เมื่อไม่เห็นฟารีดาอยู่ภายในบ้าน ก่อนจะฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเขายังไม่ได้ลงไปดูที่แอ่งน้ำหลังบ้านพัก
ใช่สิ! ฟารีดาจะต้องลงไปเล่นน้ำที่นั่น ทำไมเขาถึงนึกไม่ถึง เมื่อคิดได้ดังนั้น ร่างสูงก็หันหลังกลับเดินตรงไปยังประตูด้านหลัง เพื่อมุ่งตรงไปยังแอ่งน้ำที่อยู่ไม่ห่างจากบ้านพักมากนัก และเขาก็พบว่าหญิงสาวอยู่ที่นั่นจริง
รอยยิ้มที่เคยหายไปเริ่มปรากฏอยู่บนใบหน้าคมคาย ยามสายตามองเห็นร่างระหงแหวกว่ายอยู่ในแอ่งน้ำ เขาไม่ยักรู้ว่าฟารีดาว่ายน้ำเป็นแล้ว ว่าแต่ใครเป็นคนสอนเธอว่ายน้ำกันนะ
ฟารีดายังคงดื่มด่ำกับบรรยากาศ หญิงสาวจึงไม่รู้ว่าตอนนี้เธอไม่ได้อยู่คนเดียวเสียแล้ว ร่างกึ่งเปลือยยังคงดำน้ำ แหวกว่ายอยู่กลางแอ่งน้ำอย่างมีความสุข เสียงเพลงหวานซึ้งกินใจ หลุดออกมาจากปากอิ่ม หญิงสาวยังคงมีความสุขกับการดื่มด่ำกับธรรมชาติยามค่ำคืน
ทุกครั้งที่เธอบินกลับมาอัสมาอิล เธอก็จะเดินทางมาพักที่นี่เสมอ เพราะเธอรู้ดีว่าตั้งแต่คาลิคขึ้นเป็นชีคเจ้าผู้ปกครองรัฐฮาซัส ชายหนุ่มก็ไม่ค่อยได้มาพักอยู่ที่นี่ ส่วนใหญ่จะพักอยู่ที่วัง หากคิดถึงท่านย่าฮาซาร่ากับท่านแม่ราเซียน่า เขาก็จะมาพักเพียงไม่กี่คืน แต่ไม่เคยมานอนพักที่บ้านพักหลังนี้
ดังนั้นสถานที่แห่งนี้ท่านฮาซาร่าจึงยกให้เธอเป็นของขวัญตอนเรียนจบปริญญาตรีเมื่อหลายปีก่อน โดยที่เธอไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วสถานที่แห่งนี้เป็นของชีคคาลิคไม่ใช่ของเธอ
ร่างสูงหุ่นกำยำที่ยืนมองภาพเย้ายวนใจอยู่ตรงหน้าถึงกับยกมือขึ้นมากุมหน้าอกของตัวเองอย่างตกใจกับการเต้นสะท้านของหัวใจ มันช่างรุนแรงจนหัวใจแทบจะกระโดดออกมาเต้นนอกอกทีเดียว ยามเขามองไปยังร่างกึ่งเปลือยที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในแอ่งน้ำ
สายลมพัดผ่านร่างหากแต่ไม่ได้เย็นอย่างที่คิดเพราะตอนนี้ร่างกายเขากลับร้อนรุ่มไปกับภาพตรงหน้า ยิ่งคืนนี้แสงจันทร์สว่างไสวจนทั่วเอซิส แสงจันทร์กับดวงดาวที่ส่องระยิบระยับอยู่บนฟากฟ้าต่างก็ส่องแสงสีนวลตาลงมากระทบร่างระหงที่ขยับตัวลุกขึ้นยืนอยู่กลางแอ่งน้ำ
แม้อากาศจะเริ่มหนาวแค่ไหนก็ไม่เท่ากับความปรารถนาที่กำลังลุกโชนอยู่ภายในกายของเขา ชายหนุ่มจ้องมองร่างงามอย่างหิวกระหาย ความต้องการกำลังโจมตีเขาอย่างหนัก เสียงหวานซึ้งก็ยังคงครวญเพลงไม่หยุดปาก แสงจันทร์คืนนี้ก็ช่างกระไร สว่างไสวจนเขาแทบจะมองเห็นเรือนร่างงดงามที่ยังคงครวญเพลงหวานซึ้งอยู่กลางแอ่งน้ำ
สายลมยังคงพัดพลิ้ว ยอดไม้ไหวเอนไปตามแรงลม ชวนให้บรรยากาศที่ดูหนาวเย็นอบอวลไปด้วยความปรารถนาที่กำลังแล่นพลุ่งพล่านภายในกายให้คุกรุ่น ยิ่งเห็นเรือนร่างงดงามกำลังแหวกว่ายอยู่กลางแอ่งน้ำ หัวใจก็เต้นสะท้านจนยากที่จะควบคุม
********
ฟารีดาเคลื่อนตัวเข้าสู่โขดหินที่ตั้งตระหง่านอยู่ริมแอ่งน้ำ ก่อนจะขยับกายลุกขึ้นมานั่งบนหินก้อนเล็ก สองมือยกขึ้นมาส่างผมอย่างอ่อนโยน
สายตาคู่หวานแหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความสบายใจ แม้วันนี้เธอจะต้องเจอกับชีคคาลิค แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เธอหมดความเป็นส่วนตัว ป่านนี้เขาคงจะนอนหลับอยู่ในห้องแล้ว หรือไม่ก็ออกมาทานอาหารที่เธอทำเอาไว้บนโต๊ะในห้องครัว
ส่วนคนที่หญิงสาวกำลังคิดถึงกลับมายืนแอบอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ด้านหลังโขดหินที่เธอนั่งอยู่ สายตาคู่คมกล้าหากแต่กรุ่นไปด้วยไฟสวาท ยามกวาดสายตามองเรือนร่างงามระหงที่นั่งอาบแสงจันทร์อยู่ตรงหน้าอย่างโหยหา แต่ก็ยังไม่ยอมออกไปปรากฏกายให้เงือกสาวแสนสวยเห็น
“เฮ้อ...อีกสองวันก็ต้องกลับปารีสอีกแล้ว”
คนเสียงหวานยังคงรำพึงรำพันกับตัวเอง อีกสองวันก็จะครบหนึ่งอาทิตย์แล้ว ซ้ำท่านย่าฮาซาร่ากับท่านหญิงราเซียน่าก็บินไปรัสเซียไม่รู้จะกลับมาวันไหน
ถ้าเธอไปโดยที่ไม่บอกกล่าวจะโดนตำหนิหรือเปล่าหนอ หรือว่าให้เธอบินไปถึงปารีสก่อนแล้วค่อยโทรมาแจ้งผู้สูงวัยทั้งสองว่าเธอเดินทางถึงปารีสโดยปลอดภัย
“บ้าจริง! เราลืมโทรไปบอกคุณคาร์ลอสได้อย่างไรเนี่ย”
ฟารีดาตำหนิตัวเอง เมื่อนึกได้ว่าตัวเองยังไม่ได้โทรไปบอกรุ่นพี่หนุ่มเลยว่าตอนนี้เธอถึงฮาซัสโดยปลอดภัยแล้ว เสียงถอนหายใจยาวก็หลุดออกมาจากริมฝีปากอิ่ม สงสัยเธอคงจะโดนคาร์ลอสบ่นอีกหลายชั่วโมงทีเดียว หากกลับไปถึงปารีส เฮ้อ...เธอไม่น่าลืมเรื่องที่จะโทรไปหาเขาได้เลย
...โปรดติดตามตอนต่อไป...