แต่จางอี้ซวนไม่สนใจ หรี่ตาลงเล็กน้อย “แต่ถ้าเจ้าปากมากไป” แล้วก็แสร้งกดเสียงต่ำ “ข้าก็ไม่รับรองว่าเจ้านั่นจะอยู่รอดปลอดภัยจนกว่าข้าจะจากไป”
เลิกขู่นางได้แล้ว!
หลินซานซานเม้มริมฝีปากแน่นเป็นเส้นตรง ขณะเดียวกันก็ฉุกใจขึ้นมาได้
จนกว่าเขาจะจากไป เช่นนั้นก็หมายความว่า...?
“ท่านไม่เป็นพี่สะใภ้ของข้าไปชั่วชีวิตอย่างนั้นหรือ?”
คนถูกถามขมวดคิ้วมุ่น “ให้ข้าเป็นพี่สะใภ้เจ้าจนกว่าชีวิตจะหาไม่ สู้ให้ข้ากัดลิ้นตายตรงนี้เลยดีกว่า ข้าจะหย่า”
แล้วเหตุใดไม่หย่าตั้งแต่ตอนนี้เลยเล่า!
หลินซานซานคันปากยุบยิบ อยากจะถามแทบตาย แต่ไร้ซึ่งคำพูด ทว่าถึงจะไม่พูด จางอี้ซวนก็รับรู้ได้ว่านางอยากจะพูดสิ่งใด
“ข้าบอกเจ้าแล้วว่ามีเรื่องที่อยากรู้ ถึงได้มาตบแต่งเป็นฮูหยินให้ญาติผู้พี่ของเจ้า”
เรื่องนั้นนางไม่สนใจแล้ว เรื่องที่นางสนใจก็คือ...
“แล้วท่านจะหย่ากับญาติผู้พี่ของข้าเมื่อไร”
จางอี้ซวนหรี่ตามอง แลดูนางอยากให้เขาไปให้พ้นๆ โดยไวเสียเหลือเกิน
“ไว้ครบหนึ่งปีเมื่อไร ข้าจะหย่ากับญาติผู้พี่ของเจ้า การแต่งงานระหว่างข้ากับหลินจิ้นฝูเป็นสมรสพระราชทาน ใช่ว่าอยากจะหย่าก็หย่า ขัดราชโองการ มิวายกุดลูกกุดหลานกันทั้งสกุล”
เรื่องนี้หลินซานซานรู้ดี สมรสพระราชทาน ผู้ใดก็มิอาจขัด แต่เมื่อได้ยินเช่นนี้ นางก็ไม่แน่ใจว่าควรจะร้องไห้เสียใจให้ญาติผู้พี่ หรือร้องไห้ด้วยความดีใจที่ไม่ต้องมีฮูหยินเป็นบุรุษเหมือนกันดี
ดีใจสิ! นางควรดีใจ ญาติผู้พี่ของนางจะพ้นทุกข์พ้นโศก นางต้องดีใจอยู่แล้ว!
“ท่านพูดจริงๆ นะ?”
ยังจะร้องถามอีก จางอี้ซวนชักรำคาญใจแล้ว กระนั้นก็พยักหน้ารับ หงุดหงิดใจกว่าเดิมด้วยเมื่อเห็นดรุณีน้อยผู้นี้ยิ้มร่าราวกับยกภูเขาออกจากอก
“ข้าไม่เคยคืนคำ แต่...”
“แต่?”
“อย่างที่ข้าบอก หากเรื่องที่ข้าเป็นบุรุษถูกเปิดเผย ญาติผู้พี่ของเจ้าคงได้เหลือเพียงชื่อ”
ขู่มาอีกแล้ว หลินซานซานกลืนน้ำลายเอื้อกทันควัน และต้องเหงื่อซึมทั่วทั้งกายเมื่ออีกฝ่ายขู่สำทับมา
“ไม่ใช่เพียงญาติผู้พี่ของเจ้า แต่จะเป็นท่านลุง ท่านป้า เจ้า และคนอื่นๆ ในสกุลหลินด้วยที่จะเหลือแต่ชื่อ อย่าคิดลองดีกับข้าเชียว”
หลินซานซานเงียบงัน ไม่กล้าพูดสิ่งใดออกมา ได้แต่มองจางอี้ซวนผละไปแต่งกายด้วยอาภรณ์สตรีเช่นเดิม ไม่นานนัก เขาก็กลับกลายเป็นพี่สะใภ้รูปงามของนางอีกครา ก่อนที่นางจะต้องขนลุกชันไปทั้งร่างเมื่อเขาชำเลืองมอง
“มัวมองสิ่งใดอยู่ มาช่วยพี่สะใภ้ของเจ้าสางผมสิ...ซานเอ๋อร์”
ให้นางกัดลิ้นตายตรงนี้เถอะ! นางขนหัวลุกไปหมดแล้ว!
หลินซานซานไม่กล้าขยับตัวไปชั่วขณะ แต่แล้วก็จำต้องเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายที่ทรุดตัวลงนั่งหน้ากระจก ช่วยสางเส้นผมให้จนได้เมื่อตระหนักว่าต่อต้านไปก็ไร้ประโยชน์ นางต่อกรกับบุรุษผู้นี้ไม่ได้ และในเมื่อทำสิ่งใดไม่ได้ นางคงต้องยอมจำนนจนกว่าเขาจะเป็นฝ่ายหย่าไปเอง
แต่นั่น...มันตั้งหนึ่งปี!
นางต้องทนมีเขาเป็นพี่สะใภ้กำมะลอถึงหนึ่งปีเต็มเชียวหรือ!?
สวรรค์! นี่มันวิปริตวิปลาสกันไปหมดแล้ว!
หลินซานซานนอนไม่หลับตลอดค่ำคืน ทุกครั้งที่เคลิ้มเข้าสู่ห้วงนิทรา นางก็จะสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความหวาดระแวง ใจประหวั่นพรั่นพรึงเหลือเกิน ด้วยเกรงว่าพี่สะใภ้...ไม่สิ บุรุษผู้นั้นจะเข้ามาทำร้ายนางและสกุลหลินทุกคนอย่างที่ได้ขู่นางเอาไว้
พี่สะใภ้ผู้นั้นเป็นฝันร้ายของนางชัดๆ !
วันนี้หญิงสาวจึงดูไม่สดใสนัก หลินจิ้นฝูที่มักจะเห็นนางตื่นมาส่งเขาไปปฏิบัติราชการทุกวันถึงกับสังเกตเห็นและอดร้องทักออกมาไม่ได้
“วันนี้เจ้าดูไม่สดใสเลย เป็นอะไรหรือไม่”
คนถูกถามเหลือบมอง ส่ายหน้าเบาๆ
“แน่ใจอย่างนั้นหรือ”
คราวนี้นางพยักหน้า แต่ญาติผู้พี่ของนางหาได้เชื่อเช่นนั้น ปกติแล้วนางจะต้องส่งเสียงเจื้อยแจ้ว เตือนเขาให้อย่าลืมกินข้าวกินปลา อย่าหักโหมงานหนักสิ นี่เงียบนิ่งไม่พูดไม่จา หรือว่า...นางจะป่วย?
“ให้ข้าเรียกหมอมาตรวจร่างกายให้ดีไหม เผื่อเจ้าจะเจ็บป่วยตรงไหน”
“ข้าสบายดี เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าดูไม่สดชื่นก็เพราะนอนไม่ค่อยหลับน่ะ”
หลินจิ้นฝูร้องอ๋อออกมาเล็กน้อย “เจ้าก็เลยดูไม่สดชื่นล่ะสินะ”
หลินซานซานพยักหน้าอีกครั้ง ก่อนที่จะเบิกตาโพลงเมื่อได้ยินอีกฝ่ายว่า
“เช่นนั้นข้าจะบอกให้ฮูหยินของข้าคอยดูแลเจ้าแล้วกัน เผื่อเจ้าเป็นอะไรหนักหนา จะได้มีคนช่วยตามหมอ”
“ไม่ต้อง!”
นางโวยวายอย่างลืมตัว หลินจิ้นฝูเลิกคิ้ว ไม่เข้าใจอากัปกิริยาของนางนัก นางรู้สึกตัวในตอนนี้ รีบผ่อนน้ำเสียงลงในอยู่ในระดับปกติ
“ไม่ต้องรบกวนพี่สะใภ้หรอก ให้ข้าได้พักผ่อนสักหน่อยก็คงจะดีขึ้น”
ใช่ว่าหลินจิ้นฝูจะไม่รู้ว่าสตรีตรงหน้ากับฮูหยินของเขาไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไรนัก การที่เขาเอ่ยปากให้ฮูหยินของตนมาดูแลนาง นางคงจะลำบากใจไม่น้อย
“ถ้าอย่างนั้น มีอะไรก็บอกพ่อบ้านแล้วกัน ข้าไปก่อน”
“อืม ข้าจะรอเจ้ากลับมากินข้าวเย็นด้วยนะ”
หลินจิ้นฝูไม่พูดสิ่งใด ยิ้มบางๆ ส่งท้ายและขึ้นรถม้าหายไปจากหน้าจวน ทิ้งให้หลินซานซานมองตามจนลับสายตา ก่อนนางจะต้องสะดุ้งโหยงเมื่อหันกลับเข้ามาในจวนและพบว่ามีสายตาของใครบางคนจ้องมองนางนิ่งๆ อยู่ไม่ไกลนัก
สายตาคู่นั้น...เป็นของพี่สะใภ้!
เหตุใดวันนี้ถึงได้ตื่นเช้านัก!
หลินซานซานทำปากยื่นเล็กน้อย นอกจากนางที่ผิดปกติเพราะนอนไม่หลับแล้ว พี่สะใภ้ของนางก็ผิดปกติที่ตื่นเช้าเช่นกัน ปกติแล้วพี่สะใภ้...ไม่สิ บุรุษผู้นั้นจะต้องตื่นเที่ยงตื่นบ่ายสิ ตื่นเช้าเช่นนี้มีพิรุธนัก คิดจะทำการใดกันแน่
นางก็ได้แต่สงสัยเท่านั้นล่ะ ไม่กล้าออกปากถามหรอก เหตุเพราะยังคงหวั่นเกรงคนตรงหน้าอยู่ ขณะที่จางอี้ซวนในอาภรณ์สวยงามของสตรียังคงจ้องมองนางนิ่ง เมื่อเห็นหลินซานซานเดินหลบไปยังเรือนของตน เขาก็เอ่ยปากเรียก
“เห็นข้าแล้วเดินหนี ไม่เคารพพี่สะใภ้ ไม่เคารพนายหญิงของจวน อย่างนี้ใช้ได้หรือ”