กลับจากที่ร้าน ปภังกรก็กลับมาค้างที่เพนต์เฮาส์พร้อมจอมแก้วเหมือนปกติ คืนนี้เขาดื่มเยอะหญิงสาวจึงเป็นขับรถกลับ พอถึงที่พักเขาก็เมาหลับไป ตื่นมาในตอนสายปภังกรก็บอกเธอว่าเขาจะกลับบ้านจอมแก้วรับฟังและไม่ได้พูดหรือถามอะไร
ลูกชายคนโตของตระกูลอมรทรัพย์สิรินุกุลขับรถกลับมาที่บ้านในรอบสัปดาห์ตามคำสั่งของบิดา คราวนี้ปภังกรได้เจอกับ ‘เปา’ หรือสุริยกุล น้องชายต่างมารดา ลูกชายของเหม่ยชุ่ยหรือชื่อไทยว่าสวรส ภรรยาที่ตบแต่งกับบิดา สุริยกุลเพิ่งกลับมาจากไปดูงานของบริษัทที่จีนนานหนึ่งเดือน
สายตาพี่น้องต่างแม่สบมองกันโดยที่น้องชายไม่ได้เอ่ยคำทักทายพี่ชายก่อน เป็นปภังกรเองที่เอ่ยทักขึ้น
“อาเปา กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“สองวันที่แล้ว”
“เหรอ แล้วทำไมไม่เห็นเข้าบริษัทไปรายงานฉันเลย”
“ก็ยังไม่อยากเข้า เฮียมีไรเหรอ”
น้องชายตอบมาด้วยสีหน้าไม่ได้ยำเกรงแม้พี่ชายจะเป็นผู้บริหารสูงสุดของบริษัท ทว่าก็เป็นเพียงลูกของเมียรองของป๊า ม้าของเขาต่างหากที่เป็นภรรยาเอกคนที่สังคมรับรู้ แต่ป๊ากลับยกตำแหน่งประธานบริษัทให้มัน
ปภังกรเห็นท่าทางโอหัง ไม่ได้เคารพตัวเองจากน้องชายมาตั้งแต่เด็กจนชิน เรื่องนี้เขาไม่ได้ติดใจอะไร แต่ที่ต้องพูดเพราะมันเกี่ยวกับเรื่องงาน บุตรชายของบ้านสองคนยืนประจันหน้ากันอยู่ท่ามกลางความอึมครึมของบรรยากาศโดยรอบ ในตอนนั้นประมุขของบ้านก็เดินมาพร้อมกับเหม่ยชุ่ย
“อากั้ง มานานแล้วเหรอ”
เจ้าสัวแสงชัยถามลูกชาย ปภังกรหันไปเห็นก็ยกมือไหว้ทั้งบิดาและเมียของพ่อที่เขาเรียกว่าอี๊เหม่ย
“ก็ไม่นานครับป๊า เจอเปาเลยถามว่ากลับมาวันไหน เมื่อวานเจอกันป๊าไม่บอกนี่ว่าเปากลับมาแล้ว”
สุริยกุลหันไปมองหน้าบิดาเหมือนเพิ่งรู้ว่าเมื่อวานที่บิดาออกไปข้างนอกคนเดียวเพราะนัดลูกชายคนโปรดไว้นี่เอง ก่อนตวัดสายตาไปมองหน้ามารดาที่ทำหน้าไม่ชอบใจอยู่เหมือนกัน
“อืม อาเปากลับมาได้สองวันแล้ว ฉันก็นึกว่าเจอกันที่บริษัทเลยไม่ได้พูดถึง...”
เจ้าสัวพูดไปพลางถอนหายใจหนัก หนักใจจริง ๆ กับเรื่องพี่น้องที่ไม่กินเส้นกัน ถ้าปภังกรจะมีเมียมีลูกอีกสักกี่บ้านก็ช่วยอบรมสั่งสอนให้ลูกเมียรักสามัคคีกันหน่อยก็แล้วกัน แก่มาจะได้อยู่กันอย่างสบายใจไม่ต้องมาปวดกระบาลแบบป๊ามัน
“ช่างเถอะ ๆ อย่าเพิ่งเอาเรื่องเครียดมาพูด วันนี้อาหยกจะมากินข้าวเที่ยงด้วยก็ช่วยทำหน้าทำตัวดี ๆ กันหน่อย”
“ผมไม่ได้ทำตัวเลวร้ายอะไรสักหน่อยทำไมป๊าพูดแบบนั้น”
ลูกชายคนรองหันไปพูดกับบิดา แต่ก็ถูกสายตามารดาตำหนิว่าไม่ควร สุริยกุลจึงเงียบไปก่อนจะเดินหนี
บรรยากาศในบ้านจะเป็นแบบนี้เสมอ ปภังกรแยกไปคุยกับบิดาอีกด้านและไม่นานหยาดพิรุณก็มาถึง เธอให้รถตู้คันหรูของที่บ้านมาส่งและไม่ได้ให้รอเพราะอย่างไรตอนกลับปภังกรก็ต้องเป็นคนไปส่งเธอ
หยาดพิรุณเจอกับเหม่ยชุ่ยและลูกชายซึ่งนั่งอยู่ที่ห้องรับแขกก่อน ทายาทสาวของอัศวไพศาลเดชากุลรู้ว่าหญิงสูงวัยคนนี้คือเมียแต่งของบิดาว่าที่สามีในอนาคต ตาเรียวเล็กหางตาเชิดชี้ขึ้น ปลายจมูกและปีกจมูกมีเนื้อกว้างอย่างที่เรียกกันว่าจมูกสิงห์ สีหน้าเข้มงวด เธอเคยมีโอกาสได้เจอตามงานสังคมบ้าง ว่าที่ลูกสะใภ้คนโตของตระกูลอมรทรัพย์สิรินุกุลพนมมือไหว้
“สวัสดีค่ะอาซิ่มเหม่ย”
ก่อนตวัดสายตามองผู้ชายคนที่นั่งข้าง ๆ ซึ่งก็มองเธออยู่ คนนี้ก็น่าจะเป็นลูกชายของนาง เธอเคยพบเจอตอนเด็กบ้างแต่ไม่ได้สนใจอะไรเพราะไม่ใช่คู่หมายกัน จึงไม่ได้ทักทาย
“นั่งก่อนสิอาหยก เดี๋ยวให้คนไปบอกเจ้าสัว”
“ค่ะอาซิ่ม ป๊าหยกให้เอาโสมที่ได้จากจีนมาฝากเจ็กไช้กับอาซิ่มเหม่ย ดื่มแล้วร่างกายจะแข็งแรงและช่วยชะลอวัยด้วยค่ะ”
‘กิมไช้’ คือชื่อจีนของเจ้าสัวแสงชัย เ**กคืออา และซิ่มคืออาสะใภ้
“ขอบใจมากอาหยก ไม่เจอกันหลายปีเลย สวยจนจำไม่ได้”
“อาซิ่มก็เหมือนกันนะคะ ยังสวยมาก ดูไม่รู้เลยว่าอายุเท่าไหร่แล้ว”
“แหม เดี๋ยวนี้หมอเขาเก่งนี่นา มันก็ต้องมีบ้างแหละอาหยก”
สองหญิงต่างวัยคุยกันดูถูกคอดี มีทั้งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ก่อนที่เหม่ยชุ่ยจะเอ่ยถึงลูกชายที่นั่งอยู่ข้างกัน
“อาเปา นี่อาหยกที่เราเคยเล่นด้วยกันตอนเด็กไง”
“ครับม้า ผมจำได้” สุริยกุลมองใบหน้าสวยมีเสน่ห์ของหยาดพิรุณ รอยยิ้มเล็ก ๆ จุดที่มุมปาก
เหม่ยชุ่ยได้แต่เสียดายเพราะคนที่หยาดพิรุณจะแต่งงานด้วยไม่ใช่ลูกชายของเมียเอกอย่างนางแต่กลับเป็นลูกชายของเมียที่สังคมไม่รู้จัก เมียที่เจ้าสัวไม่เคยพาออกงานเลยสักครั้งแต่ลูกชายของมันกลับได้เป็นประธานบริษัท ทั้งที่ทุกอย่างมันต้องเป็นของสุริยกุลต่างหาก
“อาหยกจำอาเปาได้มั้ย”
“อ๋อ จำได้ค่ะ”
หยาดพิรุณตอบไปตามมารยาท แล้วกวาดสายตาไปโดยรอบไม่ได้อยากสนใจสองแม่ลูกนี้นัก แม้สุริยกุลจะเป็นลูกเมียแต่งของเจ้าสัวแสงชัยแต่เขาไม่ได้มีตำแหน่งใหญ่โตในบริษัท อีกอย่างเธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขา คนที่หัวใจเธอรู้สึกอยากครอบครองทั้งตัวและหัวใจคือปภังกรต่างหาก
เมื่อเจ้าสัวแสงชัยกับปภังกรเดินมาสมทบการพูดคุยก็อยู่ที่สองพ่อลูกนั้น เหม่ยชุ่ยกับลูกชายเหมือนเป็นเพียงตัวประกอบที่นั่งฟังเงียบ ๆ เมื่อแม่บ้านตั้งสำรับอาหารกลางวันเรียบร้อย ทั้งหมดก็ย้ายจากห้องรับแขกไปยังห้องอาหาร
หลังรับประทานมื้อกลางวันเสร็จเจ้าสัวแสงชัยก็บอกให้ลูกชายคนโตพาว่าที่ภรรยาเดินย่อยอาหารด้วยการชมสวนที่เพิ่งจะปรับปรุง ครู่ใหญ่ปภังกรก็ขับรถไปส่งเธอที่บ้าน