หลินซานซานยังคงโวยวายประโยคเดิมไม่เลิกรา เสียงทวีดังขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย หากขืนปล่อยให้นางพร่ำพูดเช่นนี้ไม่หยุด ผู้อื่นจะต้องได้ยินเสียงนางแน่ ดังนั้นจางอี้ซวนก็เลย...
“เช่นนั้นข้าให้จับของข้าคืนแล้วกัน!”
คว้ามือนางไปทั้งยังพูดไม่จบดี ก่อนจะวางฝ่ามือเล็กแหมะลงบนแผ่นอกตนเอง หลินซานซานมองด้วยน้ำตาคลอเบ้า ส่ายหน้าพรืดเมื่อเขาบอก
“หายกันแล้ว”
“หายกันเสียที่ไหน ท่านจับสิ่งสำคัญของสตรีนะ!”
หลินซานซานเลี่ยงที่จะไม่พูดคำว่า ‘หน้าอก’ อีกแล้ว ชักประดักประเดิดขึ้นมาอย่างไรก็ไม่รู้
จางอี้ซวนขมวดคิ้วมุ่นที่สตรีตรงหน้าช่างมากเรื่อง เขาจะเอาใจนางถูกหรือ เขาจับหน้าอกนางก็ให้นางจับหน้าอกคืนแล้ว แต่นางไม่พอใจ ทั้งยังอ้างว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งสำคัญของสตรี เช่นนั้น...
“เจ้าก็จับสิ่งสำคัญของบุรุษคืนก็แล้วกัน”
พลันก็จับมือนางเลื่อนลงต่ำไปวางแหมะอยู่บน...ส่วนกลางของลำตัว
สติสัมปชัญญะของหลินซานซานกลับคืนมาในตอนนี้ นางเบิกตาโพลง มองมือตนเองสลับกับใบหน้าคร้ามคมของแม่ทัพหนุ่มขณะที่เขาว่าออกมาหน้าตาเฉย
“หายกันแล้ว”
มันใช่หรือ เจ้าคนไร้ยางอาย!
หลินซานซานชักมือออก สะบัดไปมาเร็วๆ ราวกับถูกน้ำร้อนลวก ก่อนจะหุนหันทำท่าจะออกไปจากห้องอีกครั้ง ทำเอาจางอี้ซวนต้องพุ่งไปคว้าตัวนางไว้
“เจ้าจะไปไหน!”
“ปล่อยข้า!”
“ข้าจะปล่อยเจ้าก็ต่อเมื่อเจ้าบอกว่าจะไปไหน!”
นางชะงัก จ้องมองเขาด้วยสายตาเคียดแค้น จางอี้ซวนพอเดาได้ว่านางคงจะรีบวิ่งโร่นำเรื่องนี้ไปบอกใครต่อใครว่าเขาเป็นบุรุษ หาใช่สตรี หากแต่ก็ผิดคาดเมื่อนางข่มเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็กล่าวว่า...
“ข้าจะไปที่ครัว”
เรียวคิ้วกระบี่ของบุรุษหนุ่มเลิกขึ้นสูง
“ไปทำไม”
นั่นสิ นางจะไปที่ครัวทำไม มีสิ่งใดสำคัญที่นั่นหรือ?
แล้วก็ได้คำตอบเมื่อนางปล่อยโฮออกมาอีกครา พร้อมกับโวยวายประหนึ่งเสียสติ
“ข้าจะสับมือตัวเองทิ้ง! ฮือ...ข้าแปดเปื้อนแล้ว! ท่านทำข้าแปดเปื้อนแล้ว!”
นางแปดเปื้อนแล้ว ชาตินี้ทั้งชาติคงไม่มีบุรุษใดกล้าตบแต่งสตรีที่ไปจับมังกรของพี่สะใภ้เช่นนางอีกแล้ว!
จางอี้ซวนได้ยินก็แทบจะเอาศีรษะโหม่งเสาเรือนให้ตายไปตรงนั้น เป็นนางเองมิใช่หรือที่ทวงความยุติธรรมน่ะ เขาจับของสำคัญบนเรือนร่างนาง เขาก็ให้นางจับของสำคัญบนเรือนร่างของเขาคืน ไม่ยุติธรรมอย่างไร!
นั่นเป็นความคิดที่วิปลาส จางอี้ซวนตระหนักรู้ตนในภายหลังว่าการกระทำของตนนั้นช่างน่าละอาย เขาเป็นบุรุษ ล่วงเกินสตรีราวกับตนคือเติงถูจื่อ[1] สิ่งนั้นย่อมน่ารังเกียจ แต่เหนือสิ่งอื่นใด เขาต้องทำให้นางสงบสติอารมณ์ให้ได้ก่อน ตอนนี้นางเอาแต่กระทืบเท้าปึงปัง ร่ำไห้โวยวายไม่หยุด เขาจะเดือดร้อนเอาได้
แต่...ในเมื่อออกคำสั่งนางแล้วไม่ได้ผล ข่มขู่นางแล้วก็ไม่ได้ผล ถ้าอย่างนั้น...
“หากเจ้าไม่หยุดเสียงดัง ข้าจะไม่รับปากว่าญาติผู้พี่ของเจ้าจะมีชีวิตรอดถึงวันพรุ่งนี้”
ได้ผลชะงัด หลินซานซานปิดปากสนิทราวกับสั่งได้ นางใช้ดวงตาคู่สวยที่สะพรั่งไปด้วยหยดน้ำตาจ้องมองมาอย่างขุ่นเคือง
“ท่านจะทำอะไรญาติผู้พี่ของข้า”
หลินซานซานทอดสายตามองมาอย่างพรั่นพรึง จิตใต้สำนึกบอกกับนางว่าบุรุษตรงหน้าหาใช่ปุถุชนธรรมดา ปลอมตัวมาเป็นสตรีเช่นนี้ หากไม่ใช่เพราะประสงค์ร้ายแล้วจะทำเพื่อการใด นางไม่โง่หรอก!
หากแต่จางอี้ซวนไม่บอก และเขาไม่ทำอะไรญาติผู้พี่ของนางหรอก คนผู้นั้นไม่เกี่ยว แค่ใช้เป็นเครื่องมือขู่นางก็เท่านั้น
“จะทำสิ่งใดหาได้สำคัญ เจ้ารู้แต่เพียงว่าหากเจ้าไม่เชื่อฟังช้า ญาติผู้พี่ของเจ้าได้ไปเที่ยวชมปรโลกก็พอ”
แล้วหลินซานซานจะกล้าได้อย่างไร ปิดปากสนิทราวกับนางเป็นใบ้ ขณะที่อีกฝ่ายระบายลมหายใจเต็มแรง ทว่าการที่ไม่พูดสิ่งใด นางจึงรวบรวมความกล้าทำลายความเงียบอีกครั้ง
“แล้วท่าน...ปลอมเป็น...เอ่อ...พี่สะใภ้เพื่อการใด”
พูดไปก็กระดากปากไป นางไม่อยากเรียกบุรุษที่มีมังกรผงาด มิหนำซ้ำยังฉกมือของนางไปก่อนหน้าว่าพี่สะใภ้หรอก แต่จะให้เรียกอย่างอื่น นางก็อับจนปัญญา หาได้รู้เช่นกัน
จางอี้ซวนจ้องมองสตรีร่างเล็กนิ่ง “ในเมื่อเจ้าถามตรงๆ ข้าก็จะบอกตามตรง”
ว่าพลางก้าวเข้าหา นางถอยหลังหนีโดยไม่รู้ตัวกระทั่งแผ่นหลังไปชิดกับขอบโต๊ะที่อยู่ไม่ไกล สายตาจับจ้องยังรูปหน้างดงามของบุรุษผู้นี้นิ่ง
“ข้าจำต้องปลอมเป็นพี่สะใภ้ของเจ้า เพราะข้ามีสิ่งที่อยากรู้”
“สะ...สิ่งที่อยากรู้... เรื่องใดอย่างนั้นหรือ?”
จางอี้ซวนไม่บอกหรอก หาใช่เรื่องของนาง เขาได้แต่ว่านิ่งๆ เท่านั้น
“ไม่ใช่เรื่องของเจ้า”
“...”
“เอาเป็นว่าหากเจ้าไม่อยากให้ญาติผู้พี่ของเจ้ามีบาดแผลใดๆ เจ้าก็จงปิดปากให้สนิท”
เอาญาติผู้พี่ของนางมาขู่อีกแล้ว นางเผลอทำหน้าง้ำแล้วนะ!
[1] เติงถูจื่อ เป็นตัวละครในเรื่อง ‘จอมลามกเติงถูจื่อ’ ประพันธ์โดยซ่งอวี้ (298 – 222 ปีก่อนคริสตกาล) นักประพันธ์แคว้นฉู่ในสมัยจั้นกั๋ว ต่อมาใช้เป็นคำด่าผู้ชายที่ลามกไม่เลือก